“ใหญ่ ฝันดี” ดาราจิตอาสา ทุ่มเงินล้านสร้างธุรกิจ แบงค็อก โรตีแอนด์ชาชัก

 

 ไม่ใช่แค่สร้างความสุขจากงานบันเทิงที่คร่ำหวอดในวงการมากว่า 25 ปี และงานจิตอาสาที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยเหลือสังคมภายใต้กลุ่ม “ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” เท่านั้น เพราะอีกบทบาทหนึ่ง ใหญ่-ฝันดี จรรยาธนากร ยังเป็นผู้เสิร์ฟความสุขผ่านความอร่อยจากร้านแบงค็อก โรตีแอนด์ชาชัก (Bangkok Roti & Chachuk) ซึ่งเขาควักกระเป๋าลงทุนเป็นเงินร่วม 7 หลัก

“ด้วยความที่ผมชอบดื่มชาและกินโรตีอยู่แล้ว และในประเทศไทยหลายๆ ที่ก็มีโรตีอยู่ ฉะนั้น มองว่าส่วนหนึ่งคนชอบกินโรตีอยู่แล้ว และถ้าหากมีสถานที่ใกล้ๆ เขาจะซื้อไหม ชอบไหม เลยรู้สึกว่าอยากจะทำธุรกิจประมาณนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนถามเยอะว่าทำไมไม่ทำธุรกิจอื่นๆ ผมมองว่าถ้าไม่ใช่ตัวตนเรา ไม่ใช่เราก็อย่าฝ่าฝืน อดีตนักร้องวัย 42 เล่าถึงร้านที่ตั้งอยู่ในนวมินทร์ซิตี้อเวนิว ย่านเกษตร-นวมินทร์

แต่เดิมตรงนี้เป็นร้านโรตีที่ญาติไปซื้อแฟรนไชส์มาแล้วใหญ่ได้มาเซ้งต่อ โดยก่อนหน้านั้นเขาได้ไปนั่งเก็บข้อมูลว่าจะทำอย่างไรให้ร้านไปได้ดี ขณะเดียวกัน ก็พยายามเรียนรู้วิธีการทำโรตี ตั้งแต่ผสมแป้ง นวดแป้ง การควบคุมอุณหภูมิเตา การทอดออกมาให้เหลืองสวย ฯลฯ ซึ่งก็ไม่ยากเกินความสามารถของคนชอบทำอาหาร แถมยังมีการปรับสูตรและหาวัตถุดิบต่างๆ มาสร้างสรรค์กลายเป็นเมนูใหม่กว่า 40 เมนู ที่ได้เพื่อนจากทางใต้ช่วยชิมและวิจารณ์จนอร่อยลงตัวในที่สุด

นั่นทำให้ร้านแบงค็อก โรตีแอนด์ชาชัก ที่เปิดทุกวันตั้งแต่ 11.00-23.00 น. พร้อมเสิร์ฟทั้งโรตีทิชชูฝอยทอง โรตีห่อฝอยทอง โรตีช็อกโกแลต โรตีไข่ดาวแฮม โรตีแกงเขียวหวาน โรตีไข่ ชีส ฯลฯ รวมถึงเครื่องดื่มต่างๆ ไม่ว่าจะชาชัก กาแฟ นม น้ำผลไม้ น้ำผลไม้ผสมโซดา ฯลฯ ในราคาไม่แพง

“ในความรู้สึกของผมเอง เมนูของที่ร้านมีคุณค่าทางจิตใจ เพราะแต่ละเมนูเราพิถีพิถัน และเลือกมาไว้คอยเสิร์ฟ เมนูแต่ละเมนู ก็จะไม่เหมือนที่อื่นๆ มีความครีเอตของตัวเอง บางเมนูเราจะไม่เติมหวานเพื่อจะได้ไม่เลี่ยน แต่บางเมนูอย่างชาชักจะหวานน้อยก็จะแอบเจอว่าใส่น้ำแข็งเยอะไปไหม เลยมองเป็นเทสต์ของแต่ละที่ชอบอะไรไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นอีกความรู้สึกที่ดีของคนทำที่จะทำให้ทุกคนได้กิน ได้ถ่ายภาพลงโซเชียล และบอกต่อเมนูที่นำเสนอ” เจ้าของร้านที่ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องเข้าครัวเผยให้ฟัง

