ศิษย์เก่าจุฬา เปิดสตูดิโอสอนโยคะ เน้นจุดขายปรับบุคลิก เเก้ปัญหาสุขภาพ

ขณะศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ ในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณนัฐนัท สุดฤทธิ์ มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดน่าน และเขาก็พบพานกับคำว่า “ถูกชะตา” ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้

ถูกชะตา นำมาซึ่งการใช้ชีวิตอย่างถาวร น่านกลายเป็นบ้านที่แสนจะอบอุ่น ให้เขาได้ก่อร่างสร้างอาชีพในบทบาท “ครูโยคะ” หรือที่ลูกศิษย์เรียกขานว่า “ครูโอม” ตามชื่อเล่นของเขา

หลงรักเมืองน่าน
สร้างงาน สร้างชีวิต

คุณโอม เล่าว่า เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดน่านแทบทุกครั้งของวันหยุด และไม่ว่าจะมาบ่อยครั้งเพียงใด น่านก็ทำให้เขารู้สึกยิ่งอยากใช้ชีวิตอยู่จวบจนศึกษาจบระดับปริญญาตรี น่านจึงเป็นจุดหมายปลายทาง

“ผมเป็นคนอุทัยธานี แต่เข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯเนิ่นนาน จนกระทั่งตอนศึกษาอยู่ปีสอง ผมเดินทางมาจังหวัดน่าน ครั้งแรกชอบเลย และจากนั้นพอถึงวันศุกร์ก็จะแบกกระเป๋าขึ้นรถทัวร์มาลงน่านเสมอ มันเหมือนได้กลับบ้าน ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตผมมีความรู้สึกว่าพอมาที่นี้เราสามารถแก้ไขได้ ความสุขมันเกิดขึ้นมาก ทั้งกับสถานที่ ผู้คน ความเป็นเมืองเล็กๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่น”

จากได้เดินทางมาบ่อยครั้งตลอดระยะเวลาสองปี ทำให้คุณโอมมั่นใจจนเมื่อจบการศึกษาจึงเดินทางมาเพื่ออยู่จริง เขาเช่าบ้านหลังหนึ่งแล้วเริ่มต้นกับอาชีพขายเสื้อยืด โดยใช้เทคนิคผสมผสานระหว่างเพ้นต์กับสกรีนขายเอง และฝากขายตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งช่องทางเดินราบรื่นดี “ผมย้ายมาอยู่น่านราวปี 2553 และด้วยจังหวัดน่านเป็นเมืองท่องเที่ยว จึงเลือกผลิตสินค้าที่ระลึกจำหน่าย และด้วยจบด้านอาร์ตมาก็นำเทคนิคใส่ลงในเสื้อยืด ก่อเกิดความแตกต่าง ตอนนั้นเปิดร้านที่ถนนคนเดิน แล้วก็มีนำไปฝากขายตามร้านต่างๆ ให้เปอร์เซ็นต์รายได้เขา ตัวละ 50-60 บาท ร้านค้าก็ยินดีรับ”

มองหาอาชีพใหม่
หลงไหลเล่นโยคะ

การค้าขายสินค้าของที่ระลึกอันเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ย่อมมีช่วงโลซีซั่น จุดสะดุดจึงเกิดขึ้นบ้างในบางเดือน คุณโอมจึงเริ่มมองหาช่องทางสร้างอาชีพที่สามารถทำได้ในทุกฤดูกาล สำคัญคือต้องมีผลตอบแทนเพียงพอต่อการดำรงชีพ และส่งเสริมในด้านผลงานศิลปะที่ตนเองยังรักและต้องการทำอยู่

ประจวบกับเวลานั้นคุณโอม หวนคิดถึงวิธีสร้างสุขภาพที่ดีให้กับตัวเอง เขาเลือกออกกำลังกาย และในที่สุดก็ค้นพบว่าโยคะตอบโจทย์ความเป็นตัวตนของเขา อาการ “ตกหลุมรัก” จึงบังเกิดขึ้นอีกครั้ง

คุณโอมว่า โยคะ ไม่ใช่การออกกำลังกายเพียงเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังส่งผลด้านจิตใจ จากที่เคยอารมณ์ร้อนก็กลับเย็นลง

“เมื่อก่อนผมเป็นคนไม่ร่าเริง ออกแนวอ่อนแอ อารมณ์ร้อน ก็เหมือนถูกบีบให้ต้องดูแลตัวเอง เพราะผมอยากจะรับสิ่งดีๆ เข้าร่างกาย และโยคะก็เหมือนตอบโจทย์ ส่งผลทั้งในด้านทัศนคติที่เปลี่ยนไป มองคนมองสังคมสวยงามมากขึ้น”

ความเอาจริงเอาจังกับการฝึกฝนโยคะ ส่งผลให้เกิดมีคนรู้เห็น จนถึงขั้นขอให้ไปสอน “เริ่มจากครูต้อม (คุณชโลมใจ ชยพันธนาการ) เจ้าของบ้านๆ น่านๆ เห็นผมเล่น จึงบอกแกมบังคับให้ไปสอนแก และด้วยครูต้อมเป็นครู คำถามต่างๆ ที่แกสอบถามมามันทำให้เราอยากรู้คำตอบ ผมจึงต้องศึกษาค้นคว้า อ่านหนังสือเยอะมาก และในขณะเดียวกันก็ฝึกฝนสม่ำเสมอ”

