สองเพื่อนซี้ วิลลี่-เสนาหอย ผุด วินฟาร์ม สวนเกษตรอควาโปนิกส์ ก่อนต่อยอดสู่ ผงผักชงดื่ม ลุยขายออนไลน์ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ

เรียกว่าเป็นดาราที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาได้หลายสิบปี ทั้งยังผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย สำหรับ คุณวิลลี่ แมคอินทอช และ คุณเสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค คู่ดาราเพื่อนซี้ ที่ปัจจุบันจับมือพากันมาเปิดฟาร์มผักอควาโปนิกส์ อย่าง วินฟาร์ม (Wynn Farm)

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับสองเพื่อนซี้คู่นี้ โดยทั้งคู่เล่าว่า วินฟาร์มแห่งนี้ ก่อตั้งบนเนื้อที่ขนาดประมาณ 10 ไร่ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจาก คุณแม่ของคุณเสนาหอยที่ได้ซื้อที่ดินตรงนี้เอาไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

เมื่อคุณเสนาหอยเข้ามารับสืบทอด คุณวิลลี่จึงเสนอไอเดียให้ทำเป็นพื้นที่ปลูกผักให้ลูกชาย หรือ น้องวิน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ทาน และนำมาสู่การตั้งเป็นชื่อฟาร์ม ที่มีความหมายดีๆ สื่อถึงลม นั่นเอง

“เราก็บอกคุณหอยเขาว่า ช่วยปลูกผักให้ลูกเรากินหน่อยสิ เพราะว่า เราไม่อยากได้ผักที่มีสารเคมีตกค้าง ให้ลูกหลานเรากินมากๆ เพราะเรารู้ว่า วิธีการที่จะสู้กับธรรมชาติที่ง่ายที่สุดก็คือการใช้สารเคมี ต้องใส่อะไรต่ออะไรไปเยอะ เราไม่ได้แอนตี้ปุ๋ยเคมีนะ แต่เราอยากให้ใช้มันน้อยลงมาหน่อย เพื่อที่ว่า จะได้ไม่สะสมในร่างกายของคนตั้งแต่เด็กๆ โดยมุ่งมั่นตั้งใจว่า จะปลูกแบบออร์แกนิกให้ได้ จนสุดท้ายคุณหอยก็ปลูกจนได้ใบอนุญาตปลูกผักออร์แกนิกเรียบร้อย” คุณวิลลี่ เล่า

“แล้วจากการแค่ปลูกผัก คราวนี้ผักมันไม่ได้ขึ้นแตกต่างกันออกไป ผักเวลามันออกทีมันสวยนะ แต่เวลาเก็บเกี่ยวมันต้องเก็บเกี่ยวทีเดียวพร้อมกันหมด บางทีก็ไม่ได้เก็บ คนไม่ได้กิน แมลงกินหมดก็มี คือจริงๆ ต้องบอกว่า วินฟาร์ม มันมาด้วยความไม่รู้ ไม่เป็นเลย ทั้ง 2 คน แต่เราอยากปลูกผักให้ลูกๆ กิน คือเราทำดินอยู่ 1 ปี ทำเรียลลิตี้แล้วให้คนแนะนำมาว่ามันต้องเริ่มอะไรยังไง ก็ปรับปรุงดิน 1 ปี น้ำอีก 1 ปี แล้วค่อยเริ่มปลูก แล้วกว่าจะปลูกได้ ขายได้ในปีที่ 3 ซึ่งลูกคุณวิลลี่เขาโตแล้ว ก็เลยหันมาขายผักออนไลน์ ซึ่งเรามาขายเองมันก็โอเค ราคาไม่ได้สูง ทำเองหมด และมันมีความสะอาดแล้วก็มีความสุขที่ได้ทำมากๆ แต่พอทำมาเรื่อยๆ ก็พบว่า คนบางคนกินผักยาก ไม่มีเวลาหาทาน นู่นนี่นั่น เราเลยหาทางต่อยอด โดยการทำ ผงผักชงดื่ม วินฟาร์ม เวจจี้ อะไรแบบนี้” คุณเสนาหอย เล่า

