“ศรีส้ม”น้ำส้มแท้ 3 สายพันธุ์ รสชาติดีจนต้องบอกต่อ ธุรกิจเลิฟสุขภาพของ “มังกร-ปภาวิน”

ยังติดโผอยู่ในธุรกิจที่คนอยากทำ นั่นคือ “ธุรกิจเพื่อสุขภาพ” ว่ากันว่าเทรนด์ดูเเลสุขภาพยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว แม้แต่ดารา เซเลบริตี้ ยังหันมาเอาจริงเอาจัง ยกตัวอย่าง พระเอกหน้าคม จากเด็กอ้วนดำ น้ำหนักร้อยโล มังกร-ปภาวิน หงษ์ขจร พระเอกช่อง 8 วัย29ปี ก็ยังทุ่มเงินสร้างธุรกิจน้ำส้ม จุดเด่นใช้ส้ม 3 สายพันธุ์ผสมกัน  ราคาไม่โหด 35 บาท ยอดขายเเต่ละวันแตะหมื่นขวดแล้ว


ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสรักสุขภาพได้รับความนิยมมากในบ้านเรา หลายคนจึงถือโอกาสผุดธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพขึ้นมารองรับ ไม่เว้นแม้แต่ มังกร-ปภาวิน หงษ์ขจร พระเอกช่อง 8 เจ้าของแบรนด์น้ำส้ม “ศรีส้ม” ที่ปัจจุบันมียอดผลิตในแต่ละวัน จำนวนหลายพันขวด

“ช่วงที่ผ่านมามันเป็นยุครักสุขภาพ แล้วมังกรเป็นคนรักสุขภาพ เพราะเป็นเด็กที่มีโรคประจำตัวเยอะก็ค่อนข้างเลือกกิน เราอยากกินน้ำผลไม้ที่ได้วิตามิน ได้ประโยชน์จริงๆ เลยรู้สึกว่าอยากลองทำดูเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำกับเพื่อนอีกคน ทำในขนาดเล็กๆ ลองผิดลองถูกก่อน พอรสชาติเริ่มคงที่ ถึงขั้นตอนผลิตจริงๆ ก็ปรึกษาคุณพ่อ เพราะคุณพ่อผมจบเกี่ยวกับวิศวะเคมี เราเลยได้สูตรนี้ขึ้นมา” นักแสดงวัย 29 ปี บอกถึงที่มา ซึ่งกว่าจะจำหน่ายได้จริงก็ต้องให้เพื่อนๆ ญาติๆ ชิมแล้วชิมอีก เพื่อความมั่นใจว่ารสชาติอร่อยเหมือนกันทุกขวด

โดยช่วงแรกเขาได้นำน้ำส้มไปฝากวางขายตามร้านข้าวแกงแถวละแวกบ้าน วันละ 10-20 ขวด ซึ่งบางวันก็ถูกตีคืน เพราะน้ำส้มไม่ได้ใส่สารกันบูดจึงเก็บไว้ได้เพียง 5 วัน

“ชื่อแบรนด์เรา ศรีส้ม ศรีที่แปลว่าดี คอนเซ็ปต์ของเราคือ คัดส้มพันธุ์ดีๆ มาให้ผู้บริโภคทุกคนได้กิน เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี ไม่ใส่สารอะไรอื่นๆ เราขายสินค้าสุขภาพเพื่อผู้บริโภคทุกคน เราก็เลยคัดส้มเพื่อเป็นน้ำส้ม 100 เปอร์เซ็นต์” เขาให้เหตุผล

ก่อนอธิบายเพิ่มเติม “ของเราเป็นส้ม 3 สายพันธุ์ผสมกัน หลักๆ เป็นส้มเขียวหวาน ส่วนอีก 2 ชนิด บางส่วนเอามาเป็นเนื้อ บางส่วนมาเป็นน้ำเพื่อเราจะได้ไม่ต้องใช้น้ำมาเป็นส่วนผสมของหัวเชื้อ แล้วเราก็เอาส้ม 3 สายพันธุ์มาผสมจนได้รสชาติที่ดี สิ่งที่ได้ความแตกต่างคือเวลากินแล้วมันต้องได้ความสดชื่นทุกขวด”

ดังนั้น แม้ช่วงแรกจะถูกตีคืน แต่เมื่อลูกค้าได้ลองชิมก็ติดใจเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก จากที่เคยฝากวางขายกลายเป็นเริ่มมียอดสั่งน้ำส้มเข้ามา ตั้งแต่ 20 ขวด 30 ขวด แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็น 50-100 ขวด ต่อร้าน จนกระทั่งตอนนี้ที่เข้าสู่ปีที่ 2 ศรีส้มก็ได้กระจายพื้นที่ส่งขายไปทั่วประเทศ รวมถึงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