ก่อนจะว่า “ผมจะเข้าร้านตลอดเพราะเป็นร้านของเราเอง แล้วก็เพื่อไปดูว่าสิ่งที่ทำลงไปตอบโจทย์ในสิ่งที่เราคิดค้นไหม อย่างไปจ่ายตลาดผมก็ไปเอง มีแหล่งซื้อวัตถุดิบต่างๆ เข้าครัวเอง อย่างน้ำมันที่ทอดโรตีใช้แต่ละครั้งก็เปลี่ยน เรียกว่าหายห่วงว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ คือตรงนี้เหมือนกับตัวผมเอง ถ้าเราจะไปกินอะไรร้านไหนก็ต้องห่วงในเรื่องของสุขอนามัยด้วย ผมก็ต้องคำนึงถึงตรงนี้เป็นหลัก”

นอกจากความสะอาด ความพิถีพิถัน และความอร่อย ดาราดังยังให้ความสำคัญกับบรรยากาศในร้านที่ตกแต่งสวยงามชวนนั่ง รวมไปถึงการทำประชาสัมพันธ์ผ่านโลกออนไลน์ที่ได้ จินนี่ จุฑาภัค ลูกสาวและ เจแปน อภิชา ลูกชายเข้ามาช่วย

“ตอนนี้ถ้าเรื่องกราฟิกดีไซน์ การออกแบบตัวการ์ตูน ทำสติ๊กเกอร์ตกแต่งร้าน ทำข้อมูลอัพเดตรูปลงเพจ ตัดต่อคลิปช่วงเทศกาล ช่วงโปรโมชั่นต่างๆ ก็จะมีลูกเป็นหัวแรงสนับสนุน และคอยช่วยคิดไอเดียต่างๆ ว่าถ้าหากมีหน้าเทศกาล แล้วจะทำโปรโมชั่นก็มาคิดมาคุยกันว่าจะทำอะไร ปรับตรงไหน หาจุดตรงกลางที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ให้สอดคล้องและเพื่อดึงดูดให้คนเข้าร้านเยอะที่สุด หรือการคิดค้นเมนูต่างๆ เขาก็จะเป็นคนนำไอเดียมาเสนอ”

“ผมเป็นคนที่เกิดยุค 1990 ลูกค้าในเจเนอเรชั่นของเราก็จะมีหลากหลายแบบ ความต้องการของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน สำหรับในมุมของลูกสาวผม ในยุคของเขา วัยรุ่นต้องชอบแบบนี้นะ มาถ่ายรูปโรตีแล้วแชร์กัน เราก็จะได้กลุ่มลูกค้าอีกแบบ ฉะนั้น ร้านของเราก็จะปรับเพื่อความลงตัวของคนทุกกลุ่ม ซึ่งก็ได้มุมมองของวัยรุ่น 20 ต้นๆ มาช่วยพัฒนากัน”

“นอกเหนือจากที่เสนอไอเดีย งานอื่นๆ ก็ลองให้เขาได้ทำ การตีแป้ง ผสมแป้ง ทอด หรือทำเมนูต่างๆ ที่เขานำไปขายในงานโรงเรียนของเขา ซึ่งก็ถือเป็นการฝึกและเรียนรู้ให้เขาได้ใช้ชีวิต”

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลตอบรับหลังเปิดมาได้ราวๆ 1 ปี เขาสารภาพว่าตอนแรกไม่ได้ตั้งใจใช้ชื่อ “ฝันดี” มาเป็นจุดขาย แต่ลูกค้ากลับใช้จุดนี้มาบอกกันแบบปากต่อปาก

