“เอ็มมี่ แม็กซิม” สลัดเต้าสวมวิญญาณแม่ค้า ขายเมนูสุขภาพ ปลาเผาไฮโซ-อาหารอีสาน

ด้วยภาพลักษณ์เซ็กซี่ที่ขยับตัวเมื่อไรเป็นต้องเรียกเสียงฮือฮา พอมีภาพขณะ เอ็มมี่ แม็กซิม-อมล วรรณ ศิริกิตติรัตน์ สวมวิญญาณแม่ค้ายืนลวกก๋วยเตี๋ยวโดยมีลูกชายให้กำลังใจไม่ห่างปรากฏบนโลกออนไลน์ ผู้คนจึงให้ความสนใจกับบทบาทใหม่ พร้อมข้อสงสัยที่ตามมา

บ้างก็ว่านางแบบสาวอยู่ในช่วงขาลงตกอับ

บ้างก็ว่าเธอเตรียมลาวงการบันเทิง หลังปลงผมบวชชีศึกษาพระธรรมเมื่อกลางปี 2560

ทว่าในความจริงแล้ว นี่เป็นหนึ่งในช่องทางหารายได้ของเอ็มมี่ในฐานะเสาหลักของครอบครัวด้วยการหวนคืนสู่อาชีพอันแสนคุ้นชิน นอกเหนือจากการเป็นดารา-นางแบบสุดเซ็กซี่

“จริงๆ เอ็มมี่ขายของมาตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็กๆ แล้ว” สาววัย 33 เล่าให้ฟัง

โดยตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ป.1 เธอกับน้องชายที่เกิดมาในครอบครัวยากจนต้องเข็นรถเข็นไปตามหมู่บ้านใกล้ๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขายถ่าน ขายผัก ขายปลาให้หมดในแต่ละวัน แลกกับเงินไปโรงเรียนวันละ 3 บาท นั่นจึงทำให้รู้ซึ้งถึงรสชาติของความยากจน พอโตขึ้นได้เห็นช่องทางทำมาหากินเลยเดินหน้าลุยเต็มที่ แม้กระทั่งตอนก้าวเข้ามาเป็นดาราแล้วก็ตาม

“อย่างครั้งนี้ที่ขายของกิน เพราะมองว่าไม่ว่าใครทำธุรกิจอะไรสุดท้ายต้องกิน ของกินมันเลยน่าจะอยู่ได้ ที่สุดแล้ว มันอาจไม่ได้ทำให้เรารวยเวอร์ แต่ทำให้เราสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้”

เอ็มมี่เริ่มต้นด้วยการขายอาหารที่ชอบอย่าง “ยำปูม้า” ผ่านทางออนไลน์ ซึ่งเมื่อกระแสตอบรับดีจึงขยายกิจการเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อเดือนเมษายน 2560 กับร้าน ปลาเผาไฮโซข้างถนนบริการปลาเผาและอาหารอีสาน ก่อนจะปรับปรุงร้าน พร้อมเพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยวกับอาหารตามสั่งต่างๆ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

“ที่เลือกขายปลาเผาเพราะเราชอบทาน แล้วก็เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ อีกอย่างคือเคยไปเปิดร้านที่มาเลเซียแล้วฟีดแบ็กดี คนที่นั่นชอบทานมาก ทั้งคนจีนที่ชอบทานปลาอยู่แล้ว และคนมลายูที่ปกติถ้าเป็นร้านอาหารไทยเขาจะไม่ค่อยเข้ามานั่งเพราะมีหมู แต่เขาเห็นเราย่างปลาอยู่หน้าร้านแล้วพอได้เข้ามาชิมฝีมือคุณแม่กลายเป็นว่าชอบร้านเราไปเลย” เอ็มมี่ บอก

พร้อมยังว่า “ส่วนเมนูก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งที่เพิ่มเข้ามา เพราะเอ็มมี่อยากให้ทุกคนมาร้านแล้วได้กินทุกอย่าง อาหารตามสั่ง ขนมจีน แค่คุณสั่งมาเรามีให้คุณหมดเลย เรียกได้ว่าครบรส มาที่นี่สามารถกินได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ เอ็มมี่เช่าตึกแถวแถวบ้านที่สุขาภิบาล 5 ซอย 32 ไว้ 2 ห้อง หน้าร้านฝั่งซ้ายจะเป็นปลาเผา ฝั่งขวาทำเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว”

