เปิดตำนานยาสมุนไพร 90 ปี “ขาวละออเภสัช” ยืนหยัดด้วยคุณภาพ สู่งานวิจัย “ขาวละออ เมาท์เจล”

เปิดตำนานยาสมุนไพร 90 ปี “ขาวละออเภสัช” ยืนหยัดด้วยคุณภาพ สู่งานวิจัย “ขาวละออ เมาท์เจล”

หากเอ่ยถึงยาสมุนไพรสักแบรนด์ในไทย หนึ่งในชื่อที่ติดทำเนียบ ครองใจคนไทยมาหลายยุคหลายสมัย คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ขาวละออเภสัช” ผู้ผลิตและส่งออกยาจากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มจากธรรมชาติ และสารสกัดจากสมุนไพรเบอร์ต้นๆ

อยู่คู่คนไทยมายาวนานถึง 90 ปี สืบทอดกิจการจากรุ่นสู่รุ่น โดยทั้งหมดเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาอันยาวนานนี้ ขาวละออเภสัชเริ่มเป็นที่รู้จักจากตัวยาสมุนไพรชื่อดัง อย่าง ยาถ่ายพยาธิขาวละออ และยากวาดสมานลิ้นขาวละออ

คุณวัชรพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ (คนที่1) พญ.เพชรไพลิน พงษ์บริบูรณ์ (คนที่2) และ คุณชัชวาร พงษ์บริบูรณ์ (คนที่3)

ขาวละออเภสัชยาสมุนไพรจากรุ่นสู่รุ่น

จากยุคแรกจนถึงปัจจุบัน ขาวละออเภสัช ยังคงดำเนินกิจการเรื่อยมา โดยทายาทรุ่น 3 คุณวัชรพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาวละออเภสัช จำกัด ในวัย 62 ปี หนุ่มใหญ่ท่าทางใจดีท่านนี้ เล่าถึงจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2472 ตรงกับช่วงรัชกาลที่ 7 ปีเดียวกันกับการเริ่มมีกิจการบริษัทเดินอากาศไทย (การบินไทย) ห้างขายยาขาวละออโอสถ ถือกำเนิดขึ้นโดย หมอหลง ขาวละออ แพทย์และเภสัชกรแผนไทย และผู้ชำนาญการปรุงยาแผนโบราณจากสมุนไพร จากการออกบวชเป็นพระภิกษุ ธุดงค์ตามอาจารย์ไปยังสถานที่ต่างๆ จนได้ตำรายาติดตัวมามากมาย ต่อมาได้ก่อตั้ง “ขาวละออโอสถ” ใกล้สี่แยกแม้นศรี ถนนบำรุงเมือง

ต่อมาช่วงปี พ.ศ. 2497 คุณบุญเรือน พงษ์บริบูรณ์ บุตรสาวของหมอหลง ขาวละออ และ คุณวราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ บุตรเขย หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ “ลุงขาวไขอาชีพ” (กิจกรรม “ลุงขาวไขอาชีพ” สอนอาชีพให้ฟรีแก่ผู้ยากจน เริ่มขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2512) เข้ามาสานต่อกิจการแทน ได้สร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ถนนลาดพร้าว และเปลี่ยนชื่อเป็น “ขาวละออเภสัช” เพื่อให้เป็นชื่อเฉพาะในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และคำว่า “เภสัช” ยังสะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิต

คุณวราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ บุตรเขย หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ “ลุงขาวไขอาชีพ”

กระทั่งในปี พ.ศ. 2522 เป็นยุคแห่งการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ขาวละออเภสัชได้ย้ายโรงงานไปที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ โดยทายาทรุ่น 3 คุณวัชรพงษ์ และ คุณชัชวาร พงษ์บริบูรณ์ น้องชาย ซึ่งเป็นเภสัชกรแผนปัจจุบัน ได้เข้ามาช่วยกันบริหารงานในตำแหน่งรองกรรมการและผู้จัดการฝ่ายผลิต เรื่อยมาจนในปี พ.ศ. 2558 ทายาทรุ่น 4 พญ.เพชรไพลิน พงษ์บริบูรณ์ ผู้ที่เป็นทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์และเภสัชกรแผนไทย และแพทย์ฝังเข็ม เข้ามาช่วยเสริมทีมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนา

