อดีต บก.นิตยสารขวัญเเรือนสวมบทคุณแม่ปราบเด็กกินยากด้วยเมนูเส้นย่อส่วนสีสันสดใส จุดเด่นทำจากข้าวกล้องออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นและผัก ส่วนกรรมวิธีการผลิตมีเทคนิคเฉพาะตัวทำให้คงคุณค่าของสารอาหารครบถ้วน ปราศจากสารกลูเต็น เส้นนุ่มเจาะตลาดเด็กกินยากและเด็กที่เป็นภูมิแพ้ และเนื่องจากตลาดอาหารเพื่อสุขภาพเติบโตขึ้นทุกปีผลิตภัณฑ์ขายดี ธุรกิจโตก้าวกระโดด

จุดเริ่มต้นธุรกิจ บีกิน เบบี้ ฟู้ด : BEGIN Baby Food  เกิดขึ้นเมื่อปี 2559  เริ่มจากความต้องการของคุณสาธิดา คล่องเวสสะ (คุณแพท)   บรรณาธิการบริหารนิตยสารขวัญเรือน  คุณแม่น้องปลาวาฬวัย 3 ขวบครึ่งในขณะนั้น  เธอเป็นคุณแม่สายสุขภาพที่ต้องการแก้ปัญหา “ลูกชายกินอาหารยาก”  ในที่สุดได้ค้นพบเคล็ดลับปราบเด็กกินอาหารยาก  โดยใช้อาหารเส้นที่มีสีสันสดใจมาจูงใจให้ลูกชายหันมารับประทานอาหารได้มากขึ้น

ธุรกิจแนวใหม่อาหารตระกูลเส้น

อาหารตระกูลเส้นของคุณสาธิดา รวมหมายถึง เส้นมะกะโรนี เส้นพาสต้า และเส้นก๋วยเตี๋ยว ซึ่งทำจากข้าว กล้องออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็น การเปลี่ยนโฉมวัตถุดิบจากแป้งสาลีมาเป็นข้าวกล้องของไทยนั้นให้คุณสมบัติที่คาดไม่ถึง และเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่  เหตุเพราะว่า เส้นจากข้าวให้คุณสมบัติที่นุ่มกว่า และที่สำคัญไร้สารกลูเต็น (Gluten Free : เป็นสารสำคัญซึ่งเป็นต้นเหตุการเกิดภูมิแพ้ในเด็ก)  และข้าวไทยที่นำมาผลิตเป็นอาหารเส้นในแบรนด์ของ BEGIN Baby Food ต้องเป็นข้าวที่ปราศจากสารเคมี สารสังเคราะห์ สารฟอกขาว และสารกันบูด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองแสวงหา

“แพทรู้จักญาติซึ่งเปิดโรงงานผลิตเส้นจากข้าว โดยไม่ใส่สารกันบูดและปราศจากสารเคมีทุกชนิดอยู่แล้ว ก็เข้าไปพูดคุยเจรจา ร่วมผลิตกับคุณลุง พร้อมกับรีเสิร์ชช้อมูล และหาสูตรต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ตระกูลเส้นที่ไม่มีส่วนผสมของแป้งสาลีเลย เราใช้ระบบหม้อแห้งทำให้ได้ข้าวโม่เป็นผงก่อนจะอัดเป็นเส้น จึงสามารถคงคุณค่าของสารอาหารครบถ้วน

นอกจากนี้ ผลผลิตจากข้าวยังมีความโดดเด่นเรื่องความนุ่มของเส้น แต่ยังคงความอร่อย สามารถปรุงอาหารได้ทุกชนิด ด้วยความอยากทดลองใส่ผักลงไปในเส้นด้วย เพื่อจะเพิ่มสีสันให้ชวนกินมากขึ้น จึงคิดแต่งสีเส้นด้วยสีจากธรรมชาติที่ได้จากข้าวโพด บีทรูท มันเทศ มันสีม่วง ฟักทอง งาดำ ฟักข้าว และดอกอัญชัน เป็นต้น”

คุณสาธิดา กล่าวต่อว่า เธอสนุกกับการประดิษฐ์ คิดค้น ดีไซน์ ลงมือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทาง  และทุกขั้นตอนการผลิตจนเสร็จสิ้นถึงมือผู้บริโภค  ตั้งแต่การคิดสูตรแป้งที่มีส่วนผสมของข้าว 60% และส่วนผสมจากธรรมชาติให้เกิดสีอีก 40% พร้อมค้นหากลุ่มผู้ผลิตข้าวออร์แกนิกและข้าวไรซ์เบอรี่คุณภาพจากทั่วประเทศ และสรรหาวัตถุดิบต่างๆ ที่ผ่านกระบวนการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ที่จะทำให้เกิดสีจากธรรมชาติเพิ่มขึ้น โดยหวังว่าวัตถุดิบเหล่านี้จะเกิดประโยชน์ต่อร่างกายของเด็กและผู้บริโภคสายสุขภาพ

