กิจกรรมหาเสียง “เลือกตั้ง” มีเงินไหลเวียน เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

กิจกรรมหาเสียง “เลือกตั้ง” มีเงินไหลเวียน เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

เดือนมีนาคม 2562 เป็นเดือนแห่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากรัฐบาลเผด็จการยึดอำนาจรัฐเมื่อปี 2557 มาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562

ระหว่างนี้อยู่ในบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองที่ส่งรายชื่อแข่งขันเป็นนายกรัฐมนตรี 44 พรรค 68 รายชื่อ แบบบัญชีรายชื่อจาก 77 พรรค 2,810 คน แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจาก 81 พรรค 10,792 คน ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว

พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบเขตเลือกตั้ง รวม 81 พรรค มีพรรคที่ส่งครบทั้ง 350 เขต และส่งสมัครในบัญชีรายชื่อทั้งหมด 150 คน

การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 28

นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 พรรคการเมืองต่างออกหาเสียงด้วยวิธีรับสมัครสมาชิกพรรค เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ จึงเริ่มประกาศรายชื่อของพรรคในเขตเลือกตั้งนั้น ก่อนจะสมัครรับเลือกตั้งได้หมายเลขแต่ละคน

การเลือกตั้งครั้งนี้ เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เขตละ 1 คน แต่คะแนนที่ลงจะไปรวมกันของแต่ละพรรค เป็นคะแนนรวมของบัญชีรายชื่อ อย่างน้อย 70,000 เสียง จะได้ผู้แทนราษฎรจากบัญชีรายชื่อ 1 คน

ส่วนพรรคการเมืองที่จะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวต้องมีคะแนนอย่างน้อย 376 เสียง เมื่อรวมจากสมาชิกในเขตเลือกตั้ง และจากบัญชีรายชื่อ

ถึงเวลานั้น หากเป็นเพียงพรรคเดียวได้รับการเลือกตั้งมากเกินกว่ากึ่งหนึ่ง รายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้นจะได้รับการ “โหวต” ให้เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่หากคะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ต้องรวมกับพรรคการเมืองอื่นเป็นรัฐบาลผสม ผู้จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องแล้วแต่เสียงของพรรคที่รวมกันเป็นรัฐบาลจะให้ผู้ใดเป็น เช่นเมื่อครั้งพรรคผสมที่มีพรรคกิจสังคม หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช มีเพียง 18 เสียง เมื่อสมาชิกพรรคที่ร่วมรัฐบาลลงคะแนนเสียงให้ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้เช่นกัน

ระหว่างกิจกรรมการหาเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากทุกพรรคการเมือง ต่างได้ยินเสียงเจ้าของเสียงอึงคะนึงถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างเห็นได้ชัดเจน มิไยใครจะพูดว่า เศรษฐกิจของประเทศเริ่มเงยหน้าอ้าปากบ้างแล้ว แต่ข้อเท็จจริงยังคงเงียบเหงา ไม่ว่าจะเป็นแผงจำหน่ายสินค้า ร้านอาหาร แม้แต่ห้างสรรพสินค้าคงมีแต่ผู้คนร่อยหรอไปเดินรับไอเย็นจากแอร์คอนดิชั่นให้คลายร้อนกายร้อนใจเป็นพักๆ

เสียงเรียกร้องให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งฟังถึงความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ มิใช่แต่จะเกิดขึ้นกับผู้สมัครพรรคอื่น แม้แต่พรรครัฐบาลที่ชื่อว่าพลังประชารัฐยังรับฟังเต็มสองรูหู

กระนั้น ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เงินทองเริ่มหลุดออกมาจากกระเป๋านักการเมือง งบประมาณเริ่มออกมาจากรัฐบาลเพื่อใช้จ่ายในการเลือกตั้งและหาเสียงเลือกตั้ง อย่างน้อยช่วยให้มีเงินทองหมุนเวียนเข้าออกตลาดสินค้าบ้าง ดีกว่าปล่อยให้ระบบหยุดนิ่งเช่นเมื่อเดือนก่อนประกาศเลือกตั้ง

นับจากวันที่ 1 มีนาคม 2562 ถึงเย็นวันที่ 23 มีนาคม 2562 รวม 23 วันที่เป็นห้วงแห่งการหาเสียงเลือกตั้ง ก่อนไปหย่อนบัตรลงคะแนนในหีบเลือกตั้ง 08.00-17.00 น. วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562

เงินทองที่หมุนเวียนจากพรรคการเมือง นักการเมือง รวมถึงรัฐบาลที่ต้องใช้งบประมาณในการเลือกตั้ง ช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจของประชาชนไปได้บ้าง อาทิ การจัดทำป้ายหาเสียง การใช้รถขนย้ายป้ายและกิจกรรมหาเสียง ค่าจ้างแรงงานติดป้ายทุกวัน การเคลื่อนย้ายป้าย ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งยิ่งต้องใช้เงินใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องไม่มากกว่าที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ทั้งเชื่อได้ว่าคงไม่มีพรรคการเมืองหรือนักการเมืองใช้จ่ายต่ำกว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด เชื่อว่า การเลือกตั้งคงจะลุล่วงไปด้วยดี แต่กว่าจะรู้ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศเสียก่อน

กระนั้น หลัง 17.00 น. วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 คะแนนอย่างไม่เป็นทางการจะมีออกมาเร็วกว่ากำหนด คิดว่า 20.00 น. ผลอย่างไม่เป็นทางการที่พอจะทราบว่าพรรคการเมืองใดได้จำนวนผู้แทนราษฎรมากกว่าเพื่อน แต่จะมากเกินกว่ากึ่งหนึ่งของคะแนนเสียงทั้งหมดหรือไม่ ไม่ทราบ

ถึงอย่างไร แม้รู้เพียงว่าพรรคการเมืองใดมีเสียงมากกว่าใคร นักวิเคราะห์วิจารณ์ทางการเมืองน่าจะบอกได้ว่า พรรคไหนเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลเมื่อรวมกับอีกพรรคหนึ่งหรือสองสามพรรค

นับแต่วันนี้ถึงวันเลือกตั้ง เชื่อว่าเงินทองหมุนเวียนพอจะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นมาบ้าง