โดยคุณวัชรพงษ์นับเป็นหัวเรือใหญ่ของขาวละออเภสัช ชีวิตในวัยเด็กหลังจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ด้วยความอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์จึงสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรียนได้ 3 ปีครึ่ง การเรียนต้องชะงักไป เพราะเป็นจังหวะย้ายโรงงานขาวละออเภสัชจากกรุงเทพฯ ไปสมุทรปราการ ถึงกระนั้นได้เข้าเรียนต่อสาขาวิชาวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จนจบปริญญาตรี จากนั้นศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จนจบปริญญาโท

แม้ไม่ได้เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ตามที่ตั้งใจไว้ แต่คุณวัชรพงษ์ไม่เสียใจแม้แต่น้อย เพราะได้นำความรู้มาใช้ประโยชน์ทำงานวิจัยให้ผลิตภัณฑ์ของขาวละออเภสัชจำนวนมาก จนขาวละออเภสัชมีความร่วมมือทางงานวิจัยกับต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สถาบัน GIZ ของประเทศเยอรมนี สถาบัน CBI ของประเทศเนเธอร์แลนด์ และ สถาบัน KOICA ของประเทศเกาหลีใต้

“และแม้เราไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยตนเอง แต่เราเป็นนักวิทย์ด้วยการงานของเรา อะไรที่แตกต่าง คนอื่นไม่อยากวิจัยเราทำ คนอื่นไม่อยากทดลองเราก็ทำ” คุณวัชรพงษ์ เล่า

 

จากภูมิปัญญาสู่งานวิจัย “ขาวละออ เมาท์เจล”

โดยผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยที่ขาวละออเภสัชตั้งใจปลุกปั้นมายาวนานกว่า 16 ปี ด้วยทีมงานนักวิจัยถึง 15 ท่าน คือ “ยากวาดสมานลิ้นขาวละออ” ผลิตภัณฑ์ที่อยู่คู่กับขาวละออเภสัชมาตั้งแต่ยุคแรก ตั้งตำรับโดยหมอหลง ขาวละออ ใช้กวาดลิ้นเด็กเล็กที่ลิ้นเป็นฝ้า ละออง ซาง ขุมขาว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เด็กร้องไห้โยเย ดูดนมไม่ได้ เด็กจึงอ่อนแอและอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยของเด็กได้

พญ.เพชรไพลิน เล่าในส่วนของการวิจัยให้ฟังว่า ในยุคแรกๆ ยานี้มีรูปแบบเป็นยาแผ่นห่อด้วยอะลูมิเนียม บรรจุในซองกระดาษ บนแผ่นตีเป็นเส้น เพื่อหักแบ่งใช้ตามเหมาะสม วิธีการใช้คือนำยามาฝนกับฝาละมี (สิ่งที่ปิดปากหม้อดิน) เติมน้ำสุกอุ่นเล็กน้อย พอได้เนื้อยาก็นำมาป้ายหรือกวาดยาในบริเวณปากที่เด็กหรือผู้ใหญ่เป็นแผล

 

ต่อมาในรุ่นที่ 2 มีการนำเทคโนโลยีการตอกอัดเม็ดยา ขาวละออเภสัชจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นชนิดเม็ดผนึกด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ บรรจุในซองกระดาษเช่นเดิม พร้อมเอกสารกำกับยาแนะนำการใช้ ผลิตภัณฑ์จึงมีความสะอาดและปกป้องความชื้นมากขึ้น สะดวกต่อการส่งไปจำหน่ายไกลๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการขนส่งในสมัยนั้นใช้การขนส่งด้วยรถไฟและรถยนต์ขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) ซึ่งปิดทำการไปแล้วในปัจจุบัน