“เอาจริงๆ จุดเริ่มต้นยังไม่รู้ว่าจะขายได้หรือเปล่าเพราะวันแรกๆ แค่ให้คนอื่นชิมยังลุ้นว่าจะอร่อยเหมือนเราคิดหรือเปล่า อาหารที่ให้คนชิม 100 คนยังไม่พูดเลยว่าอร่อยเท่ากันทุกคน แต่ภาพที่เราคิดไว้ว่าส่วนมากว่ามันอร่อยก็โอเค ซึ่งพอขายแล้วถูกตีคืนกลับมามันลดความมั่นใจของเราลงมาก แต่พอเวลาผ่านไปพิสูจน์ได้ว่า “คุณภาพ” เป็นสิ่งที่ทุกคนบอกต่อๆ กัน”

“พอมันเริ่มไม่มีการตีคืนกลับมา แล้วจำนวนขวดมันก้าวกระโดดมันทำให้ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เรายึดมั่นไว้คือคุณภาพ แล้วสุขภาพที่เราตั้งใจให้ทุกคนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วมันทำให้เราไปได้ไกลจริงๆ” เขาบอกอย่างภูมิใจ

ขณะเดียวกันก็ว่า “พอธุรกิจเริ่มขยายเราต้องมีขั้นตอนการผลิตที่ให้จำนวนมากขึ้น อันนี้ก็ปรึกษาคุณพ่ออีกครั้งว่าเราจะขยายกำลังการผลิตได้มากที่สุดจาก 500-1,000 ขวด มาเป็นวันละ 10,000 ขวดได้ยังไง นั่นก็ต้องมีการย้ายที่ผลิตไปมีโรงงานขนาดย่อมๆ ของเราเป็นเรื่องเป็นราว” มังกร เล่า

“เราต้องคิดขั้นตอนการผลิตเพื่อลดต้นทุน แต่จะไม่ลดคุณภาพ คงคอนเซ็ปต์เดิมเพื่อให้รสชาติคงที่ อันนี้เป็นคุณภาพที่เปลี่ยนมันไม่ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เรื่องขวด เรื่องสติ๊กเกอร์เราอาจต้องหาทางแก้ไขทางอื่น แต่เรื่องในขวดส้มคือ ส้ม 3 ชนิดเป็นสิ่งที่เราต้องใช้มันตลอด จริงๆ การคุมราคาส้มเป็นสิ่งที่ยากมากเพราะไม่ใช่เจ้าของไร่ส้มเอง แล้วส้มจะมีความผกผันของฤดูกาล หน้าฝน หน้าหนาวจะมีปัญหา รสชาติอาจจะไม่ได้เปลี่ยนมากแต่เป็นจำนวนผลส้ม การล็อกไร่ส้มแค่ไร่เดียวก็ต้องเพิ่ม โดยประมูลไร่ส้มมากกว่านั้นเพื่อถ้าไร่นี้หยุดส่ง เราจะได้ไม่มีปัญหา พอมีหลายเจ้าเราก็ไม่ห่วงเรื่องที่เขาจะขึ้นราคาเจ้าเดียว พอจะคุมราคาได้ เราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบทั้งระบบ”

ทั้งนี้ พระเอกย้ำ “10,000 ขวด ต่อวัน ผมยังยืนยันว่าวันนี้ยังไม่ถึง แต่อยากให้ถึง อยากจะฝันให้มันไกลขึ้น มีความมั่นใจขึ้นว่าจะมีวันนั้นแน่นอน”

“ส่วนตอนนี้ยอดผลิตอยู่ที่หลักพันขวดต่อวัน ก็ประมาณครึ่งๆ หมื่น แต่เวลาเราขยายโรงงานต้องขยายก้าวกระโดดเพื่อรองรับผล ต้องตั้งเป้าหมายไว้ก่อน แล้วก็เริ่มทำการตลาดแบบตัวแทน ทำราคาส่งที่ให้ตัวแทนไปขยายกำไรได้ การทำธุรกิจเราว่าสิ่งที่มันวิน-วิน คือ เราอาจจะได้นิดหน่อยแต่ในเมื่อเราเป็นคนผลิตเอง คนที่ต้องไปส่งต่อเขาควรได้กำไรมากกว่า เพราะถ้าเรามีตัวแทนหลายคน เราเก็บกำไรนิดหน่อยจากแต่ละคน รวมๆ ก็อาจจะได้เยอะ”

สำหรับเรื่องราคา เขาเผยว่า ขนาด 250 มิลลิลิตร ขายปลีกขวดละ 35 บาท ถ้าเป็นตัวแทนซื้อ 50 ขวดขึ้นไปจัดส่งฟรีทั่วประเทศ แต่หากซื้อ 100 ขวดราคาก็จะถูกลง ส่วนจะเป็นเท่าไหร่นั้นสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ไลน์ @seesomjuice  หรือโทรศัพท์ (065) 146-6545

