“ชิม ช้อป ใช้” สร้างนิสัย คนไทยแบมือรอ นักการตลาดวิจารณ์ยับ! 

จากโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” ของรัฐบาล ที่ออกมาหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่หลังจากใช้งานจริงกลับเกิดปัญหาหลายเรื่อง กระทั่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ล่าสุด ในมุมมองนักการตลาดอาวุโส อย่าง คุณพลชัย เพชรปลอด เห็นว่า เป็นนโยบายที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย กล่าวในส่วนของ ข้อดี นั้น เปรียบให้เห็นภาพ คือ  การรักษาอาการปวดเมื่อย ด้วยการใช้ “ยาแรง” ชนิดฉีดด้วยสเตียรอยด์  ชนิด “ฉีดปุ๊บ หายปวดปั๊บ” แต่บั้นปลายนั้น ผลข้างเคียงเยอะ

“โครงการนี้ ได้ผลตอบรับดี คนลงทะเบียนเยอะและเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะของฟรี ใครก็อยากได้ สรุป ข้อดี ของชิม ช้อป ใช้ คือ มีเงินสะพัด แต่ข้อเสีย คนไทย จะเริ่มเสียนิสัย กลายเป็นพวกแบมือรอ” คุณพลชัย บอก อย่างนั้น

และว่า ที่ผ่านมามีหลายคนตั้งข้อสังเกต “ชิม ช้อป ใช้ “ เป็นนโยบาย “เอื้อทุนใหญ่” หรือไม่ ประเด็นนี้ ตนมองว่า ระบบการใช้จ่ายเงินตามเงื่อนไขของรัฐบาลนั้น อาจถูกออกแบบมา ให้เป็นเรื่องยุ่งยากกับชาวบ้านและ ร้านค้ารายย่อย  ส่วนธุรกิจใหญ่นั้น ไม่ลำบากในการเข้าสู่ระบบ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ติดตามรายละเอียดว่าธุรกิจที่เข้ามาลงทะเบียนนั้นมีใครบ้าง แต่เท่าที่ดูคร่าวๆ เห็นแต่ธุรกิจรายใหญ่ทั้งนั้น ที่เข้าร่วมโครงการ

“โดยส่วนตัว ไม่เคยศรัทธากับวิธีแก้ปัญหาแบบแจกเงิน ไม่ว่าจะให้เกษตรกรหรือใคร เพราะมันแก้ปัญหาได้แค่เฉพาะหน้าแบบสั้นมากๆ ขอเอาหน้ารอดไปที” นักการตลาดอาวุโส บอกอย่างนั้น

และว่า  อยากเห็นรัฐบาล มีมาตรการที่ยืนยาวกว่านี้ แล้วทุกคนมีโอกาสเท่าๆ กัน นี่แค่ ระบบลงทะเบียน ยังไม่แฟร์เลย พวกนอนหัวค่ำ หรือ เน็ตช้า ก็ซวยไป

“ประชาชนชอบอยู่แล้ว แจกเงินฟรี แต่รัฐเอง ควรคิดให้มากกว่านี้ อย่าง โครงการเที่ยว แล้วเอาบิลมาลดภาษี นั้น เห็นด้วยมากกว่า แต่ทำอย่างไร ให้ร้านค้าระดับชุมชน โอท็อป ได้ประโยชน์ด้วยตรงๆ มากขึ้น” คุณพลชัย กล่าวทิ้งท้าย