มักกะโรนีไซส์จิ๋วหลากสีสัน

จับตามองการเข้าถึงเด็ก  โดยนำรูปลักษณ์อาหารประเภทเส้นจากไซส์ใหญ่ย่อขนาดเล็กลง  ตั้งชื่อเรียกเท่ๆตามลักษณะของเส้น  เข่น แบบฟูซิลี่ (เกลียว) มินิเพนเน่ (หลอดเล็ก) พาสต้า (เส้นแบน) มะกะโรนี (หลอดโค้ง) ก้นหอย และเส้นหมี่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ลูกน้อยหยิบจับถนัดมือ ช่วยฝึกให้ลูกรักการกินอาหาร นอกจากนี้ยังมองการณ์ไกลไปถึงเรื่องการส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก สนุกกับการเรียนรู้การกินด้วยตนเอง ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็กไปในตัว จึงเหมาะสำหรับเด็กอายุ 8 เดือนขึ้นไป ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเหนื่อยกับการบังคับให้ลูกน้อยกิน และสามารถนำไปสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ได้ตามใจชอบ  อาหารเส้นสำหรับเด็กยังสามารถขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ใหญ่ที่รักสุขภาพ และต้องการอาหารที่ปราศจากสารปนเปื้อนได้อีกช่องทางหนึ่ง

ด้วยข้อดีของผลิตภัณฑ์แบบ Homemade จึงทำให้มีความคล่องตัวในการคิดค้นโปรดักส์รสใหม่ตามเทศกาลหรือฤดูกาลได้ง่าย ในทางตรงกันข้ามความเป็นสินค้าโฮมเมดทำให้สูตรการผลิตนั้นไม่สามารถทำได้คงที่ได้เหมือนการผลิตแบบอุตสาหกรรม แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์ของสินค้าโฮมเมดที่ลูกค้ากลุ่มผู้รักสุขภาพเข้าใจและยอมรับได้ และด้วยความเป็นผลิตภัณฑ์ปราศจากสารกันบูด 100%  จึงทำให้อายุเก็บรักษาสินค้าไม่ยาวนานนัก ผลิตภัณฑ์เส้นภายใต้แบรนด์ “บีกิน เบบี้ ฟู้ด” สามารถเก็บได้นานแค่ 1 ปี  และต้องเก็บรักษาอย่างดีเพื่อป้องกันมอด เช่นเดียวกับการเก็บข้าวสารนั่นเอง

ตอบโจทย์ช่องว่างของตลาด

ผลิตภัณฑ์อาหารเส้นและซอสเด็กของบีกิน เบบี้ ฟู้ด ยังตอบโจทย์ช่องว่างระหว่างตลาดอาหารเด็กและสินค้าสุขภาพได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันแบรนด์เริ่มติดตลาด ลูกค้ารู้จักมากขึ้น ด้วยความที่คุณสาธิดา เป็นคนชอบคิด ชอบทำ อยู่นิ่งไม่ได้ เป็นคนที่คิดแล้วทำเลย จึงมีส่วนช่วยให้แบรนด์ติดตลาดเร็วขึ้น

โดยเธอเริ่มต้นทำความรู้จักกับลูกค้าผ่านการออกอีเว้นต์งานที่เกี่ยวข้องกับเด็ก โดยใช้ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์  เชิญชวนลูกค้าด้วยการแจกโบร์ชัวร์ และแจกสินค้าตัวอย่างทดลอง อธิบายลักษณะสินค้าด้วยตัวเอง ซึ่งช่องทางนี้ทำให้คุณสาธิดาได้เจอลูกค้าโดยตรง

ต่อมาขยายช่องทางโดยหันมาทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น  ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย อย่าง เพจเฟซบุ๊ก ซึ่งถือเป็นช่องทางหลักในการซื้อขายและพูดคุยกับลูกค้า มีสัดส่วนอยู่ที่ 40% และยังเป็นสื่อสำคัญทั้งการ โปรโมท โปรโมชั่น และกิจกรรมต่างๆ เพื่อปูทางสู่เมนูอาหารใหม่ๆ ให้กับลูกค้าได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีกลุ่มคุณแม่และตัวแทนจำหน่ายรวมทั้งร้านค้าสุขภาพอยู่ที่ 30% และอีก 30% ที่เหลือได้แก่ช่องทางค้าปลีกในงานอีเว้นต์และอื่นๆ

คุณสาธิดายอมรับว่า ตนเดินมาถูกทางแล้ว เนื่องจากตลาดอาหารเพื่อสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างมาก ผลิตภัณฑ์ Begin Baby Food สามารถตอบโจทย์ด้วยการวางตำแหน่งสินค้าที่ชัดเจน และมีความแตกต่างจากสินค้าอื่นที่มีอยู่ในท้องตลาด  ดังนั้น ธุรกิจอาหารเส้นของ Begin Baby Food จึงเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด