สู้ไม่ถอย ! ทายาทพันล้าน ชีวิตพลิกผัน หันขายข้าวแกงปักษ์ใต้

สู้ไม่ถอย ! ทายาทพันล้าน ชีวิตพลิกผัน หันขายข้าวแกงปักษ์ใต้

จากชีวิตที่พลิกผันของ คุณสมชาย ศรีสกุลภิญโญ ผู้ก่อตั้งบริษัท สตาร์มาร์ค เมนูแฟคเชอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตชุดครัวไฟเบอร์กลาสแห่งแรกของเอเชีย แต่เกิดความไม่ลงตัวในธุรกิจ มีเหตุให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ จนนำไปสู่การฟ้องร้องถึง 13 คดี จนถึงวันนี้ก็ยังต้องขึ้นศาลอย่างต่อเนื่อง ทรัพย์สิน เงินทองที่สะสมมาก็นำไปใช้จ่ายในคดีความเป็นส่วนใหญ่ คุณสมชาย และครอบครัว จึงหันไปขายราดหน้า ซึ่งตัวเองได้คิดสูตรเฉพาะขึ้นมา จากการพัฒนาฝีมือยาวนานถึง 20 ปี และแม้ว่าจะเปิดให้บริการเพียงไม่นาน แต่ปรากฏได้รับความสนใจ มีคนแห่ไปอุดหนุนกันอย่างเนืองแน่น

อีกฟากหนึ่งของ คุณกอล์ฟ-เดชนันท์ ศรีสกุลภิญโญ ลูกชายคนโตของคุณสมชาย ในจำนวนพี่น้อง 5 คน ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากคดีความ และถูกเลิกจ้างออกจากบริษัท ซึ่งที่ผ่านมาเขาตัดสินใจฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยจากการถูกเลิกจ้าง แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับ เพราะล่าสุดกรมบังคับคดี ได้อายัดเงินในบริษัทไว้

คุณกอล์ฟ-คุณกวาง

 

ที่ปรากฏว่ามีเงินสดคงเหลือเพียง 6,000 กว่าบาท และจนบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินชดเชย จึงต้องใช้เงินเก็บส่วนตัว ที่เก็บสะสมมาจากการทำงาน ที่เดิมตั้งใจจะใช้เพื่อจัดงานแต่งงานโดยไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ แต่เรื่องนั้นในวันนี้กลายเป็นสิ่งสิ้นเปลืองไปเสียแล้ว จึงตัดสินใจนำมาลงทุนทำร้านอาหารปักษ์ใต้กับแฟนสาว คุณกวาง-ยูนิกา ชุมสุข ซึ่งมีฝีมือในการทำอาหาร เนื่องจากเป็นลูกมือและช่วยคุณแม่มาตั้งแต่เด็ก โดยยึดทำเลในซอยแจ้งวัฒนะ 14 ใช้ชื่อร้าน “ข้าวแกง สะตอ เบอร์รี่”

“ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาขายอาหาร อาชีพที่ไม่คุ้นเคย และค่อนข้างไกลตัวมาก ถึงคุณพ่อจะสอนให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสมถะ แต่ก็ไม่เคยอยู่แบบนี้ ในวันที่เราต้องช่วยกันประหยัด ต้องยอมรับสภาพทุกอย่างได้ และทำทุกวันให้ดี คุณพ่อจะสอนเรื่องการจัดการ การใส่ใจในรายละเอียดความต้องการของลูกค้า คุณพ่อบอกว่า ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ลูกค้าต้องได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด ผมไม่เคยทำอาหารเลย แต่เป็นนักชิมที่ดี ทุกวันนี้ยังมีหน้าที่ชิมเหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้ ชิมเพื่อเป็นต้นทางให้ลูกค้า มีความพอใจสูงสุด อาหารทุกเมนู ต้องชิม จนคิดว่าอร่อยที่สุดแล้ว จึงจะบอกว่าผ่าน และเป็นเมนูของร้านได้” คุณกอล์ฟ พูดไปยิ้มไป

ก่อนเล่าต่อ เขากับแฟนสาว หาทำเลกันอยู่หลายที่ ตั้งแต่แถวบางแค ฝั่งธนบุรี จนมาจบที่แจ้งวัฒนะ 14 เพราะเป็นแหล่งชุมชน มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น เลยเช่าทั้งหลัง 4 ชั้น และเพื่อเป็นการประหยัด จึงพักอาศัยไปด้วยเลย เริ่มแรกคุณพ่อช่วยออกแบบแก้ไขพื้นที่ภายในร้านให้ และเดินทางไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สเตนเลสและเครื่องมือในครัวจากประเทศจีน เนื่องจากราคาถูกกว่าที่เมืองไทยหลายเท่า โดยที่คุณพ่อออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ ส่วนเขาติดต่อหาช่าง และวัสดุก่อสร้างในประเทศไทย ส่วนชั้น 2 ก็เตรียมไว้สำหรับการขยายเพิ่มเติม ชั้น 3 และ ชั้น 4 เป็นห้องพัก

