“ม็อบฮ่องกง” รุนแรง ยืดเยื้อ เหตุเพราะ จิมซาจุ่ย ไม่เหมือน เทียนอันเหมิน

“ม็อบฮ่องกง” รุนแรง ยืดเยื้อ เหตุเพราะ จิมซาจุ่ย ไม่เหมือน เทียนอันเหมิน

ไม่ว่าจะเชียร์ขาดใจ ไม่ว่าจะรำคาญ ไม่ว่าจะเฉยเมย เราต่างได้ยินข่าวเรื่องประท้วงบนเกาะฮ่องกงมาหลายเดือน และน่าจะต้องตามกันไปอีกพักใหญ่

เรื่องไม่ลงรอยของจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกง ยังไม่จบเร็วนี้ แต่จะยืดเยื้อแน่นอน เพราะคนฮ่องกงนั้นลึกๆ ไม่เคยยอมรับการปกครองของจีน และแม้จะต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของจีน คนฮ่องกงก็พยายามเรียกร้องอิสระในการตัดสินอนาคตตนเองหลากหลายอย่าง

กฎหมายเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งทำให้คนกังวลว่าบรรดาคนที่ต่อต้านรัฐบาลจีนจะถูกจับตัวส่งไปแผ่นดินใหญ่ เป็นเพียงหนึ่งในร้อยในพันเรื่อง แต่เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นความกังวลที่สมเหตุผล เพราะจีนแผ่นดินใหญ่จับคนที่เห็นต่างจากตนไปรับโทษมาแล้วมากมาย แม้ว่าจะหนีออกมาก็ยังตามจับตัวได้ โดยใช้ทั้งกำลังคนและอำนาจในการบีบให้ประเทศอื่นดำเนินการตามต้องการ

คนเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจีนในฮ่องกง ถูกจับข้ามไปรับโทษในแผ่นดินใหญ่หลายคน บางคนหนีมาอยู่เมืองไทยยังถูกจับกลับไปได้ ดังนั้น ความกังวลนี้สมเหตุผล และน่าเห็นใจ

แต่การที่ลุกขึ้นต่อต้านประท้วงทั้งเกาะให้คนเห็นทั้งโลก ยักษ์ใหญ่อย่างจีนไม่มีทางยอมรับได้ และรอเวลาจะจัดการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามแบบแผนของจีนเอง

แต่ในขณะเดียวกัน จีนก็รู้ว่าทำอะไรรุนแรงกับฮ่องกงไม่ได้ เพราะฮ่องกงเป็นเมืองท่าสำคัญ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลก ลงมืออะไรรุนแรง จะเสียหายแก่เศรษฐกิจของฮ่องกงและจะส่งผลต่อไปในวงกว้าง เกินกว่าจะจินตนาการถึง

และที่สำคัญ ฮ่องกง เป็นศูนย์รวมความสนใจของโลก การลงมือลงไม้อะไรกับฮ่องกง จะอยู่ในสายตาของโลก แม้ไม่แคร์ แม้ไม่ยอมให้ใครหยาม แต่จีนก็ไม่อยากให้ใครมามองเป็นผู้ร้ายผู้กดขี่

เหตุการณ์ล้อมปราบผู้ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เมื่อปี 2532 ยังคงหลอกหลอนจีนรายปี ตกเป็นผู้ร้ายในสายตาคนทั้งโลก แต่เทียนอันเหมินนั้น อยู่ลึกในแผ่นดินจีน อยากทำอะไรก็ทำได้และทำไปแล้ว ส่วนฮ่องกงนั้นเป็นเกาะแยกออกจากแผ่นดินใหญ่ จะไปล้อมปราบอะไรนั้นยาก

อันนี้ก็กลับไปย้ำว่า มันจึงจะเป็นเรื่องยาวและยืดเยื้อ วัดใจกันยกแล้วยกเล่า

 

