อดีตราชการอยากรวย ลาออกมาทำธุรกิจ ปรากฏเจ๊ง ติดเหล้าร่างกายทรุด ฮึดสู้ผันตัวเป็นเกษตรกร กวาดรางวัลเพียบ

หลายคนเข้าใจว่า “ความรวย” นำมาซึ่งความสุขสบาย จึงวิ่งวุ่นหาสิ่งนี้ เช่นเดียวกับ คุณยวง เขียวนิล ที่หลังศึกษาจบช่างกล เขามุ่งหน้าทำงานรับราชการอยู่ 10 ปี แต่เพราะความอยากรวย จึงก้าวสู่ภาคธุรกิจ สุดท้าย พ่ายแพ้ มีหนี้สิน ต้องขายที่ขายทางนำมาชดใช้ และกลายเป็นคนติดเหล้า

เส้นทางชีวิตคงดับวูบ ถ้าไม่ได้พบกับคำว่า “เกษตรทฤษฎีใหม่” และคำว่า “พอเพียง”

อยากรวย มีหนี้
ขายพื้นที่ ติดสุรา

หลังศึกษาจบด้านช่างกล คุณยวง เขียวนิล ในวัยหนุ่มสอบเข้ารับราชการ แต่เมื่อมองเพื่อนซึ่งเดินอยู่บนสายธุรกิจส่วนตัวแล้วมีรายได้ดี จึงต้องการเป็นเช่นนั้นบ้าง ตัดสินใจลาออกแล้วก้าวสู่เส้นทางสายธุรกิจ กับการเปิดร้านเหล็กดัด มุ้งลวด และกระจก

“ทำงานรับราชการมา 10 ปี ได้เงินเดือนเริ่มต้น 810 –  3,000 กว่าบาท แต่พอมาทำธุรกิจส่วนตัวได้ 30,000-50,000 บาท ทำไปได้สักพักเกิดปัญหาเก็บเงินลูกค้าไม่ได้ เป็นหนี้เยอะมาก จนต้องขายที่ดินในจังหวัดนนทบุรี นำมาใช้หนี้ และด้วยต้องการฟื้นฟูตัวเอง จึงคิดการใหญ่ เปิดธุรกิจรับเหมาทำโครงหลังคา มีลูกน้องมากขึ้น แต่เพราะจัดระบบไม่ดี ก็เจอปัญหาอีกมากมาย ในที่สุดต้องหยุด”

คุณยวง ตัดสินใจมาขออยู่บนที่ดินของแม่ภรรยา โดยวางแผนทำนาบนพื้นที่ 4 ไร่ “แม่ยายมีที่ดินทั้งหมด 106 ไร่ แต่ว่าให้เช่า ภรรยาซึ่งรับราชการครู ขอแบ่งมาทำกิน 4 ไร่ วางแผนให้ผมทำนา แต่ด้วยตอนนั้นเราไม่รู้จักใคร ก็อยากสร้างมิตร ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนบ้านตลอด วันๆ กินแต่เหล้า ใครห้าม ก็บอก ตับของกู ตังค์ของกู ขนาดแม่ห้ามยังไม่ฟัง กินเหล้าตั้งแต่ปี 2531 กระทั่งปี 2534 กลายเป็นพิษสุราเรื้อรัง และร่างกายทรุดหนักในปี 2537 คิดว่าถ้าไม่เลิกก็คงตายจึงหักดิบ แต่กลับแย่ ภรรยาจึงต้องพาไปหาหมอ ใช้เวลารักษาและพักฟื้นอยู่ 1 ปี เลิกเหล้าได้แบบเด็ดขาด”

เมื่ออาการกลับมาดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ภรรยาได้รับช่วงมรดกที่ดินรวม 44 ไร่ จึงตั้งใจสู่การเป็นเกษตรกรเต็มตัว

“ผมมองคนในพื้นที่นนทบุรี เขามีพื้นที่ 3 ไร่ 5 ไร่ แต่สามารถอุ้มชูตัวเองได้ จึงเดินทางไปพบเกษตรอำเภอ สอบถามถึงการทำเกษตรกรรมว่าควรทำอะไรดี ก็ได้รับคำตอบกับคำว่า ไร่นาสวนผสม ขณะเดียวกัน ก็ได้ยินว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตอนนั้นนึกในใจว่าพระองค์ท่านมาทำอะไรกับภาคการเกษตร แต่ผมสนใจคำว่า ทฤษฎี เพราะนั่นหมายถึงได้ผ่านการทดลองมาแล้ว จึงขอเอกสารมาอ่าน จวบจนได้มีโอกาสไปศึกษาดูงาน จึงกลับมาถอดบทเรียน เดินสู่เกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งพระองค์ท่านคิดให้เสร็จแล้ว เราแค่เดินตามเท่านั้น”

เกษตรทฤษฎีใหม่
น้ำมา ปลายังเหลือ

ที่ดิน คือต้นทุนมีอยู่ แต่ในส่วนของเงินทุนไม่มาก จึงเริ่มจากเขียนแผนวางผังไว้บนกระดาษ จากนั้นจึงค่อยๆ เริ่มเดินไปทีละก้าว

“เดิมทำนาอยู่ 4 ไร่ จากนั้นขุดบ่อน้ำและเลี้ยงปลาขนาด 3 ไร่ พอมีเงินก็ค่อยๆ ขยาย กระทั่งปัจจุบันพื้นที่ทำนา 20 ไร่ ทำสวนปลูกพืชผักผลไม้ อาทิ ขนุน น้อยหน่า พุทรา มังคุด ละมุด ลำไย 20 ไร่ และก็พื้นที่บ่อน้ำเลี้ยงปลา 3 ไร่ โดยสามารถทำรายได้ให้เฉพาะส่วนของนาข้าวประมาณ 300,000 บาท สำหรับสวนที่ปลูกพืชผักผลไม้หลากหลายชนิดก็ได้ปีๆ  หนึ่งเป็นแสนบาท”

