มิค – บรมวุฒิ ขัดใจภรรยา ตั้งชื่อธุรกิจ “ปูไข่เยิ้ม” ขายดีจนตั้งตัวไม่ทัน เตรียมโกอินเตอร์แล้ว

เพราะ ‘ลูก’ คือทุกสิ่งทุกอย่าง หลายคนจึงกล้าลองทำสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำก็เพื่อลูก อย่าง มิค – บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ ที่ปฏิเสธทันทีเมื่อเพื่อนชวนทำธุรกิจ แต่พอชื่อ น้องปริม – รัตน์นรี ลูกสาววัยขวบเศษถูกยกมาเป็นเหตุผล สุดท้ายเลยตัดสินใจร่วมหุ้นโดยไม่ลังเล

“มิคมีเพื่อนที่เรียนโรงเรียนประจำด้วยกันตั้งแต่เด็กที่อังกฤษ แล้วย่าเขารู้จักกับย่ามิค เขาเลยชวนทำปูดองสูตรย่ามิคกันไหม เราบอกว่าอย่าทำเลยยาก มันใช้เวลานาน วุ่นวาย เวลาทำลูกน้องที่บ้านมือแหก เพราะกรรมวิธีการเตรียมวุ่นวายมาก เขาก็พูดไปพูดมา เราก็บอกว่าอย่าเลยจะทำทำไมให้เหนื่อย  แต่พอเขามาพูดโประโยคสุดท้ายว่าเรามีลูกไม่ใช่เหรอ อยากทำอะไรให้ปริมไม่ใช่เหรอ เออ! จริง ลืมประเด็นสำคัญคือ ลูก โอเค…งั้นทำ เลยเริ่มทำตัดสินใจว่าลองสักตั้ง” นักแสดงอารมณ์ดีบอกถึงที่มาของ Pookaiyerm_byMick (ปูไข่เยิ้มบายมิค)’

โดยเมื่อตัดสินใจเริ่มก็ลองลงมือทำ แต่รสชาติไม่ใกล้เคียงกับที่คุณย่าผู้ล่วงลับเคยทำให้ทาน โชคดีที่ตอนหลังได้เจอสูตรของคุณย่าได้จดไว้ ทว่าขั้นตอนการทำกลับไม่ง่ายเพราะปูไข่ดอง 1 ตัวต้องผ่านคนล้างและขัดถึง 6 รอบ ซึ่งในครั้งแรก ปู 50 ตัวที่มาส่งตั้งแต่เช้ากว่าจะล้างเสร็จสิ้นก็ร่วมเที่ยงคืน  เขาจึงลองลดการล้างเหลือแค่ 3 รอบเพื่อประหยัดเวลาและกำลังคน

ผลปรากฏว่า “กลิ่นคาวยังมี รสชาติไม่เหมือนตอนกินเด็กๆ มิคก็มานั่งนึกว่าการที่จะมาขายของกิน ถ้า 1.ไม่สะอาด 2.ไม่ดี มิคก็รู้สึกว่ามิคไม่ควรขายเลยตั้งแต่แรก ถ้าจะขายต้องให้ดีทำให้คนประทับใจ เพราะมิครู้ตัวดีว่ามิคเป็นเป้านิ่ง  ถ้าทำให้คนมีปัญหากับการกินหรือของมิคไม่อร่อย คนจะบอกทันทีว่าของไอ้มิคมันไม่อร่อย เราเลยต้องทำทุกอย่างตามสูตรคุณย่าเป๊ะเลย โดยใช้บุคลากรเยอะก็ยอม”

ไม่ต่างจากเงินลงทุนที่สูงถึง 7 หลัก โดยเฉพาะค่าปูที่สั่งมาแบบวันเว้นวัน แถมยังหายากอีกต่างหาก