นอกจากนั้น ทั้งคู่ยังเล่าอีกว่า จริงๆ แล้วทั้งคู่ยังจำภาพได้เลยว่า ครั้งแรที่เริ่มปลูกผักกันแล้วจะขาย ยังคิดเลยว่าจะขายอย่างไร

“ครั้งแรกก็ขายได้ 1,300 บาท ลงทุนไปตั้งกี่สิบกว่าล้าน มันเลยทำให้เรารู้ว่า ทำไมเกษตรกรถึงได้รายได้น้อยมาก เพราะการที่เราขายครั้งแรก เราไม่ได้กำหนดราคาด้วยตัวเอง ว่าผักอันนี้ราคาเท่าไหร่ แต่คนอื่นเป็นคนกำหนด แล้วทุกอย่างทำมาเหนื่อย แต่มาทำกันแบบนี้ นี่แหละเราเลยคิดว่ามันเป็นจุดที่ทำให้เกษตรกรรู้สึกเหนื่อย และเริ่มหันมาใช้ทางลัดกันเยอะ”

“สุดท้ายเราก็มาคิดว่า ลองมาปรับวิธีการทำเกษตรกัน ที่มันทำได้ด้วยตัวเอง ปลูกเอง ขายเอง ส่งเอง ลองดู ซึ่งมันก็น่าได้นะ แต่มันก็เหนื่อยนะ แต่ยอมเพราะเราอยากให้มันดีขึ้น พวกเราไปญี่ปุ่นบ่อย เราก็ไปดูในห้างเขา ก็เห็นถุงผักอ่ะ เขาสแกนได้เลยนะว่า มันมาจากไหน ปลูกยังไง จากไร่ไหน เราเลยตั้งความฝันไว้ว่าอยากจะทำให้ได้แบบนั้น ซึ่งมันยากมาก และกว่าเราจะได้ออร์แกนิกแบบนี้ เราใช้เวลาทำตั้ง 3 ปีนะครับ ขึ้นปีที่ 4 เราถึงได้ แต่ก็ลองดูแหละว่ามันเป็นยังไง” คุณเสนาหอย เล่า

“เรามองว่า การพูดปัญหาให้เกษตรกรฟัง มันไม่มีประโยชน์ เราต้องทำให้เขาเห็นเป็นตัวอย่าง ว่าเรารอดยังไง คุณมาก๊อบเราได้เลย ซึ่งเราก็หวังไว้ว่า เขาจะมาทำแบบเราได้เหมือนกัน ซึ่งเราก็ไม่ได้แน่ใจนะ ว่ามันเวิร์กกับทุกคนทุกอย่าง เพราะเราก็เคยทำเจ๊งมาเหมือนกัน แต่คุณก็ลองเอาไปทำตามดู ปรับเปลี่ยนนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสม ตามข้อมูลใครข้อมูลมัน ที่มีกันนั่นแหละ”

“ถ้าเราทำแล้วรอด คุณก็มา ตามมา แต่ถ้าเราทำแล้วมันไม่รอด ก็ดูไว้เป็นตัวอย่างแล้วอย่าทำตาม แค่นั้น คือเราอยู่ในสปอร์ตไลต์กัน เราอาจจะไปเห็นปัญหาที่มันมีมานาน ปัญหาราคาซบเซาอะไรก็แล้วแต่ แล้วมันอาจจะถูกแก้ไปบ้าง คนอาจจะให้ความสนใจ มีหน่วยคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยได้ตรงจุดมากขึ้น ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันแบบทุกวันนี้ มันก็กลายเป็นสิ่งที่ดีให้เกษตรกรนะ” คุณวิลลี่ ว่าอย่างนั้น