ด้านคุณกวาง สาวปักษ์ใต้ร่างเล็ก หน้าคมเข้ม นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ บอกเล่าเพิ่มเติมว่า คลุกคลีกับการทำและการขายอาหารปักษ์ใต้มา 15 ปี โดยช่วยคุณแม่ขายอยู่ที่หลังศูนย์ราชการ ติดกับเคหะหลักสี่ ขายดีมาก ตัวเองเป็นทั้งเป็นลูกแม่ และลูกมือมาตั้งแต่เด็ก รู้กระบวนการขั้นตอนการปั่น โขลกพริกแกง แม่บอกทุกสูตรเด็ด ฝีมือช่วงแรกอาจจะสู้แม่ไม่ได้ แต่จากการคลุกคลี สู่การปรุงแทน วันนี้ แม่ทำอร่อยยังไง ลูกก็ทำได้แบบนั้น และในบางเมนู เธอคิดขึ้นมาเพิ่ม เพื่อประยุกต์ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้า รวมถึง การขยายฐานลูกค้า ที่ไม่ได้รอเพียงกลุ่มวอล์กอิน แต่ต้องวอล์กเข้าไปหาลูกค้าด้วย มีการออกร้าน และมีเพจ “ข้าวแกงสะตอเบอร์รี่แจ้งวัฒนะ 14” เพื่อโปรโมตร้านค้าอีกทาง รวมถึงการให้บริการส่งตรงถึงบ้าน รับออร์เดอร์ผ่านทางเพจ ซึ่งมีความสำคัญมากในยุคปัจจุบัน

คุณกวาง บอกว่า ทุกเช้าจะไปจ่ายตลาดเอง ต้องหาวัตถุดิบเองเพื่อควบคุมคุณภาพ และที่สำคัญ จะลดการรั่วไหลของต้นทุนที่ไม่จำเป็น ลองผิดลองถูกกันอยู่หลายเดือน กว่าที่จะรู้ว่า ของที่ซื้อมาหลายอย่างนั้น แพงกว่าแหล่งผลิตถึง 3 เท่า ธุรกิจร้านอาหาร มีฝีมือ ทำอาหารอร่อยอย่างเดียวไม่พอ เพราะจะมีต้นทุนต่างๆ เยอะมาก โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบ หากไม่ได้ซื้อในแหล่งที่ถูกก็จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

“ก่อนหน้านี้ ได้ไปเดินงาน THAIFEX ทำให้ได้รู้จักกับผู้ผลิตหลายคน ทำให้ได้วัตถุดิบคุณภาพดี ราคาถูก นอกจากนี้ กวางก็จะไปจ่ายตลาดเองตั้งแต่เช้ามืดที่ตลาดยิ่งเจริญ และใช้เครดิตของแม่ คือ การที่แม่แนะนำร้านวัตถุดิบที่แม่ซื้อมานานจนคุ้นเคยกันมา 17 ปี ทำให้ลดต้นทุนบางอย่างลงไปได้มาก ส่วนเนื้อหมู สั่งมาจากฟาร์มหมูที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย ซึ่งร้านหมูจะอยู่ไม่ไกลจากร้านของเราเท่าไหร่ค่ะ”

คุณกวาง เผยถึงตรงนี้ คุณกอล์ฟ จึงพูดเสริมด้วยแววตาเป็นห่วงคนรักที่นั่งอยู่เคียงข้างว่า

“ผมสงสารกวางนะ เขาต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปตลาด แต่บอกเขาว่าให้อดทน เขาเคยบอกว่า อยากไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง ผมก็บอกว่า เราพยายามทำให้ร้านอยู่ตัวก่อน เรื่องเที่ยวพักผ่อน ไปตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ยังลำบากกันอยู่ต้องสู้กันอีกสักนิด เราต้องพิสูจน์อะไรหลายอย่าง เพื่อให้ธุรกิจที่ทำด้วยกันไปได้”

อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจนั้น มีผลกระทบต่อยอดขาย แม้ความอร่อย คุณภาพ จะไม่ได้ลดลง แต่จำนวนของลูกค้าประจำ ที่เคยพักอาศัยอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 14 ที่ลดลง เนื่องจากถูกเลิกจ้าง จึงต้องย้ายออกไป ร้านค้าที่อยู่ในซอยเดียวกันหลายร้านเป็นเหมือนเพื่อนบ้านรู้จักกันมาตั้งแต่เริ่มมาเปิดร้านในช่วง 2 ปี ซึ่งล้มเลิกกิจการไปไม่น้อย ดังจะเห็นป้ายให้เช่าที่มีให้เห็นตลอดซอย ส่วนที่ร้านของพวกเขาเอง ยอดขายลดลงบ้าง แต่ลูกค้าประจำยังเหนียวแน่น ทำให้พออยู่ได้ เนื่องจากราคาไม่ได้สูงมากนัก และลูกค้าติดรสชาติและมีการบอกต่อ

สำหรับเมนูเด็ด ที่คุณกวาง บอกว่า ลูกค้าจะสั่งซ้ำเสมอ คือ น้ำยาปู ซึ่งขายอยู่ชุดละ 80 บาท ถ้าเป็น น้ำยาปู + ไข่ปู ชุดละ 120 บาท ส่วนเมนูข้าวแกงที่ขายดีมากคือ ผัดหมูกะปิ ปลาแดงทอดขมิ้น คั่วกระดูกหมู ผัดเผ็ดสะตอ ฯลฯ รับประทานได้ทั้งครอบครัว ราคาไม่แพง ลูกค้าส่วนใหญ่บอกว่า “อร่อยทุกเมนู”

หากท่านใด มองหาร้านอาหารอร่อย แวะไปที่ร้าน “สะตอ เบอร์รี่ ข้าวแกงเมืองคอน” เข้าซอยแจ้งวัฒนะ 14 ไปเพียง 400 เมตร อยู่ฝั่งซ้ายมือ ตึกสีชมพู หรือสั่งซื้อผ่าน ไลน์แมน วงใน LINE MAN Wongnai ได้โดยพิมพ์ชื่อร้าน “ข้าวแกงสะตอเบอร์รี่” หรือพิมพ์ค้นหาร้าน “ข้าวแกง” ใน “เขตหลักสี่” ก็จะพบชื่อร้านติดดีกรีอันดับ 1 ในพื้นที่  รับรองไม่ผิดหวัง