“เพิ่มพื้นที่สีเขียว” ทั่วประเทศ-ต้องบูรณาการ เป็นไปได้แค่ไหน ถามใจ “นายกฯตู่”!!

“เพิ่มพื้นที่สีเขียว” ทั่วประเทศ-ต้องทำงานบูรณาการ เป็นไปได้แค่ไหน ถามใจ “นายกฯตู่”!!

ทุ่มงบ 30 ล้าน ปลูกต้นไม้ – จากกรณี นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เผยว่า สำนักสิ่งแวดล้อม ได้รายงานความก้าวหน้าการปลูกต้นไม้ 1 แสนต้น ภายในปี 2562 โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรก จะปลูกในสวนสาธารณะหน่วยงานราชการต่างๆ จำนวน 50,000 ต้น ใช้งบ 5 ล้าน ส่วนที่ 2 สำนักงานเขต ทั้ง 50 เขต จะปลูกในพื้นที่ว่างหน่วยงานภาคเอกชน โรงเรียน ศาสนสถาน ชายทะเลบางขุนเทียน 50,000 ต้น ใช้งบ 25 ล้าน รวม 1 แสนต้น งบประมาณ 30 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอผู้ว่าฯ กทม. พิจารณาจัดสรรงบประมาณ

หลังจากกรณีดังกล่าวเผยแพร่สู่สาธารณะ ชาวเน็ตทั้งหลายต่างให้ความสนใจ และร่วมวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ได้รวบรวมความคิดเห็นบางส่วนของประชาชนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวมานำเสนอ

 

ถนนทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา แต่เดิมมีต้นไม้ใหญ่ยืนเรียงรายให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดี กระทั่งไม่นานมานี้ มีเจ้าหน้าที่กทม. มาทำการตัดกิ่งเสียเหี้ยน-กุด จนผู้คนในละแวกบางส่วนออกมาแสดงความไม่พอใจ และวิพากษ์วิจารณ์ว่า ถ้าต้นไม้มีปัญหากับสายไฟ คนตัดต้นไม้ก็ควรใช้ “ศิลปะ” ตกแต่งกิ่งให้มากกว่านี้

คุณลิลลี่ พนักงานบริษัท ให้สัมภาษณ์ว่า เห็นด้วยกับการปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ แต่ไม่เห็นด้วยกับการใช้งบมากถึง 30 ล้านบาท เพราะต้นไม้ 1 ต้น ไม่น่าจะมีราคาแพงมาก อีกอย่าง หากจะปลูกต้นไม้เพิ่มเติม อยากให้มีการจัดการอย่างเป็นระเบียบด้วยเช่นกัน เพราะเดิมที คนไทยบางคนอยากปลูกต้นไม้ตรงไหนก็ปลูก ไม่ค่อยคำนึงว่า เมื่อต้นไม้เจริญเติบโตขึ้นแล้วจะไปเกี่ยวเสาไฟ หรือบดบังทัศนียภาพ ซึ่งเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น

คุณใบเตย นักศึกษามหาวิทยาลัย ระบุว่า นโยบายดังกล่าวเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ มีน้อยมากจริงๆ นอกจากนี้ ยังเป็นการพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ส่วนงบประมาณนั้น คิดว่าไม่เยอะจนเกินไป งบ 30 ล้าน กับต้นไม้แสนต้น ถือว่าสมควรแล้ว เพราะถึงแม้ว่าราคาต้นไม้แต่ละต้นอาจไม่แพงมากก็จริง แต่คาดว่ายังมีส่วนอื่นๆ ที่รัฐต้องใช้จ่ายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่รัฐเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ แต่เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกัน

คุณเบน นักศึกษาคณะเกษตร มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง กล่าวว่า เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เพราะอากาศในประเทศไทยร้อนมาก แต่กลับไม่มีต้นไม้ให้หลบแดด ที่สำคัญ ต้นไม้ยังช่วยดูดซับมลพิษในอากาศอีกด้วย หากเพิ่มพื้นที่สีเขียว เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่แฮปปี้แน่นอน แต่เรื่องงบประมาณนั้น คิดว่าใช้งบฟุ่มเฟือยมากเกินไป เพราะต้นไม้หนึ่งต้นไม่ได้มีราคาแพง อีกอย่าง ในประเทศไทยก็มีศูนย์เพาะพันธุ์พืชอยู่แล้ว

ทั้งนี้ คุณเบนยังแนะนำเพิ่มเติมว่า หากจะปลูกต้นไม้ ควรปลูกไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาได้ดี อาทิ ต้นจามจุรี ทองอุไร หูกวาง แต่อย่าปลูกใกล้เสาไฟฟ้า เพราะเมื่อต้นไม้เจริญเติบโตแล้ว อาจไปเบียดกับเสาไฟจนล้มได้

คุณทับทิม เจ้าของร้านต้นไม้ ย่านพระราม 3 เผยว่า เห็นด้วยกับการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่ไม่ควรใช้งบประมาณสูงถึง 30 ล้าน เพราะราคาต้นไม้แต่ละต้นไม่ถึงร้อยบาทด้วยซ้ำ  พร้อมแนะนำเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้อีกด้วยว่า  ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนเกือบทั้งปี จึงควรปลูกต้นไม้ที่สามารถให้ร่มเงาได้ตลอด และสวยงาม อาทิ ดอกคูน หูกวาง หรือหูกระจง แต่ควรปลูกให้ห่างจากอาคารบ้านเรือน เพราะหูกระจงมีรากใหญ่ ซึ่งรากของมันอาจไปเบียดกับอาคารสถานที่ใกล้เคียงได้

ปิดท้ายเป็นความเห็นจาก คุณรัชดา ข้าราชการวัยใกล้เกษียณ บอกว่า “นายกฯ ตู่” ควรมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ  รวมทั้งกรมการศาสนา ประสานหารือกับทางมหาเถรสมาคม ให้มีคำสั่ง ‘โรงเรียน’ และ ‘วัด’ ทุกแห่งทั่วประเทศ เพิ่ม “พื้นที่สีเขียว” อย่างจริงจัง เป็นการทำงานแบบ “บูรณาการ” อย่างที่ชอบพูดกัน จะตั้งเป้าปลูกเท่าไหร่ กี่ต้นก็ว่าไป แค่นี้ก็น่าจะเกิดความร่มรื่นทั่วประเทศได้ไม่ยาก

ส่วน กทม. ควรมีนโยบายให้ทุกเขต แปลงพื้นที่รกร้างว่างเปล่าทำสวนสาธารณะ หรือ  ‘1 เขต 1 park’ รวมถึงการปลูกต้นไม้ข้างทางทุกเขตด้วย และที่สำคัญ ต้นไม้ที่มีอยู่ ควรตัดแต่งให้พอหลบเลี่ยง “มวลมหาสายไฟ” ไม่ต้องถึงกับกุดด้วน และตายไปในที่สุด สร้างภาพไม่น่ามอง ประจานฝีมือ “รุกขกร” ประจำเขตอีก ว่าแต่ว่า ปัจจุบัน กทม. มีรุกขกรครบทุกเขตหรือยัง อันนี้ต้องไปถาม กทม. ดู