คุณเสนาหอย ยังเล่าให้ฟังอีกว่า จริงๆ แล้ว วินฟาร์ม เริ่มปลูกจากผักชี ผักบุ้ง ผักปอเทือง เพราะพื้นที่ที่ฉะเชิงเทรานั้นแห้งแล้ง ซึ่งก็ได้จากคำแนะนำที่ผู้เชี่ยวชาญและเกษตรกร รวมถึงแฟนคลับช่วยๆ กันแนะนำมา

“ที่มันเหมือนหนังคาวบอยอ่ะ ลงมาจากรถ มีพุ่มไม้แห้งๆ เก่าๆ กลิ้งตัดฉาก ลมพัดฝุ่นแบบนั้นเลย พูดง่ายๆ ว่าถ้าหอยไม่มีที่ตรงนี้ ที่ฉะเชิงเทรา เราก็ไม่ได้เข้ามาทำ แต่เกษตรกรคนอื่นๆ เขามีที่อยู่แล้ว หรือได้รับต่อมาจากครอบครัว เป็นอะไรที่พูดได้เลยว่าเราเริ่มจากศูนย์เลยแหละ แล้วก็นับ 1 2 3 มา แต่ที่เราได้เปรียบก็เพราะเราเป็นดารา” คุณวิลลี่ เล่า

“คุณวิลลี่บอก ปลูกแล้วมันจะขึ้นเหรอ แล้วก็หันมามองหน้ากันว่าทำเป็นเหรอ ซึ่งก็ทำไม่เป็นทั้งคู่ ก็เลยมาทำเรียลลิตี้กันเลย อย่างที่เห็นนี่แหละครับ ที่บอกว่าทำดิน ทำน้ำยังไง ปลูกอะไรก่อน ตอนนั้นก็จำได้ว่า ปลายๆ ปี 2564 ผักชีออร์แกนิก ราคากิโลละ 450 บาท เราก็ปลูกมันเลย แต่ปัจจุบัน เราก็เริ่มปลูกหลายอย่างมากขึ้นแล้วครับ ยึดตามศาสตร์ของในหลวง ร.9 เลยว่า เราไม่ควรปลูกอะไรเพียงอย่างเดียว ซึ่งตอนนี้เราก็ปลูกผัก พืชสมุนไพร กระท่อม ซึ่งทุกอย่างเป็นออร์แกนิก อย่างกระท่อมก็เป็นเมดิคอลเกรดที่เอาไปทำยา ไม่ได้เอาไว้เสพ รวมๆ แล้ว วินฟาร์ม เราทำกันมา 4 ปี ก็ดีใจนะที่มีคนบอกว่า เห็นเราทำแล้วอยากกลับไปทำต่อพ่อแม่ อยากจะปลูกผักแบบแฮปปี้ๆ แบบหอยบ้าง มันก็จะกลายเป็นเทรนด์ที่ทุกคนอยากจะทำตาม” คุณเสนาหอย ว่าอย่างนั้น

นอกจากนี้ คุณวิลลี่ ยังทิ้งท้ายก่อนไปอีกว่า โดยส่วนตัวคุณวิลลี่คิดว่า คุณเสนาหอย ถือเป็นคนจุดประกาย ให้การหันมาทำเกษตร ทำฟาร์มมันเป็นกระแส ที่เพื่อนๆ ดาราหลายคน อยากจะมีฟาร์มเป็นของตัวเองบ้าง อยากปลูกผักกินเอง

“คือ ตอนนี้คนเราทำอาชีพเดียวไม่ได้แล้ว มันต้องมี 2-3 อย่าง ดาราก็ผันตัวมาทำอย่างอื่นกันเยอะ ถ้าเขาอยากจะทำบ้าง เราก็ต้องทำอะไรเสิร์ฟให้เขา” คุณวิลลี่ กล่าว

สนใจ ผงผักชงดื่ม วินฟาร์ม เวจจี้ หรือ ผักออร์แกนิกจาก วินฟาร์ม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Wynn Farm Veggie Thailand

เผยแพร่เมื่อ วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2565