อดีตสาวแบงก์คว้าเกียรตินิยม ทิ้งงานประจำ ปิ๊งไอเดียสร้างธุรกิจความงามจากรังนก บุกตลาดผู้หญิงเอเชีย

คนรุ่นใหม่ วัยหนุ่มสาวเจนวายในปัจจุบัน เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นกับการก้าวออกจาก “คอมฟอร์ทโซน” กับหน้าที่การงานที่มั่นคง ปลอดภัย ในฐานะมนุษย์เงินเดือน ออกมาโลดแล่นตามหาความฝัน ยอมเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับชีวิต ด้วยการเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง ควักเงินออมที่เก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปี เพื่อลงทุนกับธุรกิจที่เป็นเจ้านายตัวเอง

เช่นเดียวกับ “ปอ-ปฤณศร ปัญจวัฒนกุล” อดีตสาวแบงก์วัย 35 ปี ที่ทำงานประจำเป็นพนักงานแบงก์มานานกว่า 12 ปี กลับตัดสินใจออกจากคอมฟอร์ทโซน ทั้งที่งานประจำเริ่มมีความมั่นคง ไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง แบรนด์ “HONGTHAI” (หงส์ไทย)

“ปอจบปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ เอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 2 แล้วก็ไปต่อปริญญาโทด้านมาร์เก็ตติ้งอีคอมเมิร์ซ จากมหาวิทยาลัยพอร์ตสมัท ประเทศอังกฤษ จากนั้นก็กลับมาทำงานที่เมืองไทย ที่แบงก์ทีเอ็มบี อยู่นานถึง 12 ปี โดยตำแหน่งสุดท้าย คือ Vice President Team Lead of Marketing Affluent Segment

จุดเปลี่ยนของชีวิตการทำงาน เริ่มจากแต่งงานมีลูก มีการย้ายครอบครัวมาอยู่จังหวัดชลบุรี แต่อยากมีเวลาให้ลูกเต็มที่ ก็เลยเลือกที่จะขับรถไปทำงานแบบเช้าไป-เย็นกลับ ทำอย่างนี้อยู่ถึง 4 ปี ขับรถไปมาเป็นระยะทางเกือบ 200,000 กิโล แต่ก็ทำได้ จนมาพลิกผันอีกทีตอนลูกเริ่มโต พอเข้าโรงเรียนเริ่มเรียกร้องให้คุณแม่ไปรับไปส่งเหมือนเพื่อนๆ คนอื่น นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาคิดทำธุรกิจส่วนตัว”

ปอ เล่าว่า สาเหตุที่เลิกทำงานประจำ ก็เพราะอยากมีเวลาให้กับลูกมากขึ้น เลยคิดว่า ทำธุรกิจส่วนตัว ไม่ใช่งานออฟฟิศน่าจะตอบโจทย์ ส่วนที่เลือกธุรกิจเครื่องสำอาง เพราะเป็นสิ่งที่ชอบ เป็นคนชอบดูแลตัวเองอยู่แล้ว ใช้ครีมบำรุงผิวมาแล้วมากมายหลายยี่ห้อ มั่นใจว่า มีประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญพอสมควร อีกทั้งมองว่า เครื่องสำอางเป็นธุรกิจความสวยความงามที่อยู่เทรนด์ท็อปทรีมาโดยตลอด

“พอตั้งใจจะทำธุรกิจ ก็เริ่มศึกษาเรื่องเครื่องสำอางอย่างจริงจัง มีการวิจัยและพัฒนาสูตรร่วมกับทีมอาร์แอนด์ดีของโรงงานผู้ผลิต ทำให้เรารู้ว่า ครีมบำรุงผิวยี่ห้อดังๆ ราคาแพงๆ นั้น แพงเพราะบวกค่าการตลาดเข้าไปเยอะ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่คิดจะผลิตสินค้าทางเลือก สินค้าที่มีคุณภาพดี สามารถทดแทนครีมบำรุงผิวยี่ห้อดังๆ ราคาสูงที่เราใช้อยู่ปกติ แต่ซื้อได้ในราคาที่ถูกลง”