ผู้ประท้วงที่ฮ่องกงล้วนอายุน้อย นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่จีนทำอะไรได้ลำบาก และที่ลำบากอีกอย่างคือ ผู้ประท้วงรวมตัวกันกระจายกันไปในย่านธุรกิจสำคัญ ทั้งฝั่งฮ่องกง และฝั่งเกาลูน การจะอาละวาดล้อมปราบเหมือนจัตุรัสเทียนอันเหมิน หรือในพื้นที่ลับหูลับตา และไม่มีผลกระทบในวงกว้างนั้น ทำไม่ได้ คือถ้าได้ปราบเมื่อไหร่ก็เท่ากับทำลายย่านธุรกิจนั้นอย่างหนัก

ลองนึกถึงภาพคนนอนตายบนถนนนาธาน หรือย่านจิมซาจุ่ยหรือเกาลูน มันจะกระเทือนการค้า การลงทุน ธุรกิจหลักของฮ่องกงขนาดไหน

และอย่านึกว่าที่ฮ่องกงมีแต่คนฮ่องกง ระยะ 20 ปีมานี้คนจีนแผ่นดินใหญ่หลั่งไหลไปอยู่ฮ่องกงไม่น้อย จำนวนมากยังมีปัญหาเข้ากันไม่ได้กับคนฮ่องกง ปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบฮ่องกงไม่ได้ คนฮ่องกงก็ไม่ค่อยยอมรับคนจีนแผ่นดินใหญ่ ความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดแต่ไม่สนิทกันนี่ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก

ดังนั้น จะลงไม้ลงมืออะไรกับคนฮ่องกง ก็ต้องระวังเพราะคนจีนก็ปนอยู่ แยกหน้าแยกตาไม่ออก ถ้าไม่พูดให้ได้ยินสำเนียง

วันนี้ พาย้อนเดินย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) ย่านที่เขาปิดถนนประท้วงกันหลายแสนคนในทุกสุดสัปดาห์ ย่านนี้อยู่ฝั่งเกาลูน หรือฝั่งแผ่นดินใหญ่ อยู่ตรงปลายก่อนจะข้ามไปเกาะฮ่องกง ส่วนหนึ่งของจิมซาจุ่ยเป็นที่ดินที่เขาถมทะเลออกมา

จิมซาจุ่ย ครอบคลุมถนนหลายสาย อย่าง Kimberley Road, Carnarvon Road หรือ Minden Row เป็นย่านการค้าร้านรวงแน่นขนัด ที่มากคือร้านอาหาร คนไทยไปเดินหากินเกี๊ยวกินโจ๊กกันให้ครึ่ด บางร้านอย่างร้าน Hung Lee มีแต่คนไทยนั่งกันเต็มเลยทีเดียว

การประท้วงมีทุกเสาร์-อาทิตย์ ร้านรวงย่านจิมซาจุ่ยปิดกันเกือบทั้งหมด วันธรรมดาก็ดำเนินชีวิตกันไป ถึงคืนวันศุกร์ก็จะเปิดกันให้ถึงดึกที่สุด แล้วปิดเงียบเสาร์-อาทิตย์ เจ้าของร้านที่สนับสนุนการประท้วงจะเอาน้ำท่าออกมาให้ผู้ประท้วงดื่ม แต่ไม่ว่าจะหนุนจะค้านต่างก็พากันปิด ไม่เช่นนั้นเสี่ยงเกินไป

คนไทยจะไปกินเกี๊ยวจึงควรไปวันธรรมดา ไม่ถึงกับต้องงดการเดินทาง เพราะการประท้วงมีกำหนดเวลาและสถานที่แน่ชัด ไม่อยากวุ่นวายก็หลบไปย่านอื่น ไปวันอื่น เข้าใจวิถีชีวิตของเขา เข้าใจเขา เราก็ไม่ทุกข์

วันเสาร์-อาทิตย์ จิมซาจุ่ย กลายเป็นสนามประท้วง เสียงตะโกนปลุกเร้า ด่าทอ แก๊สน้ำตา กระบอง กระสุนยาง จะปลิวว่อน แต่วันธรรมดา จิมซาจุ่ย ยังอึงคะนึงสนุกสนาน และอร่อยเหมือนเดิม

 

เผยแพร่ครั้งแรก 7 กันยายน 2562