“พิมล ศรีวิกรม์” เมินการเมือง แฮปปี้บทบาท นายกเทควันโด

 นอกจากบทบาททางการเมืองในอดีตก่อนจะถูกตัดสิทธิ  5 ปี ในคดียุบพรรค “ดร. พิมล ศรีวิกรม์” ในวัย 54 ปี ทายาทคนโตของตระกูลศรีวิกรม์ เคยเป็นทั้ง ส.ส.เขต 2 สมัย เคยเป็นเลขาฯส่วนตัว ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกรัฐมนตรี) เคยเป็นอาจารย์พิเศษที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการ บริษัท ฟุตบอลสโมสรทีโอที – แคท เอฟซี จำกัด และนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ผู้ปลุกปั้นกีฬาประเภทนี้ให้เป็นที่รู้จักของคนทั้งชาติ

ปัจจุบัน “ดร. พิมล ศรีวิกรม์”  ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน หรือทีซีเอ็มซี (TCMC) บริหารธุรกิจ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุในรถยนต์  สินค้าภายใต้การบริหารของ ทีซีเอ็มซี มี 2 แบรนด์ คือ รอยัลไทย และคาร์เปท อินเตอร์

ดร. พิมล ศรีวิกรม์

ดร. พิมล  เติบโตมาในครอบครัวนักการเมืองโดยมีคุณทวด ชื่อ ควง อภัยวงศ์ ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรก ทำธุรกิจมากมาย อาทิ เครื่องสุขภัณฑ์อเมริกัน สแตนดาร์ด โรงเรียนศรีวิกรม์ เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ All Living ฯลฯ

ก่อนจะมาเป็นอาณาจักรธุรกิจพรม และเฟอร์นิเจอร์ มียอดขายกว่าหมื่นล้านบาท ดร.พิมล เผยว่า ปี 2558 ซื้อโรงงานผลิตโซฟาที่ประเทศอังกฤษ (ALSTONS) 17 ล้านปอนด์ และกิจการผลิตเฟอร์นิเจอร์ (DM Midlands) ที่อังกฤษ 30ล้านปอนด์ ทุกธุรกิจที่เข้าไปเทคโอเวอร์ล้วนได้รับคำแนะนำจากทนาย ที่สำคัญเป็นธุรกิจที่มีอนาคต กำไรเติบโตปีละ 10 เปอร์เซ็นต์

เมื่อปี 2560 ทีซีเอ็มซีทุ่มเงิน 3 พันล้าน ซื้อกิจการจากบริษัท ไทปิง คาร์เปท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผลิตและจำหน่ายพรมในประเทศไทย และต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า และอินเดีย

หลังควบรวมกิจการ ดร.พิมล เปลี่ยนจากแบรนด์ “ไทปิง” มาเป็น รอยัลไทย (Royal Thai) และ คาร์เปท อินเตอร์  (Carpets Inter) หวังเจาะตลาดทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย

และเมื่อปี 61 ทีซีเอ็มซี ได้ขยายตลาดไปยังประเทศญี่ปุ่นโดยได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท โทริโอ จำกัด บริษัท ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุปูพื้นและตกแต่งภายในแบรนด์ “รอยัลไทย” ติดตั้งงานโรงแรมในประเทศ ญี่ปุ่น แต่เพียงผู้เดียว ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อต่อเนื่องอีกด้วย

ธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น ดร.พิมล กล่าวว่า ที่ผ่านมาเน้นตลาดโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และอาคารสำนักงาน  ในปีนี้จะขยายตลาดไปยังกลุ่มเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว ส่วนกลุ่มโรงแรมจะเน้นที่โรงแรมหรู 5-7 ดาว โครงการอสังหาริมทรัพย์เน้นระดับลักชัวรี่ และซุเปอร์ลักชัวรี่

“ไตรมาสสุดท้ายของปี เป็นช่วงเวลาที่พรมจะขายดี เพราะโรงแรมจะเปลี่ยนพรมเพื่อเฉลิมฉลองคริสต์มาส ปีใหม่ ส่วนปัจจัยบวกลบที่ส่งผลต่อธุรกิจนี้ คือ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์”

กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ผู้บริหาร บอกว่า ในปีนี้จะเปิดโชว์รูมที่ถนนสุขุมวิท 39 ชื่อร้านว่า Alexander & James เป็นเฟอร์นิเจอร์หรู ราคา 30,000 ถึง 300,000 บาท  นอกจากนั้นยังมีแผนนำบริษัทเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่อังกฤษ พร้อมตั้งเป้าหมาย  3 -5 ปีจากนี้ กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จะเติบโตเพิ่มขึ้นปีละ 5-7 เปอร์เซ็นต์

ส่วนกลุ่มของธุรกิจผ้าหุ้มบุในรถยนต์ ผู้บริหาร ระบุว่า ปีนี้จะพัฒนาพรมหลังคารถยนต์เพื่อสร้างความต่าง  คุณสมบัติดูดซับเสียง มีน้ำหนักเบา สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทจะไม่หยุดการพัฒนา

สำหรับรายได้ ดร. พิมล ทำรายได้ทะลุหมื่นล้านไปแล้ว โดย 35 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ มาจากธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ คิดเป็นสัดส่วน 50 เปอร์เซ็นต์ และ 15 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มธุรกิจผ้าหุ้มบุในรถยนต์ รายได้จากภายในประเทศ 25 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากต่างประเทศ 75 เปอร์เซ็นต์

แผนปีนี้ ผู้บริหาร จะปรับโครงสร้างระบบการผลิต โดยย้ายโรงงานผลิตจากเดิมอยู่ย่านรังสิตไปรวมกันทั้งหมดที่ จ.ปทุมธานี ขนาดพื้นที่ 100 ไร่

ภายใต้ร่มเงาของ ทีซีเอ็มซี ดร. พิมล เป็นพี่คนโตของครอบครัวศรีวิกรม์ หลังจากเรียนจบเป็นอาจารย์ 10 ปี สอนคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี  2534 -2544 เข้าสู่วงการการเมือง และหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549  ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จากคดียุบพรรคการเมือง

อย่างไรก็ตาม ชื่อของ ดร.พิมล เป็นที่รู้จักของสาธารณชน ในบทบาทของ อาจารย์ นักการเมือง นักธุรกิจ นายกสมาคมเทควันโดผู้ปลุกปั้นให้นักเทควันโดทีมชาติไทยคว้าเหรียญรางวัลจากมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติได้อย่างต่อเนื่อง

“ผมแฮปปี้กับทุกบทบาททั้ง อาจารย์ นักการเมือง นักธุรกิจ นายกสมาคมเทควันโด ซึ่งกีฬา คือ ความภูมิใจที่สามารถทำให้คนไทยมีรอยยิ้ม ได้เสียงเฮเวลาเชียร์นักกีฬา ส่วนบทบาทอาจารย์ได้เห็นลูกศิษย์เป็นใหญ่เป็นโต บทบาทของนักการเมืองดีใจที่ได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สุดท้ายนักธุรกิจ ผมเป็นพี่คนโต คุณพ่อย้ำเสมอ รุ่นลูกต้องสานต่อ ต้องบริหารให้กิจการเจริญรุ่งเรือง”