เรียนหลักสูตรครู
โยคะสอนให้รู้ใจ

จากหนึ่งคนที่ได้ร่วมเล่นโยคะกับคุณโอม เพิ่มจำนวนด้วยการบอกต่อ จนกระทั่งมีผู้สนใจเดินทางมาออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะกับคุณโอม 40-50 คน

และนี่ไม่ใช่แค่การออกกำลังกายแล้ว แต่สามารถต่อยอดไปสู่อาชีพที่มั่นคงได้ คุณโอม จึงตัดสินใจก้าวสู่คำว่า “ครู” โดยเดินทางไปอบรมกับสถาบันโยคะแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ใช้ระยะเวลา 200 ชั่วโมง หรือประมาณ 3 เดือน ก็จบหลักสูตรครูโยคะสากล

“จากเริ่มต้นผมมองว่าเป็นการออกกำลังกายด้วยกัน จนกระทั่งเวลาผ่านไปสองปี ผู้เรียนเริ่มมากขึ้น ผมจึงเริ่มมองถึงการทำเป็นธุรกิจ และเพื่อให้วิธีสอนชัดเจนขึ้น จึงตัดสินใจบินไปเรียน เรียกว่าบินไปบินกลับทุกสัปดาห์ นำเงินที่เก็บออมมาทุ่มเทให้กับตรงนี้”

จากบ้านเช่าใช้เป็นสถานที่สอน ปรับเปลี่ยนโดยหาพื้นที่เช่าแห่งใหม่เปิดเป็นสตูดิโอสอนโยคะในชื่อ“Nattanat Sudrit”  เพื่อให้ระบบการเรียนการสอนเอื้ออำนวย ซึ่งฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และยังมีส่วนของนักท่องเที่ยวเสริมเข้ามาด้วย

“สมาชิกมีทั้งชาวไทยและต่างชาติ อย่างบางท่านเป็นครูโยคะ เขาจะหาที่เรียนอื่นๆ ไว้ฝึกฝนตัวเอง ก็เดินทางมากัน และก็จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยว อยากออกกำลังกาย เมื่อยล้าจากการเดินทางแล้วอยากยืดเหยียดกล้ามเนื้อก็มาลงเรียน”

เจ็ดสิบคนหมุนเวียนมา
นำพาสุขภาพดีและมีเงิน

ทั้งนี้กับค่าบริการคุณโอม วางไว้ 3 รูปแบบ คือ 2,000 บาท ต่อการเล่น 20 ครั้ง หรือภายใน 60 วัน ส่วนผู้มีเวลาว่างแน่นอน สามารถลงคอร์สราคา 1,800 บาท ภายในระยะเวลารับบริการ 26 วัน แต่สำหรับผู้ไม่ต้องการผูกขาดกับแพ็คเกจ หรืออยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวสามารถลงเรียนต่อครั้งได้ โดยคิดค่าบริการครั้งละ 200 บาท ซึ่งจะใช้เวลาเล่นต่อครั้งประมาณ 1 ชั่วโมง

ปัจจุบัน “Nattanat Sudrit” มีสมาชิกรวมประมาณ 70 คน โดยหมุนเวียนเข้ามาเรียนเฉลี่ยเดือนละราว 40-60 คน หรือต่อครั้ง 10 กว่าคนไปจนถึง 20 คน

ทั้งนี้สำหรับอายุเฉลี่ยของสมาชิกกลุ่มใหญ่อยู่ในช่วงวัย 40-60 ปี “อาจด้วยสภาพร่างกายของคนกลุ่มนี้ไม่อาจออกกำลังกายโลดโผนได้ ไม่เหมือนช่วงวัย 20 ต้นๆ และอีกปัจจัยหนึ่งอาจด้วยความพร้อมของเวลาและเงินที่มีพอจะนำมาดูแลตัวเอง ซึ่งกลุ่มคนฐานะดีในจังหวัดน่านยังมีอยู่พอสมควร อาจเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว การทำมาค้าขายไปได้ และสำคัญคือคนน่านยอมรับความเป็นสมัยใหม่ พร้อมปรับตัว ทำให้ธุรกิจยืนอยู่ได้”

คุณโอม ไม่เพียงสอนโยคะ เพื่อให้ได้ผลด้านร่างกายเท่านั้น แต่ยังใส่หัวใจของการให้ลงไปด้วยทำให้ “Nattanat Sudrit” กลายเป็นสังคมเล็กๆ เป็นครอบครัวที่อบอุ่น