ราวๆ ปี พ.ศ. 2512 ขาวละออเภสัชได้เล็งเห็นว่าแม้ชนิดยาจะมีการพัฒนาขึ้น แต่ผู้ใช้ยังต้องนำไปบดก่อนใช้อยู่ดี จึงพัฒนาเป็นชนิดผง บรรจุยาในซองอะลูมิเนียมด้วยเครื่องบรรจุอัตโนมัติซึ่งพิมพ์เลขที่การผลิตบนซองขณะบรรจุด้วย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 เข้าสู่ยุคแห่งการพัฒนาแบบก้าวกระโดด พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทยในขณะนั้น และทีมงานสนับสนุนการวิจัยตำรับยาแผนไทย ได้คัดเลือกยาแผนโบราณที่เป็นที่ยอมรับในท้องตลาดมาทำการวิจัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ยากวาดสมานลิ้นขาวละออ ชนิดผง

โดยทีมวิจัย ได้แก่ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จากผลการวิจัยพบว่า ยากวาดสมานลิ้นขาวละออมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดี ช่วยให้แผลหายเร็วและมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษของสมุนไพรในตำรับยา ที่มีการออกฤทธิ์เสริมกันทำให้เกิดผลการรักษาที่ดี แม้ใช้ยาในปริมาณน้อยมาก

ขาวละออเภสัชได้เล็งเห็นว่า ตัวยาเดิมนั้นมีลักษณะเป็นผงสีดำ หากจะนำมาใช้ในยุคปัจจุบันอาจไม่ตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่น หรือวัยทำงาน จึงได้นำมาต่อยอดและพัฒนาเป็นเจล เพื่อรักษาแผลในปาก

“แต่เพราะยังไม่เคยมีใครนำสมุนไพรไทยมาทำในรูปแบบเจล ไม่เคยปรากฏในไทยมาก่อน ทำให้ อย. ไม่เคยรับขึ้นทะเบียนสมุนไพรในรูปแบบเจล เราจึงต้องเคร่งครัดขั้นตอนการผลิต จึงต้องทำงานร่วมกับทีมวิจัย โดยคุณชัชวาร เป็นผู้ควบคุมการผลิต จัดเตรียมเอกสารข้อมูลต่างๆ พร้อมทำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ให้กับทาง อย.” พญ.เพชรไพลิน เล่า

ขาวละออ เมาท์เจล

กระทั่งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว “ขาวละออ เมาท์เจล” ได้รับการจดทะเบียนยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สังกัดกระทรวงสาธารณสุข แต่ถึงอย่างนั้นการวิจัยยังไม่สิ้นสุด เพราะเจลที่ใช้ในการผลิต ยังคงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ด้วยอยากได้เนื้อเจลที่เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของตำรับ ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก รวมทั้งบุคคลทั่วไปด้วย จึงวิจัยการผลิตเนื้อเจลของตนเองผ่านโครงการ ITAP โดยผู้วิจัย คือ ผศ.ภญ.เอมอร ชัยประทีป อาจารย์วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จนสำเร็จ เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ “ขาวละออ เมาท์เจล” (Khaolaor Mouth Gel)

นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำการวิจัย วันนี้ ขาวละออ เมาท์เจล สำเร็จเป็นผลิตภัณฑ์ สามารถวางจำหน่ายตามร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ นำไปสู่การรับรางวัล ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ (PMHA Award) ในเดือนมีนาคม 2562 และได้นำไปแสดงในงานสิ่งประดิษฐ์นานาชาติเก่าแก่ที่สุดในโลก ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ครั้งที่ 47 จนได้รับรางวัลเหรียญทอง เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2562 และ รางวัล Special Prize on Stage จาก Ministry of Science and Higher Education of The Russian Federation ถึงอย่างนั้นผลิตภัณฑ์เดิมอย่าง ยากวาดสมานลิ้น ยังคงมีจำหน่ายเช่นเดิม

