ผู้เขียน | ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง |
---|---|
เผยแพร่ |
นับเป็นโชคดีของเกษตรกจังหวัดภูเก็ตที่ทางบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีภูเก็ต จำกัด โปรโมตสินค้าหลักๆ ของเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งนี้ โดยสับปะรดภูเก็ต หรือที่คนใต้เรียกกันว่า ยาหนัด เป็น 1 ใน 3 อย่างของสินค้าขึ้นชื่อภูเก็ต อันได้แก่ กุ้งมังกรเจ็ดสี ผ้าบาติก และสับปะรดภูเก็ต โดยทางบริษัทเปิดให้จองสับปะรดภูเก็ตที่ดีที่สุด 100 ลูก เป็นสับปะรดภูเก็ตแท้ ขายในราคาลูกละ 1,500 บาท เป็นการทำแคมเปญแค่ 100 ลูก
คุณวิชัย แซ่ตัน เป็นเกษตรกรรายหนึ่งที่ได้รับจัดสรรโควต้าให้ขายลูกละ 1,500 บาท จำนวน 25 ลูก
หนุ่มใหญ่วัย 48 ปีรายนี้เรียนจบ ปวส. สาขาอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนหน้าที่จะมายึดอาชีพเกษตรกรเต็มตัวเคยทำงานโรงแรมมาก่อน พอปี 2535 ไม่มีคนช่วยพ่อที่ปลูกสับปะรดมานานกว่า 50 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำหันมาเป็นเกษตรกรเพียงอย่างเดียว
เขาเล่าว่า ครอบครัวมีไร่สับปะรดที่ดูแลรับผิดชอบอยู่ 2 แปลง คือที่ ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จำนวน 30 ไร่ และอีก 40 ไร่ ที่บ้านบางโจ ตำบลศรีสุนทร โดยปลูกมานานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งเป็นการปลูกแซมในสวนยางพาราที่หมดอายุการใช้งาน จำเป็นต้องปลูกต้นยางพาราใหม่ และช่วงที่ต้นยางพารายังไม่โตประมาณ 1-4 ปี สามารถปลูกสับปะรดแซมได้ เจ้าของสวนยางพาราจึงให้ไปปลูกสับปะรด พร้อมคอยดูแลต้นยางพาราให้ด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
รวมแล้วคุณวิชัยมีสวนยางพาราที่ดูแล 70 ไร่ มีสับปะรดประมาณ 200,000 ต้น ไร่หนึ่งมี 3,300 ต้น ตั้งแต่ปลูกจนเก็บลูกได้ใช้เวลา 14-20 เดือน เพราะมีลูกหลายรุ่น สามารถเก็บได้เรื่อยๆ
คุณวิชัย ให้ข้อมูลว่า ราคาขายสับปะรดไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับตลาด บางปีลูกเล็กขายได้ลูกละ 5-6 บาท ลูกกลางขายได้ลูกละ 19 บาท ส่วนลูกใหญ่ขายได้ลูกละ 24 บาท คิดแล้วขายได้เฉลี่ยลูกละ 10-12 บาท ตกแล้วกำไรลูกละ 6 บาท อย่างไรก็ตาม แม้ราคาไม่แน่นอน แต่ปีหนึ่งๆ มีรายได้หักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วเหลือประมาณ 1 ล้านบาท โดยมีคนในครอบครัวช่วยกันทำรวม 4 คน และจ้างคนช่วยอีก 4-5 คน
“ปีนี้เป็นปีแรกที่จะขายได้ลูกละ 1,500 บาท มีเกษตรกรได้รับคัดเลือกให้เข้าโครงการ 4 ราย ที่ไร่ได้โควต้าขาย 25 ลูก จากที่บริษัท ประชารัฐฯ สั่งมา 100 ลูก ตอนนี้เตรียมการไว้แล้ว เพื่อให้ได้ผลผลิตในช่วงวันที่ 26 มกราคมปีหน้า ช่วงตรุษจีน เริ่มปลูกเมื่อปีที่แล้ว รอบังคับให้ออกลูกในเดือนกันยายน ใช้เวลาอีก 140 วัน จึงต้องบังคับให้ออกลูก โดยใช้ฮอร์โมน ขอยืนยันว่าแม้จะใช้ปุ๋ยและสารเคมีแต่ก็ปลอดภัย เพราะก่อนตัดผล 3 เดือนไม่ได้ใช้สารเคมี และไม่ได้ใช้ยาฆ่าหญ้าเลย”
