ปัจจุบันการทำธุรกิจ ไม่เพียงแต่มุ่งตลาดออฟไลน์เท่านั้น แต่ตลาดออนไลน์ นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สร้างรายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หากผู้ประกอบการรายใดปรับตัวได้เร็ว ก็จะเพิ่มรายได้ได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ “ณัฏทัตพร รัตนาสุรพจน์” ผู้จัดการร้านก้อย ไอศกรีมกะทิสดเมืองตรัง ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ที่ปิ๊งไอเดีย จับกระแสขายไอศกรีมผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก จนได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมาก

“ณัฏทัตพร รัตนาสุรพจน์” ผู้จัดการร้านก้อย ไอศกรีมกะทิสดเมืองตรัง เปิดเผยว่า จากกระแสการขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียที่กำลังมาแรง ทำให้ตนและสามีมีแนวคิดนำไอศกรีม ที่ปัจจุบันผลิตและจำหน่ายหน้าร้านเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น เข้ามาจำหน่ายทางช่องทางออนไลน์ด้วย ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ปัจจุบันได้เน้นเน้นช่องทางเป็นหลัก ซึ่งมีแนวโน้มการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท/วัน

ขณะนี้มีจำหน่ายหลายรูปแบบ ทั้งแบบถ้วย ราคา 15 บาท แบบโคน ราคา 10-20 บาท และแบบถัง 8 กิโลกรัม สำหรับนำไปจัดงานเลี้ยง งานแต่งงาน งานวันเด็ก จำหน่ายในราคาถังละ 1,000 บาท ซึ่งมีออร์เดอร์เข้ามามากในช่วงคริสต์มาส ปีใหม่ และวันเด็ก โดยมีหลากหลายรสชาติ ได้แก่ ทุเรียน กะทิสดโบราณ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ รวมมิตร มะม่วง และเสาวรส โดยรสชาติไอศกรีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ รสชาติทุเรียน รวมมิตร และข้าวไรซ์เบอร์รี่

ทั้งนี้ จุดเด่นของร้านก้อย ไอศกรีมกะทิสดเมืองตรัง อยู่ที่ความอร่อย รสชาติกลมกล่อม เนื้อแน่น สด สะอาด และใช้วัตถุดิบผสมผสานกับผลไม้ขึ้นชื่อเมืองตรัง เช่น ทุเรียนหมอนทอง ซึ่งมีแหล่งปลูกอยู่ใน ต.ในเตา อ.ย่านตาขาว หรือเสาวรส ซึ่งมีแหล่งปลูกอยู่ที่ อ.วังวิเศษ เป็นต้น รวมถึงหากสั่งไอศกรีม 4 ถ้วยขั้นไป จะมีบริการส่งฟรีในเขตเทศบาลนครตรัง และไอศกรีมสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้เป็นเดือน

“เรื่องของรสชาติได้นำมาปรับเข้ากับยุคปัจจุบัน ให้ถูกปากลูกค้ายุคใหม่มากขึ้น จะต้องไม่หวานมาก และจะต้องได้รสชาติของวัตถุดิบที่นำมาทำ เช่น รสเสาวรส ลูกค้าทานแล้วต้องเป็นรสเสาวรส ทุเรียนก็ต้องรสทุเรียนเลย จะไม่ใช้หัวเชื้อหรือสารแต่งกลิ่น ทั้งนี้สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อได้ทางเฟซบุ๊ก “ก้อย ไอศกรีมกะทิสดเมืองตรัง”

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์