ได้อาชีพจากโซเชียล “ทุเรียนเผา” ลองทำจนขายได้ ออร์เดอร์พุ่ง ตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด

4162-160628123417

กำลังฮือฮาหนักมากในหมู่ชาว“คอทุเรียน” สำหรับ “ทุเรียนเผา” ที่น่าจะมีขายเป็นเจ้าแรกของเมืองไทย และเพิ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่นานมานี้ ที่บริเวณถนนชาญเวชกิจ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มีเจ้าของเป็นพ่อค้าหนุ่มหน้าใส วัย 22 ปี ที่มีชื่อเรียกเล่นเท่ๆว่า “ช็อปเปอร์”

แม้ช่วงนี้ภารกิจจะรัดตัว แต่ คุณช็อปเปอร์-รัชชาชนนท์ ขำศรี เจ้าของกิจการ “ทุเรียนเผา”ที่เกริ่นถึง ยังกรุณาสละเวลามาให้ข้อมูล “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ด้วยอัธยาศัยยิ้มแย้ม เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวให้รู้จักกันมากขึ้น พื้นเพเป็นชาวจังหวัดพิษณุโลก จบการศึกษาชั้นมัธยมฯปลายหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนที่กรุงเทพฯ ก่อนสมัครเข้าทำงานตามผับ-แหล่งท่องเที่ยวยามราตรี ในตำแหน่งประชาสัมพันธ์

4162-160628123400

ทำงานอยู่ได้พักใหญ่ เริ่มเบื่อแสงสีเมืองกรุง เลยตัดสินใจกลับไปทำมาหากินที่บ้านเกิด ด้วยการเปิดร้านเล็กๆขายส้มตำ-ไก่ย่าง-อาหารอีสาน บนทำเลย่านถนนชาญเวชกิจ สาเหตุที่เลือกอาชีพนี้เพราะที่บ้านทำมาค้าขายอยู่แล้ว ส่วนตัวเองก็มีฝีมือในการทำอาหารอยู่บ้างเป็นต้นทุน

เริ่มต้นร้านส้มตำได้ไม่นาน คุณพ่อของเขาไปรับทุเรียนสดจาก “ตลาดไท” มาปอกขายใกล้กัน ช่วงไหนลูกค้าร้านส้มตำบางตา คุณช็อปเปอร์ จะปลีกตัวจากกิจการของตัวเองมาช่วยขายทุเรียนด้วย

กระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ เห็นมีการแชร์ในโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับการนำทุเรียนมาเผาก่อนรับประทาน  เห็นว่าแปลกดี จึงคิดอยากลองทำดูบ้าง และคิดว่าคงไม่สิ้นเปลืองเท่าไหร่ เพราะคุณพ่อขายทุเรียนอยู่แล้ว

“ติดเตาให้ไฟอยู่ระดับปานกลางเสมอกัน เหมือนตอนย่างไก่ ก่อนเลือกทุเรียนลูกย่อมๆมากรีดเปลือกออกเล็กน้อยให้ทั่วก่อนเผา ใช้เวลานานเกือบชั่วโมง กว่าเนื้อจะแห้งทั่วลูก พอได้ที่ผ่าออกมา จะได้เนื้อทุเรียนที่ไม่ไหม้ มีกลิ่นหอมของเปลือกไม้ที่โดนไฟคล้ายมันปิ้ง-มันย่าง แทบไม่มีกลิ่นของทุเรียน พอให้ทุกคนในร้านกิน บอกตรงกัน แปลกแต่อร่อยและหอมกว่าเดิม”คุณช็อปเปอร์ เล่าจุดเริ่ม

4162-160628123350

และว่า จากการทดลองทำกินเองก่อน ผลรับออกมาดีและไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น จึงคิดทำออกขายทันที แต่มีเสียงคัดค้านขึ้นมาบ้างจากคุณย่าของเขา โดยท่านให้เหตุผล ไปเผาให้เสียเวลา-เสียของทำไม แต่ตัวเขาคิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะนำเสนอทางเลือกใหม่ๆในการทานทุเรียนให้กับลูกค้าที่สนใจ

