นักธุรกิจชอบเลี้ยงม้า ต่อยอดกิจการสร้าง “ฟาร์มสเตย์” ที่พัก+แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร อัดแน่นกิจกรรมผจญภัย ท่ามกลางธรรมชาติ

 การท่องเที่ยวแบบฟาร์มสเตย์ มุ่งให้ผู้ท่องเที่ยวได้มีโอกาสเรียนรู้ขนบธรรมเนียมวิถีชีวิตสังคมชนบทในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ หรือแม้แต่ด้านประมง ซึ่งอาจมีลักษณะอย่างเดียวหรือผสมผสานกัน พร้อมฝึกหัดการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับความเป็นธรรมชาติที่ปราศจากเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก

นอกจากนั้นยังทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศต่างๆ รวมถึงสีสันการผจญภัยในแบบต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งฟาร์มสเตย์ ถือเป็นการกระจายรายได้ไปยังชาวบ้านในท้องถิ่นนั้นด้วย

“วัลลภาฟาร์มสเตย์” เป็นธุรกิจฟาร์มสเตย์ ที่ตั้งอยู่ เลขที่ 69/9 หมู่ 9 ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นที่พักสไตล์ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่อัดแน่นด้วยกิจกรรมทั้งแนวผจญภัย และแนวอนุรักษ์ศิลปะอาชีพ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามอันรายล้อมไปด้วยภูเขา ผืนนา แล้วยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในชนบท เรียนรู้แนวคิดวิถีชีวิตพึ่งตนเองแบบเศรษฐกิจพอเพียง

พร้อมกันนี้ ภายในวัลลภาฟาร์มสเตย์ยังให้บริการห้องพักในหลายแบบ หลายสไตล์ มีร้านกาแฟที่ตกแต่งในบรรยากาศแบบธรรมชาติท้องทุ่ง พร้อมกับยังได้สัมผัสของจริงทั้งม้า ควาย และผืนนา

คุณศราวุธ ค้าขาย ผู้ดูแลธุรกิจนี้ บอกว่า ฟาร์มสเตย์แห่งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากความชื่นชอบเลี้ยงม้าของ ร.ต.ต.  สมนึก ค้าขาย ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเปิดเป็นคอกม้าเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา พอดีกับช่วงเวลานั้นทางคุณศราวุธมีงานทำอยู่ในกรุงเทพฯ และกำลังคิดเปลี่ยนงานก็เลยมาช่วยคุณพ่อเรื่องฟาร์มม้า แล้วในที่สุดจึงตัดสินใจเดินทางกลับภูมิลำเนาหาอาชีพใหม่เพื่อให้ได้มีโอกาสอยู่กับครอบครัวตัวเองพร้อมกับพ่อ-แม่

ระหว่างที่ช่วยคุณพ่อเลี้ยงม้า ได้มองอนาคตว่าม้าที่คุณพ่อเลี้ยงอยู่น่าจะสร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง จึงเริ่มที่ตัวเองคลุกคลีกับม้าให้มากตั้งแต่การหัดขี่ การอาบน้ำ การพาม้าเดินเล่น ตลอดจนศึกษาอุปนิสัยของม้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้อย่างรวดเร็ว

คุณศราวุธ เล่าว่า ความจริงไม่ได้คิดถึงเรื่องการสร้างเป็นฟาร์มสเตย์ เพียงแต่ต้องการเปิดเป็นสถานที่ฝึกขี่ม้าเท่านั้น แต่เมื่อได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจึงจำเป็นต้องขยับขยายต่อยอดด้วยการสร้างห้องพักเพิ่มขึ้น แล้วจัดหากิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์เข้ามาเสริมเพื่อให้ทั้งเด็กที่มาเรียนขี่ม้าและผู้ปกครองเกิดความเพลิดเพลินแล้วได้รับสาระและความบันเทิงไปพร้อมกัน

จากนั้นจึงจัดทำเป็นโปรแกรมการสอน ด้วยการว่าจ้างครูฝึกม้าที่มีประสบการณ์จริงและความชำนาญ ขณะเดียวกัน พบว่าในกลุ่มเด็กที่มาเรียนรู้เรื่องม้าได้มีเด็กพิเศษมาร่วมเรียนรู้ด้วย ดังนั้น จึงได้แยกคอร์สสอนต่างหากสำหรับเด็กกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมาอีก

คุณศราวุธ มองว่า การรับมือกับกิจกรรมต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นตามลำพังอาจเกิดปัญหาตามมากับลูกค้า ดังนั้น จึงชักชวนบรรดาญาติพี่น้องที่พักอาศัยในละแวกเดียวกันจำนวน 7 ครัวเรือน 12 คน เข้ามาร่วมงานกันในลักษณะเครือข่าย

