ผู้เขียน | อ้อมแอ้ม ณ แอลเอ |
---|---|
เผยแพร่ |
สิงคโปร์ มีประชากร 5 ล้านกว่า เป็นประชากรดั้งเดิมของตัวเองจริงๆ แค่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นคนต่างชาติที่เข้าไปทำงานและได้รับสัญชาติ หรือได้รับสิทธิพำนักถาวร
สิงคโปร์ เป็นเกาะ เป็นเมืองหลวง และเป็นประเทศในคราวเดียวกัน มีพื้นที่ 722.5 ตารางกิโลเมตร
คนไทยชอบทึกทักว่าสิงคโปร์เล็กกว่าภูเก็ต อันนี้ไม่ถูกนะ ภูเก็ตมีพื้นที่แค่ 576 ตารางกิโลเมตร ถ้าเอาให้ใกล้เคียง คือ สิงคโปร์มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ใหญ่กว่าเมืองนนท์หน่อยหนึ่ง หรือราว 3 ใน 4 ของจังหวัดสมุทรสาคร
แต่ประเทศเล็กๆ ทั้งที่ดินและประชากรนี้ มีรายได้สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประเทศโลกที่หนึ่งสมบูรณ์แบบ คือคนมีรายได้สูง ประเทศพัฒนาเต็มที่ การศึกษามีคุณภาพ
และเห็นเล็กๆ อย่างนี้ สิงคโปร์มีคนไปเยี่ยมเยียนปีละเกือบ 20 ล้านคน เกือบเท่าที่มาประเทศไทย เป็นประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยียนสูงอันดับ 4 ของโลก
ที่จริงสิงคโปร์ไม่ใช่ประเทศเดียวที่เป็นแบบนี้ ฮ่องกง ซึ่งมีประชากร 7 ล้านคน และเป็นเกาะขนาด 1,104 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าอยุธยาหน่อยหนึ่ง ก็มีคนเยี่ยมเยียนปีละเกือบ 30 ล้านคน
ใครที่หมิ่นแคลนว่าสิงคโปร์ “ไม่เห็นมีอะไรเลย” นอกจากช็อปปิ้งจึงพึงพิจารณาใหม่เสียให้ถ้วนถี่ ใครที่ว่าคนไปเยี่ยมเยียนเยอะเพราะเขาไปเปลี่ยนเครื่องบินเท่านั้น ก็ไม่จริง คนไปเที่ยวสิงคโปร์เกือบทั้งหมดคือคนที่พักอาศัยและใช้จ่ายจริงๆ ปีที่แล้วเขามีรายได้จากการท่องเที่ยว 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2 แสนล้านบาท พอๆ กับที่ประเทศไทยหามาได้ แต่ประเทศไทยประชากร 69 ล้านคน พื้นที่ใหญ่กว่า 710 เท่า
สิงคโปร์ ไม่ได้มีแต่ถนนนาธาน เขามีย่านการค้าที่ขยายไปทั่วประเทศ เรื่องค้าขายนั้นคนสิงคโปร์ไม่เคยเป็นรองใคร ตลาดเขามีทั่วทุกหัวระแหง แม้คนของเขาจะจับจ่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตกันไปเกือบทั้งมดแล้ว แต่ก็ยังมีตลาดท้องถิ่นในทุกหย่อมย่านที่มีคนพักอาศัย
ที่สิงคโปร์โดดเด่นมาก คือ ศูนย์อาหาร ที่เขารวบรวมเอาหาบเร่แผงลอยขายอาหารที่เคยกระจัดกระจาย มารวมกันไว้เพื่อง่ายต่อการเข้าถึง และการควบคุม เขาเรียกอาหารที่ขายในศูนย์อาหารเหล่านี้ว่า Hawker Food หรือ อาหารหาบเร่ แม้ว่าจะไม่หาบเร่อีกแล้วก็ตาม
มีศูนย์อาหารแบบนี้กระจายทั่วประเทศกว่าพันแห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ในย่านที่พักอาศัย คนสิงคโปร์อยู่บนอาคารสูงและพื้นที่จำกัด เขาจึงมีศูนย์อาหารไว้ใต้อาคารให้คนได้ดื่มกิน ไม่ต้องไปหุงหาเองบนอาคาร ราคาก็เป็นมิตรเพราะศูนย์อาหารบริหารโดยรัฐบาล
คนสิงคโปร์ละเอียดลออเรื่องอาหาร เพราะฉะนั้น ต่อให้เป็นอาหารในศูนย์อาหารเบๆ แบบนี้ก็หาได้ใช่ไก่กาไม่ ทั้งรสชาติ ทั้งความสดใหม่และความสะอาด ไม่น้อยหน้าร้านอาหารหรูหราใดๆ บางร้านมีคนเข้าแถวยาวอย่างอดทนเพราะว่ากันว่าอร่อยนักหนา และไปถึงขั้นได้ดาวมิชลินก็มี อย่างข้าวมันไก่ที่ตึกไชน่าทาวน์คอมเพล็กซ์ และบะหมี่หมูแดงที่ถนนครอว์ฟอร์ดเลน …เอากับเขาสิ
คนไทยไปสิงคโปร์ มักโวยวายเรื่องค่าครองชีพสูง คิดแบบนั้น คือ เอามาตรฐานไทยไปจับ ถ้าลองคิดว่าเขาขายซุปกระดูกหมู ที่เรียกกันว่าไป่กุ๊ดเต๋ ชามละ 5 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 125 บาท แต่คนมีรายได้เฉลี่ยเดือนละแสนกว่าบาท มันจะแพงตรงไหน บ้านเรือนเขาก็ได้รัฐบาลสนับสนุน ประชาชนไม่ต้องเป็นหนี้ตลอดชีวิตเพื่อจะหาที่ซุกหัวนอน การศึกษาฟรี สวัสดิการรักษาพยาบาลและผู้สูงอายุฟรี แบบนี้แพงตรงไหน
แล้วเมืองไทยถูกกว่าตรงไหน?