โดยสมัยอยู่มาเลเซีย เธอมีหน้าที่แค่ออกเงินลงทุนกับเพื่อนและต้อนรับลูกค้านิดๆ หน่อยๆ แต่สำหรับร้านนี้ได้ลงมาดูแลเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่จ่ายตลาด ซื้อวัตถุดิบ เลือกอุปกรณ์เครื่องครัว ฯลฯ รวมถึงออกแบบตกแต่งร้านที่แค่ค่าโซฟาก็เป็นเงินกว่าแสนบาท

“จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะลงทุนเยอะขนาดนี้” เจ้าของร้านสารภาพ

“ตั้งใจทำเล็กๆ ห้องหนึ่งมีโต๊ะฝั่งละ 3 โต๊ะ โต๊ะหนึ่งมีเก้าอี้ 4 ตัว แต่สุดท้ายก็เอาโซฟามาลงเพราะอยากให้ทุกคนได้นั่งสบายๆ มีไว-ไฟให้นั่งเล่นอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งตอนแรกก็มีปากเสียงกับแม่ว่าทำไมลงทุนเยอะ แต่ก็บอกแม่ว่าไม่เป็นไรหรอกเพื่อความสะดวกสบายของคนที่เข้ามานั่ง บางทีเราเห็นร้านหรูๆ เราไม่กล้าเข้าไปนั่งเพราะไม่มีเงิน แต่ร้านเรามีโซฟาดีๆ ไม่ว่าเป็นคนงานก่อสร้าง คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ทุกคนสามารถมานั่งร้านเราได้หมดเลย เอ็มมี่เลยมีความสุขที่เห็นทุกคนมีความสุข ได้เข้ามานั่งร้านสบายๆ กินข้าว”

“เรื่องวัตถุดิบจะเน้นคุณแม่ว่าปลาต้องเป็นปลาสดไม่ใช่ปลาที่ตายแล้วมาเผา กุ้งก็ต้องกุ้งตัวใหญ่ เราเน้นคุณภาพ หรืออย่างเตาเผาก็สั่งจากซีพีเพราะอยากให้ถูกหลักอนามัย ส่วนเรื่องรสชาติไม่ต้องห่วง คุณแม่เป็นคนทำอาหารอร่อยมาก เมนูยำทุกคนต้องสั่งเพราะน้ำยำกลมกล่อมมาก อีกอย่างคือตำป่า”

ที่สำคัญคือ “ราคาไม่แพง”

“ปลานิลเผาของเราชุดละ 150 บาท เมนูถูกสุดก็เป็นพวกข้าวอาหารตามสั่ง 20-25 บาท อยู่ที่ว่าจะสั่งอะไร ถ้ามีไข่ดาวราคาก็เพิ่มไปแต่บางทีแม่ก็แบบถ้าเป็นเด็กนักเรียนก็ให้อีกราคาหนึ่ง”

“เราไม่อยากขายแพง ด้วยความที่เมื่อก่อนที่บ้านเราจน ได้ไปโรงเรียนวันละ 3 บาท ถามหน่อยว่าเอ็มมี่กินอะไรได้ ก็ต้องกินน้ำก๊อกในโรงเรียน นั่นหมายความว่าถ้าคนมีเงิน 20 บาทมาร้านเอ็มมี่ก็กินได้แล้ว”

อย่างไรก็ตาม แม้จะขายในราคาย่อมเยาแต่กิจการถือว่าไปได้ดี เป็นอีกช่องทางสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว

ทว่า “ถ้าถามถึงรายได้ต่อวัน เอ็มมี่ไม่กล้าตอบ เพราะตั้งแต่เปิดร้านมาให้แม่ดูแลทั้งหมด เราตั้งใจแล้วว่าจะเปิดให้แม่ ร้านนี้ยกให้แม่ ให้เป็นธุรกิจครอบครัว มีน้องสาว น้องชาย น้องเขย น้องสะใภ้ช่วยกันทำอยู่ แต่ถามว่าอยู่ได้ไหมก็อยู่ได้มาจะเป็นปีแล้ว ร้านเราเปิด 10.00-20.00 น. ก็มีลูกค้าเข้ามากินตลอดทั้งวัน”

