กล้าพูด! ถูกสุดในไทย “แฟลช เอ็กซ์เพรส” ส่งด่วนเริ่มต้น 19 บาท

แฟลช เอ็กซ์เพรส
แฟลช เอ็กซ์เพรส

กล้าพูด! ถูกสุดในไทย “แฟลช เอ็กซ์เพรส” ส่งด่วนเริ่มต้น 19 บาท

แฟลช เอ็กซ์เพรส – ท่ามกลางยุคอีคอมเมิร์ซเบ่งบาน ธุรกิจบริการรับขนส่งสินค้า อย่าง “Flash Express” (แฟลช เอ็กซ์เพรส) จัดเป็น “น้องใหม่ มาแรง” แห่งวงการโลจิสติกส์ของไทย ที่เรียกเสียงฮือฮาและแจ้งเกิด ด้วย “จุดแข็ง” เป็นบริการแปลกใหม่และแตกต่าง ชนิดไม่มีคู่แข่งแบรนด์ไหนเคยทำมาก่อน นั่นคือ มีบริการเข้ารับพัสดุฟรีถึงหน้าบ้านตั้งแต่ชิ้นแรก หรือ Door to Door Service พร้อมทั้งจัดส่งถึงมือลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลภายใน 1 วัน

จากข้อมูลแนะนำตัว ระบุไว้น่าสนใจ ว่า “แฟลช เอ็กซ์เพรส” คือ บริษัทรับจัดส่งสินค้าและพัสดุทั่วไทย จัดตั้งขึ้นโดยทีมผู้บริหารจากไทยและจีน และประกอบด้วยทีมนักเขียนระบบ นักออกแบบ นักพัฒนา และนักโลจิสติกส์ที่มีคุณภาพ จากค่ายดังระดับโลก อย่าง ดีเอชแอล ทีเอ็นที อาลีเพย์ อาลีบาบา เป็นต้น

“บริษัทของเรา มีการเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทรับจัดส่งสินค้าชั้นนำ มีการจัดส่งสินค้าและพัสดุไปแล้วมากกว่าล้านชิ้น และตัวเลขเหล่านี้มีการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีในทุกๆ เดือน สำหรับเป้าหมายของเราไม่เพียงรับจัดส่งสินค้าและพัสดุในประเทศเท่านั้น ยังต้องการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าในแถบอาเซียนอีกด้วย” เหล่านี้คือเรื่องราวเบื้องต้น ของ “แฟลช เอ็กซ์เพรส”

คุณคมสันต์ แซ่ลี

 คุณคมสันต์ แซ่ลี ซีอีโอ วัย 28 ปี ที่สำนักงานใหญ่ “แฟลช เอ็กซ์เพรส” ซึ่งตั้งอยู่ภายในตึกหรูริมถนนรัชดาภิเษก ผู้บริหารหนุ่มอนาคตไกล เปิดห้องทำงานส่วนตัว ใช้เป็นสถานที่พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ต้อนรับทีมงานด้วยอัธยาศัยยิ้มแย้ม

หลังทราบอายุปัจจุบัน นึกแปลกใจ ทำไมถึง “โตเร็ว” ได้ขนาดนี้ เขายิ้มกว้าง ก่อนตอบคำถาม

“อาจเป็นเพราะครอบครัวมีอาชีพค้าขาย ตอนเด็กๆ มีโอกาสตามคุณพ่อ-คุณแม่ ไปทำงานตลอด และส่วนตัวผมชอบทำค้าขาย เพราะทำแล้วรู้สึกสนุก” คุณคมสันต์ ว่ามาอย่างนั้น

พร้อมแนะนำตัวให้รู้จักกันมากขึ้น มีพี่น้อง 3 คน ตัวเขาเป็นลูกชายคนโต บ้านเกิดอยู่ที่เชียงราย ไปเรียนต่อที่ลำปาง จนจบปริญญาตรี สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ จากนั้นไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่