ปอ เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการเข้าสู่ธุรกิจเครื่องสำอางว่า เงินลงทุนเกือบทั้งหมดจะทุ่มไปที่การพัฒนาคุณภาพสินค้า เพื่อให้ได้มาตรฐานเทียบเท่าสินค้าแบรนด์ดัง ส่วนเรื่องช่องทางการจัดจำหน่าย การกระจายสินค้าจะทำผ่านตัวแทน ซึ่งมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ตัวแทนขายจะต้องทดลองใช้สินค้า ต้องใช้จริงๆ เพื่อให้รู้จริง แล้วก็ทำรีวิวตัวเอง เป็นการรับรู้ถึงคุณสมบัติที่ดีของสินค้า สามารถอธิบายให้ลูกค้าเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง จากนั้นถึงจะโพสต์ขายผ่านสื่อโซเชียล โดยที่สินค้าจะไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ซึ่งปรากฏว่า ได้ผลดีมาก เพราะตัวแทนแต่ละคนมีความกระตือรือร้น ขยันโพสต์ ส่งผลดีต่อธุรกิจด้วย เพราะบริษัทก็ไม่มีต้นทุนในการว่าจ้างพนักงาน เพียงแค่จัดสรรงบประมาณในการช่วยอัดฉีดจัดกิจกรรมให้ตัวแทนขาย

“ปอเริ่มธุรกิจเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2560 นี่เอง โดยมีผลิตภัณฑ์เปิดตัว 2 ชนิด คือ ซีรั่มรังนก กับ Gold Sleeping Mask หรือมาส์กนอนทองคำ โดยล็อตแรกสินค้า 5,000 ขวด มียอดจองขายหมดภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งดีใจมากที่สินค้าได้รับการตอบรับ มียอดจองหมดอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการตลาดแบบปากต่อปากจากคนที่ทดลองใช้จริงๆ ทำให้ตัวแทนขายได้ง่าย เป็นเป้าหมายหลักที่วางเอาไว้ว่า อยากให้ตัวแทนขายได้ จึงได้กำหนดเงื่อนไขให้ต้องทดลองใช้จริงๆ เพื่อให้รู้จัก และเข้าใจในสินค้าด้วยตัวเอง และอยากให้ตัวแทนสามารถทำการขายได้ทุกที่ผ่านช่องทางโซเชียล เป็นงานเสริมเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะตอบโจทย์คนที่อยากเริ่มธุรกิจขายแต่เงินทุนน้อย หรือกลุ่มแม่บ้าน มนุษย์เงินเดือนที่ต้องการรายได้เสริม”

ระยะเวลาผ่านไปเพียงแค่ 5-6 เดือน แบรนด์ “HONGTHAI” ได้รับการตอบรับสูง มีคนสมัครเป็นตัวแทนขายแล้วกว่า 100 คน ซึ่งปอตั้งเป้าหมายว่า จะพยายามเพิ่มตัวแทนขายเท่าตัว และยอดขายเพิ่มอีกเท่าตัวให้ได้ภายในปีนี้ หลังจากนั้นจะขยายสู่ตลาดอาเซียนและจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่อยากให้ผลิตภัณฑ์ซีรั่มรังนก เป็นที่รู้จัก และชื่นชอบของลูกค้าคนจีน จึงได้คิดค้น สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสกัดจากรังนก เพราะคนจีนมีความเชื่อว่า รังนกเป็นยาอายุวัฒนะ โดยสรรพคุณ ถ้ารับประทานจะช่วยบำรุงร่างกาย แต่ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ใช้ทาบำรุงผิว สารสกัดจากรังนกจะช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอย

“ส่วนที่มาของแบรนด์ “HONGTHAI” นั้น ปอได้มีโอกาสไปดูดวงกับหมอดูอีที ซึ่งเป็นหมอดูชื่อดังที่พม่า เขาเขียนชื่อมาให้ในกระดาษเลยว่า ให้ปอทำธุรกิจบิวตี้โปรดักต์ แล้วเขาก็บอกว่า ชื่อ “HONGTHAI” นี่แหละดีนะ เราก็พยายามถามว่า เป็นชื่อของอะไร หมอดูอีทีบอกแค่ว่า มันดี ดังนั้น พอเราตัดสินใจทำธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ก็เลยตั้งเป็นชื่อแบรนด์ เพราะคิดว่า หงส์เป็นสัตว์ที่แสดงให้เห็นถึงความสวยงาม ส่วนไทย ก็สื่อว่า เป็นสินค้าของประเทศไทย เผื่อว่า ในอนาคตแบรนด์เราได้ขยายตลาดไปสู่อาเซียนหรือจีน  ชื่อนี้ก็น่าจะลงตัวดี”