เรื่องราวดี-ดี : ของฝากจากเมืองจันท์ เงิน 60 บาท กับ น้ำใจแม่ค้าทุเรียน

เรื่องราวดี -ดี  : ของฝากจากเมืองจันท์  เงิน 60 บาท กับ  น้ำใจแม่ค้าทุเรียน

“มีหมอน มาฝากจากจันท์ หนึ่งลูก มารับด่วน กลิ่นเริ่มโชยแล้ว”

ข้อความจากเพื่อนสาว “คอทุเรียน” เด้งขึ้นในไลน์ เมื่อวันก่อน

ตกเย็นหลังเลิกงาน จึงฝ่าการจราจรไปรับผลไม้โปรด มาจากบ้านพักของคนให้ ย่านวัชรพล

ก่อนนำ “หมอนทอง” ใบเขื่องน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 3 กิโลฯ ใส่ท้ายรถเพื่อขนกลับบ้าน

แต่ในใจยังเกิดความกังวลเล็กๆ

“แล้วจะปอก…ยังไงล่ะเนี่ย”

ระหว่างทางกลับบ้าน ผ่านถนนคู้บอน เห็นรถขายทุเรียนจอดอยู่ริมทางเป็นระยะ จังหวะเห็นที่ว่างพอจอดได้ จึงเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ดับเครื่อง ก่อนเดินลงไปถาม ด้วยอาการเหนียมๆ

“ขอโทษนะ พอดีมีทุเรียนอยู่ลูกหนึ่ง เพื่อนเขาให้มา แต่ปอกไม่เป็น จะรบกวนให้ช่วยปอกให้หน่อยได้มั้ย”

“ได้เลยจ้า” แม่ค้าตอบกลับมา ด้วยน้ำเสียงเต็มใจ แจ่มใสเกินคาด

รีบกุลีกุจอ หยิบของฝากจากเมืองจันท์ ไปให้แม่ค้าท่านเดิมช่วยจัดการ ระหว่างที่เธอทำงานด้วยความคล่องแคล่ว

จึงชวนคุย-หัดปอกมาจากไหนหรือ

“เคยดูเขาทำครั้งเดียวก็เป็นเลยจ๊ะ” แม่ค้า ปากก็ตอบ ส่วนมือทั้งสอง ก็คอยประคองพูทุเรียน ออกจากเปลือก ก่อนห่อด้วยกระดาษไข ทะนุถนอมอย่างเบามือ ราวกับกลัวผลไม้ในมือจะบุบสลาย

“กำไรดีมั้ย” เราชวนคุยต่อ

“ก็ขายดีนะ ส่วนกำไรไม่แน่ใจว่าดีมั้ย เพราะไม่ใช่เจ้าของ มารับจ้างเขาปอกขาย ได้ค่าจ้าง วันละ 350 บาท ขายตั้งแต่เช้าถึงเย็นจ๊ะ” แม่ค้าท่านเดิม บอกอย่างนั้น

แม้จะเป็นช่วงเย็น ใกล้ค่ำแล้ว แต่สังเกตเห็นแม่ค้าคู่สนทนา ยังคงพันผ้า สวมหมวก ใส่หน้ากากคาดปาก ปกปิดร่างกายมิดชิด แสดงว่าเวลากลางวัน ที่เธอเฝ้ารถทุเรียนรอลูกค้าอยู่นั้น  คงต้องกรำแดดที่แผดเผาชนิดเลี่ยงไม่ได้ กว่าจะได้ค่าแรงสามร้อยกว่าบาท

หลังชั่งเนื้อทุเรียนที่ปอกเสร็จแล้วให้ดูว่ามีถึงกิโลกว่าฯ  จึงสอบถามค่าเสียเวลา ได้คำตอบกลับมา

“20 บาท ค่ะ ขอเป็นค่ากระดาษไขแค่นั้น”

“ให้ 60 บาทเลยนะ” เราหยิบแบงก์ย่อยที่มีอยู่ในกระเป๋าทั้งหมด ยื่นให้

แม่ค้าท่านเดิม ยืนนิ่ง ส่ายหน้าบอกไม่รับ ขอแค่ 20 บาทพอ

“รับไปเถอะ ต้องขอบคุณมากๆเลย ถ้าไม่เสียเวลาช่วยปอกให้ คงได้กินปลาร้าแน่ๆ”

เมื่อได้ยินคำยืนยันหนักแน่น

แม่ค้าท่านเดิม ไม่ต่อรองอีก  เธอยกมือไหว้และรับค่าแรง 60 บาท ไปด้วยแววตา…ขอบคุณ