“ที่จริงทำธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่ลำปาง เคยเปิดร้านขายของอยู่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เน้นขายของให้กลุ่มนักศึกษาจีนที่มาเรียนในโครงการแลกเปลี่ยน เพราะเล็งเห็นว่านักศึกษาจีนกินของไทยไม่ค่อยถนัด เลยนำเข้าเครื่องปรุงของจีนมาขาย” คุณคมสันต์ เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

กระทั่งช่วงชั้นปีที่ 3 ของการเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี หรืออายุได้ราว 21 ปี เขามีโอกาสได้รับความไว้วางใจให้นั่ง “เก้าอี้ซีอีโอ” เป็นครั้งแรก

“ตอนนั้นมีบริษัทของคนจีน มาลงทุนทำท่าทราย แต่ขาดทุนเยอะมาก กำลังจะเจ๊งพร้อมม้วนเสื่อกลับบ้าน เพื่อนเลยชวนให้ไปคุยกับผู้จัดการใหญ่ของเขา คิดว่าเราน่าจะเข้าไปกู้สถานการณ์ได้ ซึ่งไม่ได้เข้าไปเทกโอเวอร์ แต่ไปเป็นซีอีโอให้ ปรากฏทำได้ปีกว่า เขากลับฟื้นขึ้นมามีกำไร 15 ล้านบาท จากนั้นไม่นานก็ดันบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์” คุณคมสันต์ เล่ายิ้มๆ

ทำไมถึงพลิกวิกฤตธุรกิจจวนเจ๊ง ให้กลับฟื้นขึ้นมามีกำไรได้ถึงขนาดนั้น คุณคมสันต์ อธิบายให้ฟังเป็นวิทยาทานว่า ธุรกิจท่าทราย สิ่งสำคัญคือ กำลังการผลิต ถ้าเครื่องจักรเสียผลิตไม่ได้ เดือนหนึ่งก็จ่ายค่าแรงไปฟรีๆ และปัญหาที่พบ เครื่องจักรของเขาเก่าเกินไป รวมทั้งปัญหาการคอร์รัปชั่น คนงานเป็นญาติพี่น้องกันหมด พอมีรายได้เงินไม่เข้าบริษัท อีกทั้งยังไม่มีคนทำการตลาดให้ด้วย

“พอผมเข้าไปบริหาร เชิญคนเก่าออกหมดเลย เปลี่ยนคนทำงานชุดใหม่ 20 กว่าคน โละเครื่องจักรเก่าเอาออกหมด นำเครื่องจักรใหม่เข้า ลงทุนครั้งเดียว เมื่อมีรายได้อย่าเพิ่งแบ่งเงินปันผล แต่เอาเงินไปซื้อที่ดิน ที่มันมีทราย พอเป็นเจ้าเดียวที่มีทรายในตลาด ขึ้นราคาได้ 3 รอบ กำไรมีขึ้นมาทันที” คุณคมสันต์ ถ่ายทอดเทคนิคการทำธุรกิจในแบบของเขาเมื่อครั้งนั้น

 หลังสำเร็จการศึกษา คุณคมสันต์หันไปทำธุรกิจของตัวเองที่เชียงใหม่ เป็นโรงเรียนสอนภาษาไทย ปรากฏเปิดได้ครึ่งปีต้องปิดตัว หรือพูดง่ายๆ ก็คือเจ๊ง สาเหตุเป็นเพราะมีความมั่นใจเกินไปแต่ไม่รู้ปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจนั้น คือคิดว่ายังไงต้องมีคนมาเรียน แต่ปรากฏว่าอาจารย์ที่เป็นลูกจ้างไปรับสอนนอกเวลา เลยไม่มีเด็กมาที่โรงเรียนเลย

พักกายใจอยู่ไม่นาน คุณคมสันต์เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่อีกครั้ง คราวนี้หันไปจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำหน้าที่เป็น “โบรกเกอร์” หรือนายหน้าซื้อขายอสังหาฯ ทำอยู่ปีกว่า เขาสามารถทำกำไรให้ตัวเองได้กว่า 100 ล้านบาท

