เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวทราบว่า ที่ริมถนนอุดรธานี-บ้านผือ บ้านหนองหัวคู หมู่ 1 ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มีชาวบ้านมาปลูกเพิงพักขายของป่าริมทาง ให้แก่ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา ซึ่งทราบว่าขายติดต่อกันมาเป็นเวลานานถึง 20 ปี แล้ว ของป่าที่ชาวบ้านเก็บมาขายนั้นก็มีผลไม้ป่า หน่อไม้ เห็ดชนิดต่างๆ จนทำให้เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า หากต้องการกินเห็ดป่าอย่างปลอดภัย ต้องมาซื้อที่นี่ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ

 

ที่ร้านค้าดังกล่าวผู้สื่อข่าวพบกับ นายอภัย อภัยสูงเนิน อายุ 43 ปี และนางวิลัย อภัยสูงเนิน อายุ 42 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 1 ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พ่อค้าแม่ค้าขายเห็ดป่า โดยสอบถามถึงสาเหตุที่มาทำอาชีพนี้

 

นายอภัย เปิดเผยว่า ขายเห็ดป่ามานานกว่า 20 ปี ทุกวันทั้ง 2 คนพร้อมด้วยเพื่อนบ้านจะเข้าไปเก็บเห็ดป่าที่ป่าโคกในหมู่บ้าน โดยจะไปตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงรุ่งเช้า ซึ่งเป็นจะเป็นเวลาที่เห็ดออกดอก แล้วจะนำเห็ดมาล้างให้สะอาดจากนั้นก็นำมาใส่จานวางขาย ให้กับลูกค้าซึ่งส่วนมากจะเป็นชาวบ้านที่ขับขี่รถผ่านไปมา

 

นางวิลัย กล่าวว่า ช่วงที่เห็ดป่าออกดอกมากที่สุด คือในช่วงเดือนมีนาคม-ตุลาคม ซึ่งจะเป็นช่วงอากาศร้อนติดต่อกับหน้าฝนซึ่งจะมีอากาศร้อนชื้น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าร้อนอบอ้าว ซึ่งจะมีเห็ดชนิดต่างๆ ออกดอกไม่ตรงกัน ทั้งเห็ดระโงก เห็ดเผาะ เห็ดตะไค ชาวบ้านมีความชำนาญในการแยกออกระหว่างเห็ดมีพิษกับเห็ดที่ไม่มีพิษ ซึ่งสามารถรับประทานได้ หรือจะนำไปปรุงเป็นอาหาร แกง ป่น นึ่ง ซึ่งเป็นอาหารที่ชาวอีสานชื่นชอบและรับประทานมาก นอกจากตนและภรรยาจะออกไปเก็บเห็ดมาขายเองแล้ว ยังรับซื้อจากชาวบ้านที่ไปเก็บมาขายอีกด้วย ทำให้ตนมีเห็ดขายวันละ 10 กิโลกรัมเป็นอย่างต่ำ

นางวิลัย กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้เห็ดตะไคออกมาก ชาวบ้านเก็บมาขายให้ตนกิโลกรัมละ 200-300 บาท ตนจะนำมาขายกิโลกรัมละ 300-500 บาท แล้วแต่ขนาดของดอกเห็ด โดยดอกบานจะขาย กิโลกรัมละ 350 บาท ดอกตูมเล็ก กิโลกรัมละ 400 บาท ดอกตูมใหญ่ กิโลกรัมละ 500 บาท หากไม่ซื้อเป็นกิโลกรัม เพราะคิดว่าแพงมาก ตนก็จะขายเป็นจานๆ ละ 50-80 บาท เมื่อขายหมดก็จะได้กำไรเฉลี่ยวันละ 700-1,000 บาท หรือตกเดือนละ 3 หมื่นบาท ซึ่งไม่นับรวมกับผลไม้ป่าตามฤดูกาล ที่มีหมากค้อ หรือลูกตะค้อ หมากเบน หรือตะขบป่า และหมากผีผ่วน หรือนมวัว ที่นำมาขายอีก

“อาชีพหาเห็ดป่ามาขายทำให้ตนมีรายได้ดี จนสามารถส่งลูกสาว 2 คน เรียนมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งคนโตจบปริญญาตรีมีงานทำ และได้ส่งเงินมาให้พ่อและแม่ใช้แล้ว ส่วนคนเล็กยังเรียนชั้นปีที่ 2 ตนก็ยังหาเห็ดมาขายเหมือนเดิม หลังจากหมดฤดูขายเห็ดตนก็จะไปขายผักที่ตลาดสดและตลาดนัด เมื่อถึงฤดูเก็บเห็ดก็จะกลับมาขายอีกครั้ง” นางวิลัย กล่าว