“คนแพ็กหนังสือ” อาชีพตั้งต้นชีวิตใหม่ ของอดีตผู้ต้องขังหญิง วัย 41

“คนแพ็กหนังสือ” อาชีพตั้งต้นชีวิตใหม่ ของอดีตผู้ต้องขังหญิง วัย 41

จากกรณีข่าว นักโทษรายหนึ่งพ้นโทษและได้ก่อคดีอุกฉกกรจ์ซ้ำ จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมถึงประเด็นที่ว่า สมควรแล้วหรือที่จะให้โอกาสคนเหล่านี้ได้เริ่มใหม่?

พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาชี้แจงว่า ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีนักโทษในความรับผิดชอบกว่า 370,000 รายทั่วประเทศ จึงมีทั้งนักโทษชั้นดีและเลวปะปนกันไป ซึ่งจำนวนนักโทษมีมากเกินกว่าที่เรือนจำสามารถรองรับได้ ส่งผลให้เกิดสภาวะไม่เอื้ออำนวยต่อการปรับปรุง

ทำให้เกิดกรณีเมื่อพ้นโทษแล้วออกมาทำผิดซ้ำ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้เร่งทบทวนและเพิ่มมาตรการป้องกัน จึงวอนให้ประชาชนอย่าเหมารวมหรือปิดโอกาสของผู้พ้นโทษในการกลับตัวเป็นคนดีของสังคม

โดยเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ เคยนำเสนอประเด็น “คนแพ็กหนังสือ” อาชีพตั้งต้นชีวิตใหม่ ของอดีตผู้ต้องขังหญิง ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ดังนี้

คนแพ็กหนังสือ – คุณติ๊ก – ธิดารัตน์ ศักดิ์คำดวง ผู้พ้นโทษในโครงการโอกาส วัย 41 ปี ที่ปัจจุบันมีอาชีพเป็น คนแพ็กหนังสือของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ (อ่านเรื่องก่อนหน้าได้ที่นี่ โอกาส ) “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” มีโอกาสได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของเธอ โดยคุณติ๊ก เล่าให้ฟังว่า

เมื่อก่อน เธอทำหน้าที่หาคนไปทำงานนวดต่างประเทศ เมื่อติดต่อได้แล้วก็ส่งต่อให้กับพี่สาวของเพื่อน ทำไปได้สักระยะก็มีเพื่อนเข้ามาร่วมกันทำงานกับเธอ โดยเพื่อนคนนี้จะเป็นคนติดต่อลูกค้าแล้วโอนเงินเข้ามาในบัญชีของเธอ

“พอเขาติดต่อลูกค้าได้ เขาก็ให้ลูกค้าโอนเงินผ่านบัญชีพี่ แต่เขาไม่ยอมเอาเงินที่ลูกค้าจ่ายไปทำเรื่องให้ พี่ก็เลยติดร่างแห โดนแจ้งความจับในคดี พ.ร.บ.แรงงานไปด้วย มีเจ้าทุกข์ 3 คน ซึ่งเรากับ 3 คนนี้ก็ไม่ได้รู้จักกัน เขาอยู่กันคนละจังหวัด เลยต้องติดคุกทั้งหมด 3 ที่ เป็นเวลา 3 ปีกับอีก 9 เดือน”

ที่แรกที่คุณติ๊กโดนขัง คือ ทัณฑสถานหญิงกลาง มีการตัดสินให้จำคุกทั้งหมด 2 ปี แต่เธอได้รับการอภัยโทษจากกรมสมเด็จพระเทพฯ โทษจำคุกจึงลดเหลือ 1 ปี 4 เดือน เมื่อพ้นจากทัณฑสถานหญิงกลาง เธอต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำจังหวัดนครสวรรค์อีก 1 เดือน ในคดีฉ้อโกง

“มันทำใจไม่ได้หรอกที่จะต้องเข้าไปอยู่ในนั้น ตอนที่ติดที่แรก ก็มีความหวังอยู่ตลอดเวลาว่าจะได้กลับออกไปหาลูก นี่คือความหวังเพียงอย่างเดียวเลยในตอนนั้น พอได้รับการอภัยโทษ มันก็เลยลุ้นว่าเราน่าจะได้กลับบ้านเร็วกว่าเดิม แต่ก็ต้องไปติดที่นครสวรรค์อีก 2 เดือน แต่พี่รับสารภาพ โทษเลยเเหลือ 1 เดือน ก็บอกไม่ถูกนะ เพราะความหวังที่จะได้กลับบ้านเร็วๆ ของเรามันยิ่งไกลเข้าไปใหญ่เลย ญาติก็ไม่มาหาเพราะมันไกล ไหนจะค่าใช้จ่ายอีก เราก็เข้าใจเขาแต่มันก็รู้สึกเคว้งๆ  พอครบเดือนก็ไปติดที่เชียงรายต่ออีก 2 ปีเต็ม ระหว่างนั้นก็มีโอกาสได้เรียนพวกงานฝีมือจากที่นั่น” คุณติ๊ก กล่าว

เธอเล่าต่อว่า เมื่อพ้นโทษออกมาแล้ว ก็มีอาการฟุ้งซ่านอยู่พักหนึ่ง อีกทั้งอยากมีงานทำ จึงเข้าโซเชียลเสิร์ชหางาน และคิดว่ามันต้องมีสักที่ที่มีงานให้คนพ้นโทษอย่างเธอทำ