แฟลช เอ็กซ์เพรส

และนั่นเองที่เป็น “ต้นทุน” ในการพาตัวเองเข้าแวดวงธุรกิจขนส่ง ในนาม 4 T Express (โฟร์ ที เอ็กซ์เพรส) เป็นบริษัทโลจิสติกส์จัดส่งสินค้าจากต่างประเทศทั่วโลกกระจายไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศจีน ดำเนินธุรกิจอยู่ราว 3 ปี มีกำไรเป็นเงินปันผลให้หุ้นส่วน ได้เดือนละ 20-30 ล้านบาท

จนในราวปี 2560 จึงเริ่มหันมาศึกษาโอกาสทางธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย กระทั่งพบข้อมูลน่าสนใจ ไทยมีพื้นที่เล็กกว่าประเทศจีนแต่ค่าขนส่งแพงกว่าจีนหลายเท่า อีกทั้งคนไทยยังต้องไปเข้าแถวรอส่งสินค้า ทั้งที่การบริการที่จีนนั้นมีการไปรับสินค้าถึงหน้าบ้านให้เลย

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำธุรกิจ “แฟลช เอ็กซ์เพรส” ในเมืองไทยนั้น เขาพบว่าตัวเองยังขาดเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนในการทำงาน หากจะใช้คนเป็นจำนวนมาก ค่าจ้างต้องสูงและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ภรรยาของเขาซึ่งเป็นชาวจีน จึงประสานไปทาง “ไอบีเอ็ม” และ “อาลีบาบา” เพื่อให้เข้ามาช่วยพัฒนาระบบเทคโนโลยีและร่วมบริหาร

“ก่อนหน้านี้เคยพาตัวแทนจากอาลีบาบา ไปสำรวจสาขาของคู่แข่ง พบภาพลูกค้ายืนต่อแถวเพื่อรอส่งสินค้า เขาตกใจ และคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะที่จีน มีบริการรับสินค้าถึงหน้าบ้าน จึงคิดว่าโอกาสของเรามาแล้ว เลยตกลงทำธุรกิจร่วมกัน” คุณคมสันต์ บอกอย่างนั้น

“แฟลช เอ็กซ์เพรส” เปิดตัว อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 ภายใต้โมเดลการทำธุรกิจขนส่งแตกต่างไปจากผู้ให้บริการรายอื่น คือ ไม่รับทั้ง “Out Source” (เอาต์ซอร์ซ) และไม่ใช้ระบบ “แฟรนไชส์” และดึงทีมไอทีที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาดูแลระบบ “หลังบ้าน” เองทั้งหมด ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 5,000 ล้านบาท

“การลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ ที่ครอบคลุมทั้งระบบ และไม่ใช่รูปแบบแฟรนไชส์ ต้องใช้เงินลงทุนหลักพันล้าน เพราะต้องมีคลังสินค้า รถยนต์ และพนักงานของตัวเองทั้งหมด” ซีอีโอท่านเดิม ให้ข้อมูลมาอย่างนั้น