ทั้งนี้ สมาชิกในกลุ่มจะมีการจัดสรรหน้าที่ความรับผิดชอบในแต่ละด้านทั้งในส่วนที่ต้องดูแลความเรียบร้อยฟาร์มสเตย์และการเลี้ยงม้า พร้อมกับการขึ้นทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนในชื่อ วิสาหกิจชุมชนวัลลภาฟาร์มสเตย์ ท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยมีคุณพ่อทำหน้าที่เป็นประธานกลุ่ม แล้วได้กำหนดให้การขี่ม้า, นั่งรถม้าไปชมความสวยงามของธรรมชาติตามสถานที่ต่างๆ พร้อมกับพาไปไหว้องค์พระ เป็นกิจกรรมหลักของฟาร์มสเตย์แห่งนี้

วัลลภาฟาร์มสเตย์ เปิดอย่างเป็นทางการแต่ยังไม่เต็มรูปแบบได้สัก 2 ปี มีบริการที่พักจำนวน 8 หลัง โดยแต่ละห้องสามารถเข้าพักได้ตั้งแต่ 2 คนไปจนถึงครอบครัวที่มีหลายคน ซึ่งจะแบ่งเป็นห้องพักกับบ้านหลัง นอกจากนั้นยังจัดสำหรับเป็นห้องพักของชาวต่างชาติที่เดินทางแนวผจญภัย

ดังนั้น ลูกค้ากว่า 60 เปอร์เซ็นต์จึงเป็นชาวต่างชาติ และ 40 เปอร์เซ็นต์เป็นคนกรุงเทพฯ ที่เป็นครอบครัวที่ชื่นชอบการผจญภัย โดยชูจุดเด่นเป็นกิจกรรมหลักที่เกี่ยวกับม้า ทั้งการอาบน้ำ ขี่ม้า ให้อาหาร พร้อมกับนักท่องเที่ยวยังได้พักที่ฟาร์มสเตย์ที่จัดไว้รองรับด้วยบรรยากาศท้องทุ่งนา หุบเขา และธรรมชาติที่สดชื่น มีร้านกาแฟที่ตกแต่งน่ารักไว้บริการ มีเรือนพักผ่อนที่โปร่งโล่งลมพัดผ่าน เหมาะกับการอ่านหนังสือ หรือนอนเล่น

“สำหรับลูกค้าคนไทยมักจะพาลูก-หลานมาเป็นประจำทุกวันหยุด เพราะต้องการหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองกรุง อีกทั้งให้เด็กๆ หยุดใช้เทคโนโลยีชั่วคราว แล้วมาสัมผัสความเป็นธรรมชาติในชนบทเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน แล้วที่สำคัญ อยู่ใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียว”

การมาพักค้างแรมพร้อมกับทำกิจกรรมในวัลลภาฟาร์มสเตย์ ได้สร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าเพราะจะเน้นให้ความสำคัญทางด้านความปลอดภัยของผู้พักทั้งในด้านความเป็นอยู่ สัตว์ร้าย หรือการดูแลด้านอาหาร ตลอดจนจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกตามความเหมาะสมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีลูกค้าที่มีรสนิยมแล้วกำลังมองหากิจกรรมประเภทนี้อยู่เป็นจำนวนมาก เพราะลูกค้าที่มาครั้งแรกจะมีความประทับใจจนต้องมาซ้ำอีกหลายครั้ง แถมยังชักชวนท่านอื่นมาพักด้วย จึงแสดงให้เห็นว่าหากเป็นสถานที่ไม่ดีจริงลูกค้าคงมาเพียงครั้งเดียว

ขณะที่กิจกรรมต่างๆ ภายในวัลลภาฟาร์มสเตย์ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง คุณศราวุธจึงผุดไอเดียด้วยการสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับชุมชนอื่นๆ ด้วยรูปแบบกิจกรรมในลักษณะแพ็กเกจหลายรูปแบบ หลายราคา ตามความเหมาะสม เช่น การปั้นดิน สวนเกษตรพอเพียง การทำขนมพื้นบ้าน ตลอดจนแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์

สำหรับท่านที่กำลังมองหาทริปการท่องเที่ยวแนวผจญภัยแล้วได้สาระ หากสนใจกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรของวัลลภาฟาร์มสเตย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ (082) 717-5633 หรือติดตามความเคลื่อนไหว พร้อมรูปภาพกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ FB : wanlapafarm