“ผมจะดูแลเอาใจใส่ ทั้งเรื่องบุคลิก ดูความแตกต่างของแต่ละคน ปัญหาของแต่ละคน โรคภัยที่เขาเป็น เรียกว่าดูแลกันแบบคนในครอบครัว ว่างๆ ก็มีกินข้าวร่วมกัน จัดปาร์ตี้เล็กๆ ใครมีปัญหาอะไรก็มาบอกและการทำธุรกิจของผมจะไม่ตึงเกินไป อย่างบางกรณี บางอาชีพ เช่นคุณหมอ เขาไม่สามารถระบุเวลาตัวเองได้เลยว่าจะว่างเมื่อไหร่ บางครั้งลงเรียนไว้ แต่มาไม่ได้ ก็จะมียืดหยุ่น ตรงนี้มันเกิดเป็นความประทับใจ”

ห้าปีไม่หยุดเรียนรู้
เป็นครูที่สอนด้วยใจ

ด้วยความใส่ใจในสุขภาพของสมาชิกแต่ละคน ทำให้คุณโอม ยิ่งต้องขวนขวายความรู้

“ผมสอนโยคะมา 5 ปี แต่ไม่เคยหยุดเรียนรู้แม้แต่วันเดียว บางวันจะขออยู่คนเดียว เพื่อศึกษาการทำงานของแพทย์ เปิดดูวิธีผ่าตัด นี่คือการศึกษาเรื่องสรีระ เรื่องอนาโตมีซึ่งสำคัญมาก เพราะปัญหาที่เป็นเคสใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ และผมมองว่าผู้เล่นโยคะต้องได้ความสบาย ได้ความแข็งแรง ไม่ใช่มาเล่นแล้วบาดเจ็บ อันนี้ผมจะถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ ฉะนั้นการศึกษาเรื่องอนาโตมีจึงต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รู้วิธีป้องกันและแก้ไข”

ทั้งนี้คุณโอม ยังกล่าวถึงวิธีสอนโยคะที่ต้องใส่ใจรายละเอียด แม้กระทั่งสภาพอากาศ อย่างในช่วงฤดูหนาวจะปรับท่วงท่าให้หนักขึ้น เพื่อเรียกเหงื่อ แต่หากสภาพอากาศร้อนจะเลือกจังหวะการออกกำลังกายที่ทำให้ร่างกายรู้สึกเบาสบาย ผ่อนคลายอารมณ์มากขึ้น

ด้วยชื่อเสียงการสอน ทำให้ครูโอม ไม่ได้ประจำอยู่เพียงในสตูดิโอของตนเองเท่านั้น แต่มีผู้สนใจ รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ ติดต่อให้เข้าไปมอบสุขภาพดีให้แก่พนักงานของตนเอง ซึ่งหลักๆ ตอนนี้ได้แก่ โรงพยาบาลแพร่ และโรงพยาบาลเวียงสา ไล่เลยไปถึงอำเภอปัว ที่ต้องเดินทางไปสอนสัปดาห์ละประมาณ 1 ครั้งต่อแห่ง ส่วนค่าสอนนั้นตกราว 1,500 บาทต่อครั้ง หรือตามตกลงกัน

“ตอนนี้ที่สตูดิโอจะมีครูผู้สอนอีกท่านมาดูแลสมาชิก ทำให้ผมสลับเวลาไปสอนที่อื่นได้สะดวกขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้มีงานสอนทุกวัน”

และอย่างได้กล่าวไว้ข้างต้นถึงความฝันกับงานศิลปะ ซึ่งคุณโอมยังคงรักและมุ่งหวังจะมีรายได้เพียงพอเพื่อขับเคลื่อนอีกหนึ่งความรักที่อยู่ในใจ

“เมื่อเริ่มต้นก้าวเข้ามาอยู่ที่นี่ ผมทำงานศิลปะ ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แต่ยอมรับว่าเหนื่อยมาก ธุรกิจท่องเที่ยวต้องอาศัยโปรโมท ต้องทุ่มเทเวลากับตรงนั้น แต่โยคะกลับกลายเป็นว่าได้กลุ่มคนในพื้นที่ เป็นสังคมแห่งการบอกต่อ ที่ไม่ต้องพึ่งโซเชียลมากนัก แต่ผู้เรียนก็มีโพสต์ ซึ่งก็เหมือนวิธีบอกต่ออีกวิธีหนึ่ง สำคัญคือเงินส่วนของโยคะสามารถนำมาสนับสนุนงานศิลปะได้ ผมได้ทำผลงานออกมาจัดแสดง ได้ทำในสิ่งที่รักทั้งคู่ นี่คือความสุขแล้วครับ”

ด้วยความรักในการเล่นโยคะ กอปรกับใส่ใจเติมเต็มความรู้ให้กับตัวเอง คุณโอม จึงวางแผนเดินทางไปเรียนรู้ศาสตร์โยคะที่ประเทศอินเดีย และวางแผนในอีกราวสองปีจะเปิดเป็นสถาบันสอน เพื่อฝึกผู้สนใจให้ก้าวสู่ตำแหน่ง “ครูโยคะ” เฉกเช่นเดียวกัน

สนใจติดต่อ “Nattanat Sudrit” ตั้งอยู่ 22/27 ถนนราษฎ์อำนวย ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน 55000 โทร 097-920 9371