“ส่วนเป้าหมายต่อไป เอ็มมี่อยากไปเปิดร้านปลาเผา แล้วก็ขายอาหารอีสานที่ขอนแก่น เพราะอาหารอีสานใครก็กิน แล้วเราเป็นคนอีสานด้วย ที่เล็งไว้ก็ตามแถวข้างมหาวิทยาลัย แต่ต้องดูด้วยว่าจะไม่ไปทับที่ใคร โดยมองไว้ว่าอาจให้น้องสาวช่วยดูแล เพราะตอนนี้ที่บ้านทำเป็นกงสีมาก มีน้องสะใภ้ น้องเขยเข้ามาช่วย กระจายหน้าที่กันไป”

“แต่เอ็มมี่ก็ยังเข้าไปช่วยอยู่นะ” สาวเจ้าไม่วายย้ำ

“บางคนเปิดร้านจริง แต่ไม่ได้อยู่ร้าน แต่เอ็มมี่ถ้าว่างก็อยู่ร้านนั่นแหละ นั่งเล่นเกม เล่นมือถือ คุยกับลูกค้า ทำทุกอย่างเองหมด เสิร์ฟเองด้วย เก็บโต๊ะอาหารเองด้วย บางคนคิดว่าเราไม่ต้องทำเองก็ได้ไหม แต่พอเห็นทุกคนกินจนหมด แฮปปี้กับอาหาร เราก็อยากทำทุกอย่างที่ทำให้คนมีความสุข ที่สำคัญคือ ไม่อยากให้ร้านนี้มีแค่ชื่อเอ็มมี่ เพราะตัวตนเอ็มมี่ก็ยังอยู่”

และนอกจากร้านอาหาร ยามว่างเธอยังนำเสื้อผ้าที่มีอยู่มาขายผ่านการถ่ายทอดสด (Live) ในเฟซบุ๊ก โดยไม่สนว่าใครจะมองอย่างไร เพราะถือคติว่าอย่าอายทำกิน ตราบใดที่เป็นอาชีพสุจริต

“ลูกเราก็โตแล้ว ค่าใช้จ่ายมากขึ้น หลานๆ โตแล้ว เดี๋ยวก็เข้าโรงเรียน เอ็มมี่เป็นเสาหลักของบ้าน เพราะฉะนั้น เรียกง่ายๆ ว่าอะไรที่เป็นเงิน เป็นอาชีพสุจริต ผู้ที่มาอุดหนุนเราก็มีความสุข เราก็จะทำ” คนพูดให้เหตุผล

ขณะเดียวกันก็ว่า “ทุกอย่างมันสามารถทำเงินให้คุณได้หมด ถ้าไม่มีทุนก็ขายออนไลน์ ไม่ต้องสต๊อกของ ทุกอย่างมันอยู่ที่ว่าเราจะลงมือทำมันไหม ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจใหญ่โต แต่เป็นอะไรที่คุณคิดว่าอยากทำแล้วต้องทำให้มันสำเร็จ ล้มแล้วก็ลุกมาใหม่ เมื่อไหร่ที่คุณล้มแล้วไม่ได้หมายความว่าคุณแพ้ แต่ทำให้คุณกลับมาคิดว่ามันผิดพลาดตรงไหนแล้วแก้ไขตรงนั้น แล้วก็เดินต่อไป ล้มแล้วลุก อย่าเพิ่งหยุด ถ้าคุณยังไม่ตายต้องเอามันให้สุด มันเป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตคนเราจะไม่ประสบความสำเร็จเลย”

“เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้ขี้อายไม่ค่อยกล้าลงมือทำ ด้วยเพราะมีพ่อแม่ซัพพอร์ต แต่เอ็มมี่ไม่มีใครซัพพอร์ตแต่แรก เพราะฉะนั้น เอ็มมี่ไม่อายที่คนจะเรียกว่าแม่ค้า สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกคนรอบข้างเอ็มมี่มีความสุขและอยู่ต่อไปได้”

เห็นอย่างนี้แล้วคงต้องยอมรับว่า นอกจากตำแหน่งสาวเซ็กซี่ “เอ็มมี่ แม็กซิม” ยังเป็นสาวที่สู้ (ชีวิต) ไม่ถอยจริงๆ