คุณยวง ยังเล่าถึงช่วงกำลังก้าว ประสบปัญหาวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ปี 2538 นาข้าว พืชผัก ได้รับความเสียหาย ปลาในบ่อพากันหนีออก “ตอนนั้นผมเครียดมากจนไม่ลอยกระทง พาลว่าพระแม่คงคาทำเกินกว่าเหตุ แต่พอน้ำเริ่มแห้ง ปรากฏว่าปลาจากหลายๆ แห่งมารวมอยู่ในบ่อ วิดปลาขายได้เงิน 60,000 บาท ตรงนี้ทำให้ผมเห็นถึงอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน ทรงคิดถึงเรื่องภูมิคุ้มกัน การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำให้เหลือปลาอยู่ในบ่อ”

หลังขายปลามีเงินทุนก็เริ่มต้นกลับมาเดินตามรอยพ่ออีกครั้ง ส่งผลให้คุณยวง ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย อาทิ ในปี 2540 ได้เป็นเกษตรกรดีเด่นของภาคกลาง ปี 2541 ได้รับรางวัลอาสาพัฒนาชุมชนดีเด่น ปี 2542 รับรางวัลหมอดินดีเด่น ปี 2543 เป็นผู้นำอาชีพก้าวหน้า ปี 2544 รับรางวัลครูภูมิปัญญาท้องถิ่น ปี 2545 รับรางวัลเศรษฐกิจพอเพียงระดับจังหวัด และอีกมากมายหลายรางวัล

ทำกิน จนเข้มแข็ง
ส่งต่อ ขยายให้ผู้อื่น

จากพื้นที่ทำกิน ต่อยอดเป็น ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอไทรน้อย (ศูนย์ศรียวง) ให้นักเรียนนักศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปได้เดินทางเข้าไปศึกษาดูงาน เรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรทฤษฎีใหม่

ไม่เพียงเท่านั้น คุณยวงยังได้รับเชิญเป็นครู และผู้บรรยายตามสถาบันและหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ

กับการลงมือทำเกษตรตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ บนพื้นที่รวม 40 กว่าไร่ คุณยวงว่าใช้กำลังคนแค่ ตนและภรรยาเป็นหลัก

“การทำเกษตรในพื้นที่ภาคกลาง มีความสะดวกสบายในด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ สมัยก่อนการไถนาต้องใช้แรงงานควาย แต่ปัจจุบันสามารถพึ่งพาเครื่องจักรได้ อย่าง 20 ไร่ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น การเกี่ยวข้าวก็ใช้เวลาพอๆ  กัน เพียงแต่ว่าเราต้องใส่ใจข้าวที่ปลูกในทุกๆ ขั้นตอน ว่าถึงเวลาควรดูแลเขาด้านไหนบ้าง จัดการจากสิ่งภายใน ไม่พึ่งสิ่งภายนอก อย่างปลาตายก็นำมาหมักเป็นปุ๋ย เพราะเราทำเกษตรอินทรีย์”

การทำเกษตรแบบผสมผสาน ทำให้ได้ผลผลิตทั้งรายวัน รายเดือน และรายฤดูกาล “เศรษฐกิจพอเพียง ต้องเริ่มจากพอมีพอกิน สู่เหลือกินเหลือใช้ และเป้าหมายคือ อยู่ดีมีสุข ฉะนั้น ถ้าอยากอยู่ดีมีสุขให้ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน ซึ่งการดำเนินการจะใช้เงินกู ไม่ใช่กู้ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ควรมีหนี้ มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้น้อย เหลือเก็บสร้างหลักประกัน ต้องทำบัญชี ควบคุมค่าใช้จ่าย รู้กำไรขาดทุน”

คุณยวง ยังกล่าวถึงการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ว่าสามารถทำได้ทุกอาชีพ แต่ถ้าต้องการก้าวสู่ภาคเกษตร แต่ติดขัดเรื่องที่ดินทำกิน หรือเงินทุน สามารถเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อนได้ เป็นการสร้างความพอมีพอกินให้กับตนเองก่อน

“หากพื้นที่น้อย งบน้อย เวลาก็น้อย ทำอะไรดี มีเวลา 3 วัน ปลูกถั่วงอกซิ ถ้ามีเวลา 7-15 วันก็เพาะเห็ด ซื้อเห็ดมา 20 ก้อน ก้อนละ 7 บาท เท่ากับ 140 บาท เห็นมั้ยใช้เงินเราได้ ไม่ต้องกู้เลย วิธีมีอยู่แล้ว ขอเพียงแค่ในตอนนี้ต้องน้อมนำคำว่า พอเพียง เข้าไปอยู่ในใจให้ได้ก่อน”

กว่า 20 ปี กับการเดินตามรอยพ่อสู่วิถีเกษตรทฤษฎีใหม่ และการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ แม้ภาคการเกษตรไม่ส่งผลด้านความร่ำรวย แต่คุณยวงยืนยันว่า คือความสุขที่ยั่งยืน

สนใจต้องการเรียนรู้ ศึกษาดูงาน เดินทางไปได้ที่ ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอไทยน้อย (ศูนย์ศรียวง) หมู่ 7 ตำบลราษฎร์นิยม อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (081) 929- 9159