โดยมังกร ยอมรับว่า ในตลาดน้ำส้มอาจจะมีเจ้าอื่นที่ราคาถูกกว่า แต่เมื่อคุณภาพต้องมาก่อนจึงไม่อาจใช้กลยุทธ์เรื่องราคาไปสู้ได้

“ผมไม่เคยทำราคาแข่งการตลาดอยู่แล้ว ผมมั่นใจเรื่องคุณภาพ เพราะตั้งใจใส่ของดีๆ เลยมั่นใจว่าราคามันลดกว่านี้ไม่ได้แล้ว คุณภาพที่เราใส่เป็นของจริง ถ้าสินค้าเราปนด้วยน้ำหรือสารเคมี ขายขวดละบาทผมก็ทำให้ได้”

“แล้วจริงๆ เรายังอยากได้ของดี ของสด ผมว่าลูกค้าทุกคนก็ต้องคิดเหมือนกัน พอได้สิ่งที่แตกต่างแล้วเขาก็น่าจะอยู่กับเราตลอดไป ซึ่งมันเห็นจากจำนวนขวดของเราทุกวันนี้ ไม่ว่าคนจะสนใจต้นทุนเรื่องราคา หรือเรื่องเศรษฐกิจที่ทำให้มีเงินใช้จ่ายน้อยลงแค่ไหน แต่คนก็ยังใส่ใจสุขภาพ สิ่งที่กินเข้าไปในร่างกายตัวเอง คนยังเลือกที่จะจ่าย แม้จะแพงกว่า 5-10 บาท เท่ากับแปลว่าทุกคนยังเลือกรักตัวเองมากกว่ายอมเสียเงินน้อยกว่า”

เมื่อทุกอย่างไปได้ดีเลยต้องอดถามไม่ได้ถึงการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งเขากลับคิดต่าง

“ด้วยความที่ของเราไม่ใส่สารกันบูด เคยคุยกับคุณพ่อว่าถ้าคิดถึงการส่งไปประเทศเพื่อนบ้านใส่สารอะไรที่มันทำให้อยู่ได้นานขึ้นได้ไหม พ่อก็บอกว่างั้นคอนเซ็ปต์เราจะเปลี่ยน ไม่งั้นชื่อศรีส้มเราจะใช้ไม่ได้กับคอนเซ็ปต์ว่าน้ำเพื่อสุขภาพ ผมก็เลยเข้าใจ”

ทว่า “ผมมองธุรกิจอื่นๆ ไว้ เป็นธุรกิจอาหารกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน เพราะว่าจีนก็ชอบใช้สมุนไพรไทย ใช้สินค้าของไทย มะม่วง ทุเรียน ซึ่งสำหรับคนอยากทำธุรกิจ ถ้าให้ผมเชียร์ ผมอยากให้ทุกคนเอาวัฒนธรรมไทยออกมาใช้ ขนมไทย ของพื้นบ้านรอบตัวคุณเอาออกมาใช้ต่อยอดได้หมด อย่าให้ฝรั่งหยิบของพื้นบ้านเราไปขายที่เมืองนอกเลยเป็นเราเอาไปโชว์ให้เขาเห็นเองดีกว่า”

“แล้วก็ต้องเป็นสิ่งที่เรารัก ทุกอย่างถ้าเรารักมัน มันทำให้เรามีอนาคต มันสร้างรายได้ให้เราได้จริงๆ ถ้าพูดง่ายๆ คืออะไรก็ได้ที่เรารักจะทำให้รวย ทำให้เงินกลับมาหาเราแน่นอน แต่ไม่ใช่พอทำแล้วแค่ตัวคุณเองบอกว่าดี ทุกคนรอบๆ ข้างต้องบอกว่ามันดีด้วย แล้วเดี๋ยววันหนึ่งมันจะสร้างอาชีพให้เราแน่นอน ถ้าทำอาหารทำสิ่งที่เรากล้ากิน ถ้าทำของใช้ก็ทำสิ่งที่เรากล้าใช้ แค่นั้นผมว่าทุกคนก็สำเร็จได้”

“อย่างของผมถามว่าธุรกิจนี้ในอนาคตมันมั่นคงแน่นอนไหม ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่มันก็สร้างให้ผมมีความมั่นใจในธุรกิจและความรู้ ที่ไม่ว่าจะต่อยอดสินค้าอะไรในอนาคตก็จะทำให้สำเร็จได้ด้วยโครงสร้างธุรกิจประมาณนี้”

ธุรกิจที่ทำให้เรียนรู้ว่า “คุณภาพ” ของสินค้าต้องมาก่อนเสมอ