“ผมไม่ได้ต้องการขายแบรนด์ตัวเองมากนัก แต่พอทำมา 1 ปี ที่คนบอกต่อและพูดติดปาก แนะนำกันมา จนพอมาถึงร้านแล้ว อ้อ! นี่ร้านดาราเหรอ นี่ร้านฝันดีเหรอ ฝันดีทำเหรอ โรตีสไตล์ฝันดีจะเป็นแบบนี้ที่ผมเองก็ตั้งใจคัดสรรมากับมือ ทำให้ร้านเรามีเอกลักษณ์เฉพาะทางมากขึ้น แต่ก็ทำให้คนมองเปลี่ยนไปอีกแบบว่าที่เขามาเพราะรสชาตินะ เพราะต้องออกตัวก่อนว่าสถานที่ตั้งอาจจะไม่ใช่แหล่งคนพลุกพล่านด้วย”

“กลุ่มลูกค้าเราจะเป็นกลุ่มคนย่านแถวเกษตร-นวมินทร์ ชัดเจนเลยคือ ครอบครัวละแวกนี้ออกมาสังสรรค์วันหยุด และอีกกลุ่ม คือ คนที่จะมุ่งมาเพื่อมาชิมที่ร้านจริงๆ มาเพื่อจะสรรหาของอร่อย และทราบว่าตรงนี้มีร้าน และที่สำคัญคือ กลุ่มพี่น้องในวงการบันเทิงและจิตอาสาที่แวะเวียนกันมาให้กำลังใจกัน มาบอกต่อและแชร์กัน”

และแม้กิจการมีแนวโน้มว่าจะไปได้ดี แต่ฝันดีก็ยังคงทุ่มเทให้ร้านแบงค็อก โรตีแอนด์ชาชัก อย่างเต็มที่ เพราะตอนเซ้งร้านจากญาตินั้นใช้ทุนราวๆ 1 ล้านบาทแลกกับสัญญา 3 ปี ซึ่งตามเป้าหมายแล้วถ้าอยากให้คุ้มค่ากับทุนที่ลงไปต้องทำกำไรให้ได้เมื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 2

“เรากำลังอยู่ในช่วงของการเข้าสู่ปีที่ 2 ก็ต้องค่อยๆ ฟันฝ่ากันไป สำหรับตอนนี้ถือว่าค่าใช้จ่ายรายเดือนยังถือว่าคงที่ ไม่เพิ่มลดไปจากที่คำนวณต้นทุนในแต่ละเดือน เพราะของบางอย่างเรามีสต๊อกได้ไม่เสียหาย ก็ถือว่าไว้สำหรับใช้ในวันถัดไปได้ หรืออย่างเรื่องของฤดูกาล หน้าฝนหรืออะไรก็เป็นปัญหาพอสมควรของการค้าขายสมัยนี้ แต่ด้วยความที่เรามีหน้าร้านเราเลยไม่ต้องเป็นห่วงตรงนี้”

“ตอนนี้อยู่ได้ครบ 1 ปีเราก็จะมีกำไรจากการลงทุน และในปีต่อไป เราต้องเริ่มหาวิธีการนำเสนอ หรือกลยุทธ์มาใช้ เพื่อให้ได้ลูกค้าหรือคนอีกกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อจะได้คืนทุนได้ไว จากนั้นในอนาคตค่อยต่อยอดออกไป”

“ต่อยอดเป็นโรตีแบบอื่นๆ หลายรูปแบบ” ใหญ่ให้ความเห็น

“สำหรับผมจะทำให้สุดทาง ให้รู้แจ้งเห็นจริงๆ แล้วมาลองดูกันว่าในอนาคตจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่ในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการเรียนรู้และก่อตัว ซึ่งโรตี ผมว่าคนชอบสายหวานก็ยังมีเยอะ คนที่สรรหาเมนูอะไรแปลกใหม่ สำหรับผมไม่มีคำว่าสิ้นสุดอยู่แล้ว สามารถดัดแปลงได้เรื่อยๆ เป็นอาหารที่เชื่อว่าไม่มีวันจบ”

เช่นเดียวกับความพิถีพิถันของเขาที่ทำให้ทุกจานที่เสิร์ฟเป็นมากกว่าโรตี เพราะนี่คือความใส่ใจ