“สิ่งที่ยากคือหาปู มิคเห็นหลายเจ้า ปูค่อนข้างตัวเล็กแล้วมันจะอร่อยไหม เลยไปหาแหล่งปูเราเอง ได้มาถูกกว่าคนอื่น ไม่เอากำไรแบบคนอื่น ไซส์ใหญ่กว่าคนอื่นแต่ราคาถูกกว่าเพราะอยากให้คนได้กินของอร่อย  และถ้าปูมาไข่ไม่เยิ้มก็ไม่ขาย ถ้าไม่ส่งคืนก็ให้ลูกน้องกิน ซึ่งตอนแรกตั้งชื่อปูไข่เยิ้ม เบนซ์ (พรชิตา ณ สงขลา ภรรยา) ด่าว่าติ๊งต๊องหรือเปล่า เพราะถ้าไข่ไม่เยิ้มก็จะขายไม่ได้เลย แต่พอนั่งคิดกับเพื่อน สุดท้ายก็ชอบคำนี้เหมือนเดิมเลยตัดสินใจทำ ตอนนี้เบนซ์บอกว่าดีมากเพราะเราต้องคัดให้ได้ถึงจุดนั้น ถ้าต่ำกว่านั้นขายไม่ได้”

“เพราะจุดขายของเราอยู่ที่รสชาติกับขนาด  โดยรสชาติสูตรของคุณย่าไม่ได้เค็มน้ำปลา เพียงแค่ได้กลิ่นหอ­ม น้ำปลาตามมาทีหลัง อันแรกคือได้ความหวาน ความสดของปู เราไม่เน้นเค็ม เป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนเจ้าอื่น  หลายเจ้าอาจเป็นปูแช่แข็งดองน้ำเกลือ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่ของมิคเป็นดองน้ำปลาไปเลยทั้งกล่อง ช่วงหลังลูกค้าหลายคนบอกเขาเก็บน้ำปลาเคี่ยวไปคลุกข้าว”

ส่วนเรื่องขนาดปูดอง เขาจะขายเป็นไซส์ อย่างไซส์ S น้ำหนัก 2.5 -2.9 ขีด ราคา 369 บาท ไซส์ M  น้ำหนัก 3-3.9 ขีด ราคา 635 บาท ไซส์ L น้ำหนัก 4-4.9 ขีด ราคา 815 บาท ไซส์ XL น้ำหนัก 5 – 5.9 ขีด ราคา 900 บาท ไซส์ XXL น้ำหนัก 6-7.9   ขีด ราคา 1,300 บาท  ขณะที่แพ็คคู่จะบรรจุ 2 ตัว น้ำหนักตัวละ 2-2.4 ขีด ราคา 700 บาท โดยทั้งหมดสามารถเลือกดูเมนูได้ทางอินสตาแกรม pookaiyerm_bymick และสั่งซื้อได้ในไลน์  @pookaiyermbymick 

อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดขายวันแรกแล้วปูดอง 800 กล่องหมดเกลี้ยงจนของขาดสต็อกไป 2 สัปดาห์ มิคก็ได้ขยายธุรกิจ  ทั้งจ้างแรงงานคน  ทั้งซื้อตู้เย็นไว้แช่ปูดอง จากเดิมที่มีอยู่ 2 ตู้ ปัจจุบันมีมากกว่า 30 ตู้ นอกจากนี้ยังเตรียมกระจายจุดวางสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น

 “ที่ผลิตสินค้าเราเป็นสนามไดร์ฟกอล์ฟของเพื่อน อยู่ที่ย่านวังหิน  ซึ่งสนามไดร์ฟกอล์ฟคนไม่ได้สั่งอาหารเยอะเท่าไหร่ แม่เขาเลยยกให้ เราก็ซื้ออุปกรณ์มาลง โชคดีไม่ต้องเสียค่าโครงสร้าง ตอนนี้ก็เริ่มคิดจะขยายไปที่อื่นด้วย เพราะบ้านมิคอยู่แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอาจหาที่เปิดใกล้บ้านสักหนึ่งที่ และเลยไปทางบางนาอีกหนึ่งจุด กระจายไปนอกๆ เมือง เพื่อลดค่าขนส่งของลูกค้า โดยมีคนของเราไปคุม ส่วนอนาคตอาจมีตัวแทนต่างจังหวัด  แล้วก็กำลังคุยกับเพื่อนว่าสุดท้ายเราก็อยากมีเคาน์เตอร์ในห้างไว้วางขายด้วย”