“ตอนที่อยู่ข้างในเรือนจำ ก็ได้ยินแต่ข่าวจากญาติๆ ที่เข้าไปเยื่ยมนักโทษว่า สังคมข้างนอกไม่ได้ให้โอกาสกับคนที่ก้าวออกมาจากคุกมาเริ่มใหม่ ก็ฟุ้งซ่านแหละ แต่เราก็ยังเชื่อว่ามันจะต้องมีสักที่ที่ให้โอกาส แล้วจังหวะมันดีตรงที่ มีน้องคนหนึ่งเข้ามาแนะนำโครงการโอกาสให้รู้จัก ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ให้โอกาสผู้พ้นโทษได้มีงานทำ ตอนนั้นในใจเราก็คิดนะว่า มันมีจริงๆ หรอโอกาสที่จะเริ่มใหม่ แต่ก็คิดว่า เอาวะ เราไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว จะเสียเวลาก็เสียไป เพราะเข้าไปอยู่ในนั้นมา มันก็เสียเวลาไปเยอะแล้ว แค่อีกสักนิดก็ไม่เป็นไรหรอก จึงเข้าไปอบรมกับทางศูนย์จิตตะปัญญา ที่โครงการติดต่อให้ เพื่อที่เราจะได้มีใบรับรองว่า เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสภาพจิตใจแล้ว สามารถออกมาสู่สังคมภายนอกได้” คุณติ๊ก เล่าให้ฟังอย่างนั้น

หลังจากอบรมเสร็จและมีใบรับรองการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว ทางโอกาสก็ได้ติดต่อเข้าไปหาคุณติ๊กเพราะเห็นว่าเธอสามารถทำงานฝีมือได้ จึงเสนอให้ลองทำงานฝีมือแล้วส่งไปให้ทางโครงการ เมื่อเล็งเห็นถึงฝีมือทางโครงการจึงป้อนงานเข้ามาให้คุณติ๊กเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ได้มาเจอกับสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ที่กำลังต้องการคนไปช่วยงานเป็นเวลา 1 สัปดาห์พอดี

“ทางสำนักพิมพ์เขาแจ้งมาว่า ต้องการคนไปช่วยงานแค่ 1 อาทิตย์ แต่พอมาทำจริงๆ แล้วเจอคุณแพท ที่เป็นเจ้าของ เขาถามว่าพี่สามารถช่วยเขาได้นานแค่ไหน พี่ก็ตอบว่าช่วยได้เรื่อยๆ ก็เลยได้เข้ามาทำงานเป็นคนแพ็กหนังสือในสำนักพิมพ์ตั้งแต่ตอนนั้นเลย รวมๆ แล้วก็อยู่ที่นี่มา 6 เดือนแล้วค่ะ” คุณติ๊ก กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ด้านคุณแพท – ธนิษฐา แดนศิลป์ บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ภารตะ ได้พูดถึงเหตุผลที่เป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่ให้โอกาสกับผู้พ้นโทษว่า เธอมีความเชื่อในความเป็นมนุษย์ เพราะไม่มีใครอยากมีชีวิตที่เลวร้ายไปตลอด เธออยากมีส่วนที่จะให้โอกาสคนได้มีพื้นที่หรือที่ทางที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ในสังคม จากที่เธอให้คุณติ๊กมาทำงาน มันทำให้เธอได้เห็นว่า เขาได้เห็นว่าเขามีศักยภาพในตัวเอง มากกว่าที่จะไปเลือกเดินในทางที่ผิด

“ถ้าเรามัวแต่กลัว เราก็จะตั้งกำแพงไว้ตลอด แต่ถ้าลองเปิดโอกาสให้กับเขา สังคมมันก็ไม่จำเป็นตั้งกั้นกำแพงสูงๆ กับคนพ้นโทษที่กลับใจแล้ว เขาสามารถกลายเป็นส่วนดีได้ สามารถขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีได้เหมือนกัน” คุณแพท กล่าว

อดไม่ได้ที่จะถามถึงความรู้สึกที่ได้โอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณติ๊ก กล่าวว่า ตอนแรกที่เข้าไปทำงาน เธอรู้สึกกลัวว่าคนจะมองยังไงและเป็นกังวลว่าเพื่อนๆ ในที่ทำงานจะรับไม่ได้ ยังไม่ได้บอกใครหรอกว่าเราผ่านอะไรมา จึงทำงานไปเรื่อยๆ จนทางโครงการเข้าไปเยี่ยม ทุกคนในออฟฟิศจึงรู้เรื่องของเธอ หลายๆ คนตกใจไม่คิดว่าคุณติ๊กจะผ่านการจำคุกมา เพราะเธอดูแลพูดคุยกับคนในที่ทำงานปกติ ไม่ได้มีท่าทีน่ากลัวอะไร คุณติ๊ก กล่าวว่า เมื่อได้ฟังคนที่ทำงานตอบมาแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกชื่นใจ มีความกล้า และสบายใจขึ้นมาก แต่ก็มีบางกลุ่มที่เขาสะกิดใจ เธอก็เลือกที่จะนิ่งเฉยและทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด

“ตอนนี้ก็มีความสุขกับชีวิตดีค่ะ ครอบครัวก็ดีใจไปกับเราด้วย ที่เราสามารถก้าวข้ามกรอบที่ใครๆ ตราหน้าว่า คนที่อยู่หรือเคยอยู่ในเรือนจำ ไม่สามารถออกมามีอาชีพ หรือกลับตัวกลายเป็นคนดีได้ มันทำให้เรามีความสุขแล้วเรามีกำลังใจที่จะสู้ต่อ” คุณติ๊ก กล่าวทิ้งท้าย

ผู้พ้นโทษที่สนใจ หรือ นายจ้างท่านใดสนใจ อยากให้โอกาส ติดต่อได้ที่ เฟซบุ๊ก โอกาส, ไลน์ @okas หรืออีเมลก็ได้ที่ [email protected]

_____________________________________________________________

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ย. 62