| ผู้เขียน | นันท์ทิ ชาดา |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นอกจากจะเป็นหม้อไฟเกาหลีที่รสชาติดี ทานแล้วจะติดใจ ที่สำคัญคือ ยังเป็นเมนูผักเพื่อคนที่รักสุขภาพ ที่ตอนนี้คนทั่วไปให้ความสำคัญเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ จึงตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างดี
สร้างรากฐานครอบครัวเพื่ออนาคตสำหรับคู่รัก มิค-บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ และ เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา ภายหลังจากที่ภรรยาเบนซ์เปิดร้านอาหารญี่ปุ่น กิวมะ ในซอยทองหล่อ ล่าสุดแฟนหนุ่มอารมณ์ดี “มิค” ลุยธุรกิจหม้อไฟเกาหลี “กินจิเก” (KIN JJI GAE) ชั้น 2 เพลินนารี่ มอลล์ วัชรพล โดยจับมือกับ 2 หุ้นส่วนคนสนิทนอกวงการ ตาล-ธันยพร เรือนบุญ และ ตั๊ก-ฐิตวันต์ เรือนบุญ ที่ชื่นชอบอาหารเกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ
จุดนี้เองที่ทำให้เจ้าของร้านตะลุยทานหม้อไฟถึงประเทศเกาหลี และได้เจอน้ำซุปบูเดจิเก เป็นน้ำซุปที่นิยมในหมู่ทหารในอดีต และพอได้ลองลิ้มรสเกิดติดใจจึงเอาสูตรมาปรับจนอร่อย และยังเป็นเมนูเพื่อสุขภาพเพราะเน้นผักนั่นเอง
“เริ่มจากผมและหุ้นส่วนตาล ตั๊กไปเกาหลี พอถึงเวลาทาน ทุกคนทานแต่เนื้อย่างหมูย่าง จนมีคนเกาหลีแนะนำว่าทำไมไม่ลองทานน้ำซุปอันนี้ ซึ่งมันคือ น้ำซุปเกาหลี ผมถามว่ามันคือน้ำซุปกิมจิหรือเปล่า เขาบอกไม่ใช่ มันคือซุปบูเดจิเก เป็นอาหารที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามของเกาหลี ที่ทหารไปรบจะรวบรวมอาหารที่ได้รับแจกจากทหารสหรัฐมารวมกัน อาทิ แฮม ฮอตดอก ชีส ถั่วกระป๋อง รามยอน (บะหมี่) และกิมจิลงไปในหม้อใหญ่ๆ ซึ่งมันได้รสชาติที่จัดจ้าน อร่อย และทานมาจนถึงทุกวันนี้ ผมได้ลองทานมันอร่อยจนต้องชักชวนหุ้นส่วนทำธุรกิจนี้ โดยเอาสูตรมาทำที่นี่”
เพลินนารี่ มอลล์ แหล่งกิน
เจ้าของร้านบอกอย่างอารมณ์ดีว่า เดิมทีกิจการร้าน กินจิเก เปิดที่มหาวิทยาลัยรังสิตไปแล้ว แต่ด้วยสภาพร้านที่คับแคบ และไม่มีที่จอดรถเพียงพอ ประจวบกับ เพลินนารี่ มอลล์ กำลังเปิดใหม่ จึงย้ายมาเปิดที่นี่ พร้อมยืนยันมาดูแลกิจการไม่ขาด เพราะตั้งใจสร้างแบรนด์ให้ติดเพื่อต่อยอดธุรกิจต่อไป
“แรกทดลองเปิดที่หน้ามหาวิทยาลัยรังสิต เปิดไปได้ไม่ถึงปี แต่ร้านแคบ ไม่มีที่จอดรถ พอที่นี่มีโครงการจะเปิดก็มาเปิดเลย ซึ่งที่จริงเพลินนารี่ มอลล์ วัชรพล ไม่ได้ใกล้บ้านผมเลยนะครับ ผมอยู่อนุสาวรีย์ชัยฯ แต่สามารถขึ้นทางด่วนมาลงแป๊บเดียวครับ ง่ายมาก แม้งานผมจะเยอะแต่จะพยายามมาที่ร้านทุกวัน อย่างน้อยวันเว้นวัน หรือช่วงไหนว่างก็แวะเข้ามาเสมอ ผมไม่อยากให้ลูกค้าคิดว่าร้านดารามาเปิดทิ้งไว้ เจ้าของร้านไม่อยู่ ไม่อยากให้คิดแบบนั้น และที่ร้านผมจะไม่มีลูกค้าพูดเลยว่าเจ้าของร้านไม่อยู่ เวลามาก็ดูแลลูกค้า และวิ่งถ่ายรูปตลอด”
หม้อไฟเพื่อสุขภาพ
นอกจากจะเป็นหม้อไฟเกาหลีที่รสชาติดี ทานแล้วจะติดใจ ที่สำคัญคือ ยังเป็นเมนูผักเพื่อคนที่รักสุขภาพ ที่ตอนนี้คนทั่วไปให้ความสำคัญเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ จึงตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างดี และที่ไม่เหมือนต้นฉบับ นั่นคือ การโชว์วัตถุดิบในหม้อให้ลูกค้าได้เห็นอย่างครบถ้วน