“แล้วมิควางแผนไว้ว่าจะทำอาหารทะเลครบวงจรให้ได้ ตอนนี้นอกจากปูไข่ดองก็มีปูไข่นึ่ง ปูม้านึ่งขายด้วย แล้ววันเสาร์ – อาทิตย์ก็มีกั้งนึ่งขาย โดยเรายังอิงเรื่องการเดลิเวอรี่ตามคอนเซ็ปต์ว่าจะเสิร์ฟความอร่อยให้แบบเร่งด่วน” มิคเผย พร้อมกับว่า “ตอนนี้เวลาคนสั่งซื้อ มิคยังตอบไลน์เองอยู่เลย”

นั่นเพราะเคยได้บทเรียนจากการทำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก  ‘ENZO’ ที่แม้จะยังขายได้เรื่อยๆ ในกลุ่มลูกค้าขาประจำ แต่ก็ยังไปได้ไม่ไกลอย่างที่คาดคิด

“การพึ่งคนอื่นมันไม่เวิร์ค เรียนรู้จากอันนั้นหลักๆ เลย คือ ถ้าอยากให้อะไรออกมาดีก็ตามต้องให้เวลากับมัน แล้วก็ทำเองตั้งแต่ต้น เราต้องเรียนรู้ไปกับมัน  รู้ว่าปัญหาคืออะไร  อันนี้ที่ทำได้เพราะอย่างนี้ อันนี้ทำไม่ได้เพราะคนต้องการแบบนี้ กลายเป็นว่านี่แหละคือโมเดลที่ถูกต้อง การที่เราไปมุ่งความหวังให้คนอื่นทำให้เรา มันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของเขา  เขารับเงินไปหนึ่งก้อนเสร็จแล้วเขาก็ไปเลย เท้งเต้งอยู่อย่างนั้น เหมือนเข็นให้เราออกจากฝั่งแล้วทิ้งให้คาอยู่อย่างนั้น”

“ส่วนครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นมีมิค เพื่อนมิค แล้วก็แฟนเพื่อนมิคที่นั่งตอบไลน์ลูกค้ากันอยู่ 3 คน ทำเองมาตั้งแต่ต้นเลยรู้ขั้นตอน ทุกวันนี้พอลูกน้องผิดพลาด  เราสามารถพูดกับเขาได้ตรงๆ ข้อมูลที่เราพูดกับน้องๆ กลายเป็นว่าเขาฟัง เพราะเราผ่านมาจริง”

ถึงอย่างนั้นถ้าพูดเรื่องความสำเร็จ “ธุรกิจของมิค มันเป็นธุรกิจที่ยังเด็กๆ มาก  สู้บางเจ้าที่ทำเงินเดือนละ 4 ล้านไม่ได้  แต่วันหนึ่งเราอยากให้เป็นแบบนั้น อยากให้เป็นธุรกิจที่มั่นคงกว่านี้ ฐานลูกค้าเยอะกว่านี้  เรากำลังพยายามไปถึงจุดนั้น ก็หวังให้มันอยู่ได้ไปเรื่อยๆ เพราะเป็นค่าเล่าเรียนปริม”

และด้วยความตั้งใจนี้ บวกกับยอดขายปูดองและปูนึ่งที่อยู่ราวๆ 100 กล่องต่อวัน ทำให้คนที่ไม่คิดจะทำธุรกิจนี้ในตอนแรกเพราะกลัวเหนื่อย กลัวลำบาก กลับอยากจะก้าวไปเป็น #เจ้าพ่อปู ในอนาคตให้ได้

“ทุกวันนี้ยังขอบคุณเพื่อนอยู่เลย ที่เตือนสติวันนั้น” มิคสารภาพความในใจ

“ขอบคุณที่ผลักดันให้เราตั้งใจทำตรงนี้ แล้วเพื่อนก็ช่วยทุกอย่าง รู้จักกันมา 20 กว่าปี  ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เพื่อนมีในจุดที่มิคไม่มี มิคมีจุดที่เพื่อนไม่มี เขามีความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ แต่มิคจะเป็นคนช่วยผ่อน อย่างเวลาดุถ้าเขาดุเกิน มิคจะไปช่วยปลอบ เหมือนพ่อกับแม่ที่พอพ่อดุก็กระโดดหาแม่ เหมือนเป็นธุรกิจที่อยู่กันแบบครอบครัว”

และขับเคลื่อนไป ด้วยแรงบันดาลใจจากครอบครัวเช่นกัน