คุณช็อปเปอร์ เล่าต่อ ธุรกิจนี้เริ่มต้นโดยไม่ใช้เงินลงทุนอะไรมาก ใช้เตาย่างไก่ ที่มีอยู่แล้ว เป็นอุปกรณ์หลัก ก่อนนำทุเรียนมาเผาแล้วถ่ายรูปไว้ ส่งให้ทาง      แฟนเพจ “อร่อยเหาะเจาะสองแคว” ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ ปรากฏมีลูกค้าสนใจกันมาก จากนั้นมีสื่อหลายแขนงมาทำข่าว เลยทำให้สินค้าในแบบของเขาเป็นที่รู้จักภายในเวลาอันรวดเร็ว

โดยช่วงสองอาทิตย์แรกขายได้เกือบ 30 ลูก  พอมีสื่อต่างๆมาช่วยประชาสัมพันธ์ ขายดีขึ้นไปอีก ล่าสุดต้องรับออร์เดอร์ลูกค้าตั้งแต่เปิดร้านยันปิดร้าน วิ่งส่งกันทั่วเมืองเลยทีเดียว

4162-160628123441

“จากใช้เตาย่างไก่แค่เตาเดียว ล่าสุดขยายเป็น 3 เตา แต่ยังทำไม่ทัน วันก่อนมีลูกค้าขับรถจากจังหวัดพิจิตรมาซื้อ 3 ลูก ราคาตกเกือบ 2 พันบาท นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจากต่างจังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ นครปฐม โทรศัพท์มาขอซื้อ แต่ส่งให้ไม่ได้เพราะระยะทางไกล เกรงทุเรียนจะเน่าเสียก่อน”เจ้าของกิจการ เผยผลตอบรับ ก่อนยิ้มกว้าง

ถามถึงขั้นตอนการทำ คุณช็อปเปอร์ บอกให้ฟังแบบไม่หวงเทคนิค เริ่มต้นจาก การเลือกระดับ ”ความสุก” ของเนื้อทุเรียนก่อน หากนำแบบสุกเต็มที่มาเผา เนื้อทุเรียนที่ได้จะค่อนข้างเหลว แต่ถ้าใช้แบบห่ามมาเผา เนื้อที่ได้จะสุกพอดี ขณะที่ความหอม-หวาน-มัน นั้น แทบจะไม่แตกต่างกัน

ส่วนเตาถ่านอุปกรณ์สำคัญนั้น ใช้อั้งโล่ธรรมดา แต่การติดไฟต้องให้ถ่านคุแบบพอดี ไม่แรงจนเกินไป มิเช่นนั้นแล้วเปลือกจะไหม้ ก่อนเผาต้องทำการกรีดเปลือกนิดหน่อย เพื่อให้ความร้อนโดนเนื้อทุเรียน และค่อยๆพลิกให้โดนไฟจนทั่วใช้เวลาในการเผาประมาณ 1 ชั่วโมง ฉะนั้นจึงต้องมีบริการส่งให้ลูกค้าถึงบ้านฟรี เพราะลูกค้าบางคนอาจยืนรอไม่ไหว

4162-160628123507

สำหรับรูปแบบก่อนจัดส่งนั้น ลูกค้าสามารถสั่ง ต้องการแบบแกะเนื้อแล้วไม่เอาเปลือก หรือต้องการทั้งลูกไปแงะออกเองเพื่ออรรถรสในการทาน ก็จัดให้ได้

เกี่ยวกับราคาขายที่หลายคนอยากทราบ คุณช็อปเปอร์ บอก ตอนนี้ที่ร้านขายทุเรียนของคุณพ่อเขา จำหน่ายหมอนทองสดกิโลกรัมละ 120 บาท ส่วนทุเรียนหมอนทองเผา จำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท แถมบริการจัดส่งถึงบ้านฟรีเฉพาะในเขตอำเภอเมือง

“การตั้งราคาทุเรียนเผานี้ คำนวณจากเวลาและขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างนานและยากอยู่เหมือนกันกว่าจะได้ออกมาแต่ละลูก เลยคิดว่าน่าจะแพงกว่าทุเรียนปกติกว่าเท่าตัว ซึ่งถ้าเทียบกับค่าครองชีพแล้วนับว่าแพงพอสมควร จึงไม่คิดว่าจะมีคนมากินกันเยอะขนาดนี้”คุณช็อปเปอร์ เล่ายิ้มๆ

เมื่อถามถึงความตั้งใจในธุรกิจ พ่อค้าหน้าใส วัย 22 ปี ผู้นี้บอกสั้นๆ

“จะขายต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีคนกินครับ