พิษค่าเงินบาท ส่งผลกระทบ ไม่เว้นแม้แต่รถเข็นขายมันฝรั่งเกลียว ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ฯ

พิษค่าเงินบาท ส่งผลกระทบ ไม่เว้นแม้แต่รถเข็นขายมันฝรั่งเกลียว ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี

อย่างที่ทราบกัน ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา (ช่วง พค.- กค. 62 )ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในสกุลดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโร ของฝั่งยุโรป เงินเยนญี่ปุ่น หรือเงินปอนด์ อังกฤษ

นั่นหมายความว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวบ้านเรา จากจำนวนเงินเท่าเดิม จะซื้อของได้น้อยลง

 

ผลกระทบนี้ แน่นอนว่า ส่งผลกระทบต่อการค้าการขายระดับประเทศ แต่ก็ไม่เว้นแม้แต่รถเข็นเล็กๆ ในแหล่งท่องเที่ยว อย่างที่ เกาะเต่า อ.พะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

คุณณฤทธิ์  เผือกขำ อายุ 35 ปี พ่อค้า ขายมันฝรั่งเกลียวบนรถเข็นเล็กๆ เล่าให้ฟังว่า  บ้านเกิดอยู่จังหวัดชุมพร เดินทางมาเกาะเต่า มารับจ้างทั่วไป กระทั่งเห็นช่องทางการขายมันฝรั่งเกลียว จึงเข้ายึดเป็นอาชีพ ขายมา 5 ปีแล้ว

ก่อนหน้านี้ ตั้งราคาไว้ที่ ไม้ละ 40 บาท อย่างเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วขายดีมาก ลูกค้าต่อคิวยาวเหยียด  เคยขายได้สูงสุด 170 ไม้ต่อวัน

แต่เมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทของไทย แข็งค่าขึ้นอย่างมาก เช่น แต่เดิม 1 ดอลลาร์สหรัฐ แลกได้ 33-34 บาท เป็นปกติ  แต่แข็งขึ้นมาที่ 29-30 บาท ทำให้กำลังซื้อของนักท่องเที่ยวลดลง

ซึ่งการแข็งค่าของเงิน รวมไปถึงเงินสกุลอื่นๆ ด้วย

 

คุณณฤทธิ์ จึงตัดสินใจ ลดราคา สินค้าลงมา 10 บาท จากเดิมขายไม้ละ 40 บาท ก็ปรับมาขายที่ 30 บาท ก็ทำให้พอขายได้

พ่อค้ารายนี้ เล่าต่ออีกว่า รายได้ไม่แน่นอน บางวันขายได้ 300 บาท บางวัน 500 บาท ค่าเช่าที่ ก็ 100 บาทต่อวัน เป็นพื้นที่หน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่ง ที่มีถนนคนเดิน ขนานไปกับชายหาดทรายรี บนเกาะเต่า ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน

ส่วนการลงทุนก็ง่ายๆ แค่ซื้อมันฝรั่ง กิโลกรัมละ 35 บาท มี 5 หัว (ขายได้ 150 บาท) รวมทั้งต้นทุนอื่นๆ เช่นแป้งกรอบ ผงโรย 3-4 รสชาติ ไม้เสียบ น้ำมันทอด และแก๊ส

คุณณฤทธิ์ เล่าว่า แม้ตอนนี้จะอยู่ในขั้นฝืดเคือง แต่ก็จะขายต่อไป โดยหวังว่าสักวันเศรษฐกิจก็น่าจะดีขึ้น