คุณภาพ และความซื่อสัตย์ หลักยึดมั่นตลอด 90 ปี

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ คุณวัชรพงษ์ บอกว่า ปัจจุบันขาวละออเภสัชมีตำรับยาที่จดทะเบียนมากถึง 100 ตำรับ อาหารเสริมและเครื่องดื่มสมุนไพร 80 ตำรับ ผลิตในโรงงานซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP PIC/S ฮาลาล ISO 9001:2015 และ TTM (Thailand Trust Mark) โดยตัวยาและอาหารเสริมแยกกันผลิตคนละโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน

สำหรับตัวยาที่วางจำหน่ายในปัจจุบันมีราวๆ 60 ตำรับ อาหารเสริมและเครื่องดื่มอีกประมาณ 40 ตัว นอกจากนี้ ยังมีสินค้าใหม่คือ ยาบำรุงน้ำนม กับ ขาวละออ เมาท์เจล วางจำหน่าย โดยทั้งหมดสามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ร้านสมุนไพร และในสนามบิน ซึ่งตัวยาที่ได้รับความนิยมสูงสุด เห็นจะเป็น กระเทียมสกัดชนิดเม็ดอลิเซีย 5000 เห็ดหลินจือสกัดชนิดแคปซูล กระชายดำ ขมิ้นชันชนิดเม็ด ยาเม็ดลูกใต้ใบ และคอลลา 500 พลัส

“ตลาดต่างประเทศวางจำหน่ายแล้ว ใน สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา จีน เกาหลี และประเทศอื่นๆ อยู่ในระหว่างดำเนินการ ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศแถบเอเชีย เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้ยังมีความคุ้นเคยกับการใช้ยาสมุนไพร มีความศรัทธาในผลิตภัณฑ์ของไทย ทำให้ยาแผนโบราณของไทยมีโอกาส”

ส่วนของราคา คุณวัชรพงษ์ เล่าว่า ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน 90 ปี บริษัทไม่เคยบวกราคาค่าการตลาดอะไรให้เกินจริง ตั้งราคาขายแต่พอดี แต่ใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทจึงอยู่และพัฒนาได้ ผู้บริโภคได้ประโยชน์ และสิ่งหนึ่งที่ไม่ทำคือ ผลิตยาหรืออาหารเสริมที่ผิดกฎหมาย

“ผลิตภัณฑ์อยู่ได้เพราะเรามีลูกค้าประจำ บอกต่อกันมา โดยที่เราไม่ต้องโฆษณามาก เราทำคุณภาพเหนือราคา การทำสินค้าให้ดีนั้นต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่จะได้คุณภาพเพิ่มขึ้นมาก ยิ่งเมื่อผสานกับการวิจัยและการพัฒนาแล้ว ยิ่งทำให้คุณภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว สิ่งนี้ทำให้เรายั่งยืน” คุณวัชรพงษ์ เล่าเสริม

สำหรับแผนในปี 2562 นี้ ขาวละออเภสัช ตั้งเป้าส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน และขยายกลุ่มผู้บริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

นอกจากนี้ ผู้บริหารรุ่น 3 ยังเผยเคล็ดลับ ที่ทำให้ขาวละออเภสัชยืนหยัดอยู่คู่คนไทยมาตลอดระยะเวลา 90 ปี นั่นคือ การคงคุณภาพ ความซื่อสัตย์ รวมทั้งผสานด้วยเทคโนโลยี

“ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพไม่สามารถกระตุ้นตลาดได้มาก แต่ขาวละออเภสัชยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยาวนานถึง 90 ปี นั่นเป็นเพราะขาวละออเภสัชเน้นคุณภาพเป็นหลัก ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค อีกทั้งผลิตภัณฑ์ยังมีความโดดเด่นเรื่องภูมิปัญญา ผสมผสานด้วยคุณภาพ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย” คุณวัชรพงษ์ กล่าวย้ำถึงความเป็นตำนานของขาวละออเภสัช