หน้าแล้งรสชาติดี อร่อย
คุณวิชัย บอกว่า แคมเปญนี้ดี ทำให้คนรู้ว่าสับปะรดภูเก็ตรสชาติดีเยี่ยม ทำให้ได้ราคาสูง อยากให้จัดแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากทำให้เกษตรกรมีรายได้ และเป็นการสร้างกระแสให้คนมาชิมว่าอร่อยจริง ทั้งหวาน กรอบ หอม อร่อย ซึ่งหากอยากทานสับปะรดภูเก็ตที่รสชาติอร่อยสุดต้องทานในหน้าแล้งประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน รสชาติจะหวาน น้ำน้อย
สำหรับขั้นตอนการปลูกสับปะรด เริ่มทำในช่วงหน้าแล้ง เริ่มจากการไถดิน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นการเตรียมดิน แล้วตากแดดไว้ 7-10 วัน พร้อมใส่สารให้วัชพืชตาย จากนั้นไถดินซ้ำอีกรอบ เพื่อให้ดินร่วนซุยจะได้ปลูกง่าย เสร็จแล้วเตรียมหน่อสับปะรด โดยเลือกหน่อที่สมบูรณ์ ไม่มีโรค ต้องเลือกหัวที่มีขนาดใหญ่ ความกว้างประมาณ 1 นิ้ว ขุดหลุมใส่ในดินลึก 5-10 เซนติเมตร เอียงประมาณ 45 องศาขึ้นไป ระยะปลูกห่างกัน 40-45 เซนติเมตร เว้นทางเดินไว้ 1.20 เมตร ห่างจากต้นยางพารา 1 เมตร
ทั้งนี้ จำเป็นต้องใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีด้วย แต่ใช้น้อยที่สุด อย่างเช่น การใช้สารกำจัดวัชพืช กำจัดหญ้า ใช้ครั้งเดียวก่อนปลูก โดยพ่นลงในดิน ต่อมาใช้ปุ๋ยบำรุงดินเพื่อให้สับปะรดได้ธาตุอาหารครบ เพื่อให้ต้นสมบูรณ์
คุณวิชัย ระบุว่า การปลูกสับปะรดแซมในสวนยางพาราไปกันได้ดี เพราะกว่าต้นยางจะโตใช้เวลา 4 ปี ปลูกสับปะรดได้ถึง 2 รอบ ถ้าต้นยางพาราใหญ่แล้วปลูกสับปะรดไม่ได้ เพราะรากจะแย่งอาหารกัน เนื่องจากต้นสับปะรดต้องการแสงแดดเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องแล้งทำให้เกิดโรคเหี่ยว และมีเพลี้ยมาดูดน้ำเลี้ยง
เกษตรกรรายนี้ เล่าให้ฟังอีกว่า สมัยก่อนมักมีคนมาติดต่อให้ไปโค่นต้นยางพารา ปลูกยางพาราใหม่ และปลูกสับปะรดแซม แต่มาช่วงหลังนี้สวนยางพาราหายากขึ้น เพราะคนภูเก็ตไม่ปลูกยางพารา ทำธุรกิจอย่างอื่น อย่างที่อำเภอเมืองและอำเภอกะทู้ ทำธุรกิจท่องเที่ยว ดังนั้น ต่อไปอาจจะต้องขยันไปหาสวนยางพาราที่จังหวัดใกล้เคียงแทน อย่างเช่นที่พังงา
คุณวิชัย บอกอีกว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการนำสับปะรดภูเก็ตไปปลูกในหลายพื้นที่ แต่รสชาติสู้ที่ภูเก็ตไม่ได้ เนื่องมาจากดินที่ภูเก็ตมีธาตุอาหารและภูมิอากาศเหมาะสม ซึ่งมีผลการวิจัยพบว่า ชั้นใต้ดินของเกาะภูเก็ตเป็นหินแกรนิตทำให้ปลูกสับปะรดได้รสชาติดี อร่อย เมื่อนำสับปะรดภูเก็ตไปปลูกที่อื่น รสชาติจะไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นปลูกที่พังงาหรือกระบี่ ซึ่งสับปะรดภูเก็ตได้เครื่องหมายรับรอง GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) ด้วย เคยไปทานที่พังงารสชาติคล้ายๆ กัน ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาและการเก็บเกี่ยวด้วย ส่วนที่กระบี่ต่างกันเยอะ ไม่กรอบ