“นักโหราศาสตร์” กับศาสตร์ดูดวงชะตา อีกอาชีพทำเงิน กว่าหลักพันบาทต่อวัน

“นักโหราศาสตร์” กับศาสตร์ดูดวงชะตา อีกอาชีพทำเงิน กว่าหลักพันบาทต่อวัน

ความเป็นมาของ โหราศาสตร์ หากจะว่ากันตามตรง คงต้องนับย้อนไปเป็นพันๆ ปี  ในสมัยที่คนโบราณมีเวลาเฝ้ามองท้องฟ้า  จนสามารถสังเกตการเคลื่อนที่ของดวงดาว จนเริ่มมีการจดบันทึก ทำแผนที่ดูดาว และปฏิทิน พอคนโบราณเริ่มสังเกตเห็นว่าตำแหน่งการเคลื่อนของดวงดาว มีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น  ก็นำบันทึกนั้นมาวิเคราะห์พินิจพิจารณา ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับวิชาสถิติ จนสรุปออกมาเป็น วิชาโหราศาสตร์ และมีการถ่ายทอดความรู้สืบต่อกันมา ถือเป็นวิชาเก่าแก่แต่โบราณที่ยังมีคนสืบทอดกันมา

อาจารย์บุศรินทร์ ปัทมาคม วัย 80 ปี นักโหราศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ผู้สนใจศาสตร์แห่งการพยากรณ์มาตั้งแต่อายุ 30 ปี

อาจารย์บุศรินทร์ ปัทมาคม วัย 80 ปี นักโหราศาสตร์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ผู้สนใจศาสตร์แห่งการพยากรณ์มาตั้งแต่อายุ 30 ปี ได้ให้สัมภาษณ์กับ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” เกี่ยวกับเส้นทางการเป็นนักพยากรณ์ระดับประเทศว่า ก่อนที่จะหันมายึดอาชีพการดูดวง อาจารย์เคยเป็นครูมาก่อน

“สมัยที่ยังอายุน้อยๆ ผมก็เป็นคนที่เคยไปดูหมอมาก่อนเหมือนกัน มีหมอพระ 2 รูป ที่วัดมหาธาตุ ซึ่งอยู่ต่างคณะกัน ทำนายทายทักชีวิตผมได้ถูกต้องตรงกันหลายเรื่อง รู้สึกแปลกใจ ว่าพระท่านทำนายได้อย่างไร ก็เลยคิดว่าแล้วทำไมไม่เรียนด้านโหราศาสตร์ดูบ้างล่ะ จะได้ไม่ต้องไปหาหมอดู พระที่สนิทกันเพราะเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนรูปหนึ่ง ได้กรุณาให้ผมยืมตำราโหราศาสตร์มาอ่าน 3 เล่ม” อาจารย์บุศรินทร์ กล่าว

ในระหว่างที่ได้เข้าไปทำงานในกรมอาชีวะศึกษา เขาก็ได้ศึกษาตำราโหราศาสตร์ด้วยตัวเอง และได้ก่อตั้งชมรมนักโหราศาสตร์ขึ้นในสถานที่ราชการ ทำให้อาจารย์บุศรินทร์ได้รับความรู้จากเพื่อนข้าราชการในชมรม ที่นำเอาความรู้เรื่อง การใช้ นวางค์จักร มาสอนให้เขาได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น จนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญในด้านโหราศาสตร์

เขาเริ่มรับดูดวงที่บ้าน และเขียนหนังสือเกี่ยวกับการดูดวงออกมามากมาย กระทั่ง ปี 2539 ได้ตัดสินใจลาออกจากกรมอาชีวะฯ แล้วมาทำงานในเครือมติชน ก่อนเกษียณอายุราชการในตำแหน่งนักเขียนเกี่ยวกับวิชาชีพด้านโหราศาสตร์ ในหนังสือพิมพ์มติชน, ข่าวสด, ประชาชาติธุรกิจ และศาสตร์แห่งโหร