“ที่ร้านขายดี ลูกค้าให้การตอบรับดีมาก และมีกลุ่มลูกค้าบางคนบอกมาทานหม้อไฟที่ร้านผม และพอไปทานที่เกาหลี รสชาติไม่เหมือนของร้านเรา รสเพี้ยน หรือไปทานของยี่ห้ออื่นก็เพี้ยน ร้านเราเป๊ะเรื่องรสชาติครับ และผมมองว่าคนไทยชอบถ่ายรูป คือเดิมหม้อไฟเกาหลีเขาจะใส่ทุกอย่างไว้ข้างล่างและมองไม่เห็น ผมทำให้มันกลับด้านกัน คือเอาทุกอย่างโชว์ด้านบน เพื่อให้ลูกค้าได้ถ่ายรูป ส่วนวัตถุดิบต่างๆ ที่อยู่ในหม้อ ผมสั่งตรงมาจากเกาหลีทั้งหมด”
โปรเจ็กต์ร้านใหญ่
ด้วยความที่ทั้งเจ้าของร้านมิค และแฟนสาว เบนซ์ ต่างมีธุรกิจร้านอาหารเหมือนกัน จึงเกิดไอเดียในอนาคตอาจจะเอา 2 ร้าน เนื้อย่างญี่ปุ่น กับหม้อไฟเกาหลี มาขายคู่กัน แต่ที่น่าปลื้มใจในตอนนี้คือ มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์ และมีบรรดามอลล์ต่างๆ มาขอให้หนุ่มมิคไปเปิดร้าน แต่ทั้งนี้ หนุ่มมิคตั้งใจที่อยากจะทำให้ร้านออกมาดี และมีโปรเจ็กต์ใหญ่สำหรับร้าน กินกิเจ ก่อน
“ร้านนี้ผมลงทุนไปร่วม 4 ล้านบาท ได้แค่นี้ ซึ่งไม่ได้ใหญ่มาก แต่ฟีดแบ็กที่กลับมาทำให้ผมดีใจ ณ ตอนนี้มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์ และขอให้ผมไปเปิดที่มอลล์อื่นหลายรายเหมือนกัน ซึ่งร้านนี้เพิ่งเปิดมาเพียง 2 เดือน ตอนนี้ผมมีโปรเจ็กต์ที่จะทำร้านใหม่ให้ใหญ่กว่านี้อีก 2-3 เท่า อยากให้เสร็จภายในปีหน้า (2558) น่าจะอยู่ในละแวกนี้ ไม่ใช่ใจกลางเมือง อยากออกมาโซนหมู่บ้าน เพราะจะได้เป็นแหล่งกินของคนกลุ่มนี้ และที่ทำตรงนี้เพราะมองถึงอนาคตที่เราอยากมีลูกและวันนั้นเราก็อยากให้ธุรกิจมันรันได้ด้วยตัวเอง ผมคงมีหน้าที่เลี้ยงลูกและดูแลธุรกิจครับ”
อนาคตเปิดผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
แม้ทำงานหนักและทำงานสารพัด แต่เจ้าตัวยืนยันจะยังคงทำงานในวงการเหมือนเดิม และอาจจะยิ่งเพิ่มงานให้มากขึ้น เพราะรู้สึกงานที่ทำมันคือความสุขและสนุก นอกจากร้านกินจิเกแล้ว ตอนนี้หนุ่มมิคเตรียมที่จะผุดธุรกิจตัวใหม่ นั่นคือ อาหารเสริมเพื่อคนอ้วนอีกด้วย โดยเจ้าตัวลงทุนทดลองผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการทำแพ็กเกจจิ้ง
“แม้จะตั้งใจมีลูก แต่ผมก็ลุยงานเหมือนเดิมและอาจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ คือผมยังทำงานได้อีกหลายปี เบนซ์ท้องร่วมปี พอคลอด ผมก็ยังคงทำงานและหางานเพิ่ม เพราะมันสนุก งานในวงการเป็นงานที่ผมรัก ส่วนธุรกิจ เรามีแรงทำไหวก็ทำต่อไป เพื่อลูก อย่างเมื่อก่อนผมเปิดร้านอาหารตอนกลางคืนเราได้รู้จักกลุ่มคนตอนกลางคืน พอมาเปิดร้าน กินจิเก ก็ได้เจอคนรุ่นพ่อแม่ ครอบครัว เราได้เจอคนหลากหลายไม่ใช่เจอหน้า เอ้า! ชนแก้ว พอเราทำธุรกิจหลายหลาก เราก็ได้สังคมที่หลากหลายเช่นกัน และอยากจะบอกว่าตอนนี้ผมทำอาหารเสริม บล็อกเบิร์น จริงๆ ทำมาพร้อมๆ กับร้าน แต่ร้านเสร็จก่อน ส่วนตัวยาตอนนี้เสร็จเรียบร้อยอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบแพ็กเกจจิ้ง ที่ผมยังไม่ชอบเลยต้องออกแบบใหม่ และคาดว่าเร็วๆ นี้น่าจะได้เปิดตัวครับ”
