เผยแพร่ |
---|
วันที่ 3 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันเกษตรกรเริ่มหันมาทำอาชีพเสริม นอกเหนือจากการทำนา ทำไร่ เพิ่มมากขึ้น อย่างเช่นนายจิรทีปต์ เจนถูกใจ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 ม.12 บ้านระเภาว์ ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่มีอาชีพทำนาและค้าขายสินค้าตามตลาดนัด ได้ใช้เวลาว่างจากงานหลัก ประกอบอาชีพเสริมด้วยการเพาะเลี้ยงหนูนา เพื่อจำหน่ายให้กับชาวบ้านและผู้ที่นิยมรับประทานเนื้อหนูนา โดยศึกษาการเพาะเลี้ยงหนูนาจากยูทูป ก่อนลงมือนำอิฐบล็อกมาก่อทำเป็นโรงเรือนคอกสี่เหลี่ยมไว้พื้นที่หลังบ้าน ความสูงประมาณ 1.2 เมตร กว้าง 1.5 เมตร ยาว 7 เมตร นำท่อพีวีซีตัดเป็นท่อนๆไปว่างไว้ตามจุดต่างๆเพื่อให้หนูได้อาศัยอยู่
นอกจากนี้ยังกั้นเป็นห้องเล็กๆทำท่อลอด สำหรับไว้ให้หนูได้ไปมาหากันอีกด้วย ก่อนนำฟางข้าวมาใส่ไว้เพื่อให้หนูมุดเล่นและใช้ฟางทำความสะอาดขน บางจุดก็ใช้ไม้กระดานวางทับให้หนูได้หลบ หากตัวไหนตัวโตสวย ก็นำไปแยกเลี้ยงเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ในท่อซีเมนต์ต่างหากเพื่อเพาะขยายพันธุ์
หลังเลี้ยงมาได้ 2-3 เดือน ตอนนี้มีหนูอยู่ประมาณ 100 กว่าตัว ซึ่งหนูที่นำมาเลี้ยง เป็นหนูนาจากธรรมชาติที่ไปหาจับมาเองและซื้อจากชาวบ้านที่ออกไปจับตามทุ่งนาหลังเก็บเกี่ยว มาเป็นพ่อแม่พันธุ์ในตอนแรก หนูนามีขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ขอเพียงมีน้ำ มีอาหารให้ อาหารจะเป็นพวกรำหวาน รำน้ำนมและข้าวเปลือก หอยเชอรี่ หญ้าบด และหมั่นทำความสะอาดที่เพาะเลี้ยงอยู่เสมอ
วิธีการเลี้ยงทั้งหมดจะเน้นใช้วิธีเลี้ยงแบบธรรมชาติ จึงมั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึง ผู้คนเดินทางกลับมาฉลองเทศกาลสงกรานต์ที่บ้านเกิด มักจะนิยมนำไปประกอบอาหารรับประทานกัน โดยเนื้อหนูทำสำเร็จจะขาย ก.ก.ละ 250-300 บาท หรือตามขนาดตัวจะอยู่ที่ตัวละประมาณ170-180 บาท หรือหากต้องการสั่งซื้อหรือสอบถามเกี่ยวกับการเลี้ยงหนูนาสามารถโทรสอบถามที่เบอร์ 061-971-7698 นายจิรทีปต์