“ดวง ถือเป็นแผนที่ชีวิตของแต่ละคน มันสามารถบอกอะไรได้หลายๆ อย่าง เมื่อทำนายออกมาแล้ว ต้องตีความให้ได้ว่าคนๆ นี้พื้นฐานดวงเป็นอย่างไร มีความถนัดความสามารถอะไรบ้าง ทำอะไรขึ้นไม่ขึ้น ผมศึกษาและอยู่ในวงการนี้มากว่า 50 ปี ฝึกฝนจนมีความชำนาญมากขึ้น ปัจจุบันมีจิตมุ่งมั่นที่จะให้ความรู้ จึงเปิดเป็นโรงเรียนโหราศาสตร์ขึ้น เพื่อสร้างโหรอาชีพ ไม่ว่าจะยึดเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักก็ตาม”

อาจารย์บุศรินทร์ กล่าวต่อว่า ในการเปิดสอนวิชาโหราศาสตร์ หลักสูตรที่ใช้สอนจะเป็นหลักสูตรนวางค์จักร โดยจะเอาเรื่องราวจากชีวิตจริง จากดวงชะตาของลูกค้ามาเป็นเนื้อหาวิชาการ อีกทั้งมีการติดตามผลการทำนาย ทำเหมือนการศึกษาและวิจัยสถิติทางโหราศาสตร์ไปในตัว

“วิชาโหราศาสตร์ เป็นอาชีพที่สามารถทำเป็นอาชีพหลักหรือเสริมก็ได้ เป็นอาชีพที่ทำเงินให้ได้จริงๆ เพราะคนไทยยังคงมีความเชื่อในเรื่องดวง ประกอบกับโหราศาสตร์เป็นงานที่ทำคนเดียวโดยไม่ต้องพึ่งทีมงาน สามารถมีรายได้โดยไม่ต้องลงทุนหรือไม่ต้องใช้วัตถุดิบใดๆ ผมอยากให้มีการถ่ายทอดหรือสอนกันอย่างมีระบบ จึงเป็นที่มาของการตั้งโรงเรียนเอกชนสอนวิชาชีพโหราศาสตร์ขึ้น เพื่อผลิตนักโหราศาสตร์ที่มีมาตรฐาน และมีจรรยาบรรณออกไปรับใช้สังคมให้มากขึ้น โดยได้รับใบอนุญาตในการเปิดสอนอย่างถูกต้อง มีลูกศิษย์มาเรียนแล้วกว่า 42 รุ่น ซึ่งก็ไปเป็นโหรอาชีพอยู่ในหลายๆ พื้นที่ ทั้งในและนอกประเทศ” อาจารย์บุศรินทร์ กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจเรียน อาจารย์บุศรินทร์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติอะไรพิเศษ แต่ต้องเป็นคนที่มีความอดทน รักและสนใจในศาสตร์การทำนาย และอ่านหนังสือออกก็พอแล้ว เพราะวิชาโหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยการอ่านและท่องจำเป็นอย่างมาก

โดยอาจารย์บุศรินทร์ คิดค่าเรียนคนละ 8000 บาท รวมค่าอาหารเที่ยง และเรียนเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ จำนวน 20 วัน รวม 100 ชั่วโมง อาจารย์ยังบอกอีกว่า เรียนแค่ 6 สัปดาห์ก็สามารถเริ่มดูดวงได้แล้ว

อุปกรณ์ในการเรียนโหราศาสตร์กับอาจารย์บุศรินทร์
อุปกรณ์ในการเรียนโหราศาสตร์กับอาจารย์บุศรินทร์

“วันๆ หนึ่งมีตารางดูดวงตลอด ตกวันละ 5 – 10 คน ใช้เวลา 40 นาที สามารถถามได้ทุกอย่าง ไม่จำกัดจำนวน โดยคิดค่าบริการคนละ 500 บาท คงราคานี้มาตลอด 50 กว่าปีที่ทำอาชีพนี้มา อาชีพนี้สามาถทำได้จนแก่ มีเงินเข้าตลอด เพราะยังไงคนก็ต้องการการทำนายเป็นแนวทางหรือหลักยึดเหนี่ยวในการใช้ชีวิต” อาจารย์บุศรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

หากใครสนใจเรียนหรือดูดวงชะตากับอาจารย์บุศรินทร์ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ (086) 366-5945

 

เผยแพร่ครั้งแรก วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2562