ก่อนเผยถึงเหตุผลในการสร้างโมเดลธุรกิจที่ไม่พึ่งระบบแฟรนไชส์

“วัฒนธรรมของบ้านเราคือ สบายๆ มีวันหยุดนักขัตฤกษ์เยอะ ทำให้กลับมาคิดว่าคู่แข่งเขาทำเป็นธุรกิจแฟรนไชส์กันหมดเลย ซึ่งการทำแฟรนไชส์นั้น ง่ายมาก ไม่ต้องเสียตังค์ ไม่ต้องทำการตลาด เพียงแค่คุณเช่าหรือซื้อแฟรนไชส์เราไป แต่เราอาจควบคุมคุณภาพไม่ได้ ใครอยากหยุดก็หยุด พอปิดสาขาปุ๊บ ลูกค้าจะเอาสินค้าไปส่งที่ไหน และถ้าลูกค้าไม่ได้รับสินค้าจะเกิดความกังวล ยิ่งปัจจุบันนี้ทุกคนซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ เก็บเงินปลายทาง ถ้าคุณส่งสินค้าช้า ปลายทางเขาไม่จ่ายแน่นอน เราเลยตั้งเป้าหมายไม่พึ่งระบบแฟรนไชส์ แต่ทำเองทั้งหมดเพื่อควบคุมคุณภาพให้ดีที่สุด ทำงานได้ 365 วัน แบบไม่มีวันหยุด ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าแรกในเมืองไทย” คุณคมสันต์ อธิบายอย่างนั้น

พร้อมบอกถึง “จุดแข็ง” เป็น “จุดขาย” ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย

“แฟลช เอ็กซ์เพรส เป็นเจ้าแรก ที่มีบริการไปรับสินค้าถึงหน้าบ้านคุณ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าชิ้นเดียว หรือราคาเท่าไหร่ก็ตาม ซึ่งคู่แข่งยังไม่มีบริการแบบนี้ แต่คิดว่าไม่นานน่าจะทำตาม หากต้นทุนของพวกเขาจะสูงมาก เพราะส่วนใหญ่พึ่งระบบเป็นแฟรนไชส์ จึงมั่นใจเรามีศักยภาพสูงกว่าคู่แข่งแน่นอน”

แฟลช เอ็กซ์เพรส

เมื่อถามถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คุณคมสันต์ อธิบาย เน้นไปที่อีคอมเมิร์ซ เพราะอีก 5-10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเดินตามรอยจีน อีคอมเมิร์ซกลายเป็นแกนนำในการขายสินค้าปลีก การเข้ามาของ ช้อปปี้ ลาซาด้า อเมซอน และแบรนด์อื่นๆ จะผลักดันให้อีคอมเมิร์ซสูงขึ้น สิ่งที่ตามมาและขาดไม่ได้เลยก็คือ “ผู้ขนส่ง” นั่นเอง

เกี่ยวกับภาวะแข่งขัน คุณคมสันต์ บอกตรงไปตรงมา คู่แข่ง นับเป็นอุปสรรค “ระดับหนึ่ง” เพราะในตลาดล่าสุดมีอยู่ไม่น้อยกว่า 100 ราย แต่บริษัทที่สามารถครอบคลุมการขนส่งได้ทั่วประเทศนั้นมีอยู่ไม่เกิน 5 ราย ซึ่ง “แฟลช เอ็กซ์เพรส” นับเป็น 1 ใน 5 รายนั่นเอง

“ปี 2019 จะเป็นปีที่วงการโลจิสติกส์ มีการแข่งขันกันรุนแรง ถึงขั้นดุเดือดมาก ทุกคนมองว่าอีคอมเมิร์ซ โตเร็วมาก และหลังจากนี้จะมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามามากกว่า 5 รายแน่นอน เพราะประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน ถ้าใครอยากตีตลาดอาเซียน ต้องได้ตลาดไทยก่อน” คุณคมสันต์ ว่าอย่างนั้น

ได้ข้อมูลน่าสนใจมากพอสมควรแล้ว จึงขอให้ซีอีโอหนุ่ม ฝากประเด็นไว้ ในฐานะ “น้องใหม่ของวงการ”

“แฟลช เอ็กซ์เพรส เป็นน้องใหม่ที่มีประสบการณ์ เป็นธุรกิจของคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ มีบริการรับสินค้าถึงหน้าบ้าน เริ่มต้นที่ 19 บาท ซึ่งกล้าพูดว่าถูกที่สุดในประเทศไทย และที่กล้าทำขนาดนี้เพราะเชื่อมั่นสามารถควบคุมคุณภาพได้” คุณคมสันต์ บอกจริงจังส่งท้าย