นายจิรทีปต์ กล่าวว่า ศึกษาวิธีเลี้ยงหนูนามาจากยูทูปและออกหาหนูตามธรรมชาติ นำมาลองเลี้ยงดูและเลี้ยงแบบธรรมชาติมากที่สุด ให้อาหารปกติทั่วไป ถามว่าเลี้ยงยากหรือไม่ ถ้าใจชอบก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย พยายามศึกษา ดูแลเรื่องอาหาร ความสะอาด อาจจะลงทุนมากในช่วงแรก และต้องใช้เวลาศึกษาประมาณ 1-2 ปี แต่พอเรารู้และเข้าใจวิธีเพาะ วิธีเลี้ยง ก็จะง่าย ตอนนี้ตนเลี้ยงไว้ 2 แบบ คือเลี้ยงในท่อซีเมนต์และเลี้ยงแบบก่อบล็อก แล้วเราก็มาศึกษาว่าแบบไหนดูแลง่ายกว่ากัน ถ้าเป็นแบบท่อซีเมนต์ก็จะเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งจะเลี้ยงดูง่าย แต่ถ้าแยกออกมาเป็นหนูเนื้อเลี้ยงเป็นฟาร์มหรือก่อบล็อกเป็นที่เลี้ยง จะดูแลง่ายเป็นการแยกอาหารแยกรังของหนูไว้ต่างหาก เวลาการกินอาหารจะไม่ปะปนกัน และเมื่ออยู่ในฟาร์มใหญ่ก็จะเปลี่ยนฟางง่าย เดือนละครั้งสองครั้งและแยกจำพวกมูลหนูออกมาไว้เป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้
สำหรับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์หนูที่เลี้ยง ตนอยู่ตามทุ่งนาบ้านนอกก็อาศัยออกหาดักเองจากทุ่งนา บางทีก็ออกไปหาขุดบ้าง หาซื้อจากชาวบ้านที่ออกไปดักมาช่วงเกี่ยวข้าวเสร็จใหม่ๆบ้าง จากนั้นจะมาเก็บไว้และเพาะขยายไปเรื่อย ตัวไหนใหญ่และสวยก็จะแยกออกมาเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เราจะพยายามทำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของเราเอง หากเราไปซื้อมาเราก็ไม่ทราบเลี้ยงมาแบบไหน
ตอนนี้เลี้ยงมาได้ประมาณ 2 – 3 เดือนแล้ว มันอาจจะใช้เวลานานแต่ใจชอบก็เลยลองทำดู ประมาณ 1-2 ปี ก็น่าจะเป็นรูปร่างมากกว่านี้ พื้นที่ใช้เลี้ยงหนูนั้นเริ่มต้นก็ใช้ชานบ้านที่ว่างทำ เริ่มจากการเพาะพันธุ์คู่ 2 คู่ไปก่อน พอมีมากก็ค่อยขยายออกจากชานบ้านมายังสวนและทุ่งนา ตอนนี้มีหนูนาที่เลี้ยงเกือบร้อยตัว ซึ่งก็เริ่มขายได้บ้างแล้ว ส่วนมากจะเป็นเพื่อนๆที่กลับมาบ้านช่วงเทศกาลและชาวบ้านในหมู่บ้านที่ทราบก็จะมาซื้อ ถ้าขายเป็นกิโลก็ประมาณกิโลกรัมละ 250-300 บาท หากขายเป็นตัวๆหนึ่งหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลกรัมก็จะขายประมาณ 170-180 บาท เป็นเนื้อหนูทำสำเร็จให้แล้ว ส่วนคุณภาพเนื้อของหนูนั้น อันดับแรกเราจะต้องเลี้ยงหนูให้ได้อ้วน มีมันและสะอาดไม่มีกลิ่น เมื่อนำไปประกอบอาหารก็จะอร่อย เนื่องจากเป็นหนูที่เลี้ยงด้วยอาหารแบบธรรมชาติ เป็นที่นิยมบริโภคของผู้คนทั่วไป และทุกวันนี้หากินกันยากขึ้น สำหรับหนูที่ตนเลี้ยงตนทำเองทั้งหมดทุกขั้นตอน ทำเองขายเอง พยายามปรับเปลี่ยนวิธีดูแลให้ง่าย ดูแลความสะอาดง่าย เน้นความสะอาดและเป็นธรรมชาติมากที่สุดเพื่อผู้นิยมบริโภคเนื้อหนูนาต่อไป
ที่มา ข่าวสดออนไลน์