อดีต “แมสเซ็นเจอร์” ต้นทุนชีวิตติดลบ ขายหมอนยางพาราส่งจีน ปั้นแบรนด์ “Luxury Natural Latex” ตั้งเป้า 3 ปี โกย 5,000 ล้านบาท

หลังไต่เต้าจากอาชีพ “แมสเซ็นเจอร์” มาขายหมอนหนุนคุณภาพสูงระดับโรงแรม 6 ดาวได้เพียง 3 ปี ลงทุนไปราว 8 หมื่นบาท เเต่สามารถสร้างรายได้ทะยานขึ้นสู่ 230 ล้านบาท มาวันนี้ คมศานต์ จิวากานนท์ หรือ อาร์ท ชายหนุ่มในวัย 37 ปี ขอบุกตลาดจีน ด้วยหมอนยางพารา ตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี ขณะนี้เริ่มนำหมอนไปวางจำหน่ายแล้วกว่า 100,000 ใบ

คุณอาร์ท เท้าความเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า ปัจจุบันอายุ 37 ปี จบปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ เอกการตลาด จากมหาวิทยาลัยทองสุข เป็นลูกคนเดียว ฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่แยกทางกัน จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ ชีวิตอยู่กับแม่และยาย ตอนเด็กหาค่าขนมด้วยการไปไซต์งานก่อสร้าง เก็บสังกะสี เหล็ก ตะปูไปขาย โตขึ้นมาหน่อย ราว ม.3 หาค่าเทอมด้วยการไปเป็นพนักงานล้างจานตามฟู้ดเซ็นเตอร์ ไปเป็นเด็กปั๊ม จบ ม.3 เลือกเรียนสายอาชีวะด้านการตลาด เรียนไม่เก่ง เคยติดศูนย์ 10 ตัว โดยที่แม่กับยายไม่รู้  กระท่อนกระแท่นมาจนได้รับใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยทองสุข แต่กว่าจะเรียนจบเคยถูกรีไทร์ด้วยซ้ำ

หลังจากจบ ป.ตรี คุณอาร์ท เลือกเป็นแมสเซนเจอร์ เพราะเขาคิดว่า อาชีพนี้สามารถเข้า-ออก ได้ทุกองค์กร ไปเห็นออฟฟิศหลายที่ วิ่ง-ส่งเอกสารได้ 1 ปี เริ่มไม่สนุกแล้ว ก็ลาออก

ภายหลังจากทิ้งอาชีพพนักงานส่งเอกสาร คราวนี้ชายหนุ่มไปขายสินเชื่อทางโทรศัพท์ 3 ปี ไม่มีเงินเดือน ได้เพียงค่าคอมมิสชั่น เดือนละ 30,000 – 100,000 บาท ช่วงเวลานี้คุณอาร์ท บอกว่า รายได้ดีมาก แต่รายจ่ายเยอะ เพราะเริ่มซื้อบ้าน ซื้อรถ ประกอบกับติดเที่ยว เงินเดือนเริ่มไม่พอ ลาออกไปขายโฆษณา แต่ทว่าสื่อสิ่งพิมพ์ขายโฆษณายาก หนที่สุดลาออกไปทำงานเป็นเซลส์ที่บริษัทสิ่งทอ ขายเครื่องนอน ผ้าปู รายใหญ่ของประเทศ ตำแหน่งนี้มีโอกาสเข้าบ้านลูกค้าระดับไฮเอนด์

โอกาสที่คุณอาร์ทได้รับ เขาบอกว่า จากการที่ได้เข้าไปบ้านลูกค้าระดับไฮโซบ่อยๆ สังเกตเห็นว่า ที่บ้านคนเหล่านี้มักมีหมอนที่ไม่ได้ใช้งานวางไว้บนหลังตู้ จึงสอบถามและได้คำตอบว่า “ซื้อหมอนมาเยอะ แต่ก็ไม่มีใบไหนดี เหมือนถูกหลอกซื้อ พอมาใช้งานไม่ดีจริง จึงเก็บหมอนเหล่านี้ไว้บนหลังตู้”

ชีวิตการเป็นเซลส์เหมือนกำลังจะไปได้ด้วยดี แต่แล้วคุณอาร์ทก็ถูกไล่ออก ขณะที่ทำงานได้เพียง 3 ปี สาเหตุนั้นมาจากพฤติกรรมความเกเรของเขาล้วนๆ

“ตอนนั้นผมติดเที่ยว ติดผู้หญิง เกเร รายจ่ายเยอะ ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ เลยคิดว่าตนเองไม่ควรทำงานประจำ เพราะลำพังเงินเดือนคงไม่พอ ประกอบกับมีเพื่อนมาชวนไปขายหมอนขนห่านเทียม ซึ่งการค้าขายแบบนี้ได้เงินทันที เลยหันมาขายหมอนขนห่านเทียม 2 เดือน”

ดูเหมือนการขายหมอนขนห่านเทียมจะราบรื่น คุณอาร์ท บอกว่า เจอปัญหาอีกแล้ว เพราะลูกค้ามักถามหาหมอนสเปกโรงแรม กลัวว่าหมอนขนห่านเทียม คุณภาพไม่เท่าหมอนโรงแรม ซื้อไปแล้วไม่ดี สุดท้ายก็ต้องนำไปเก็บไว้ในตู้

จากปัญหาของลูกค้า ทำให้คุณอาร์ทเลิกรับหมอนขนห่านเทียมมาขาย และนำเงินทุนที่ได้จากการขายรถ 8 หมื่นบาท มาเดิมพันทำธุรกิจของตัวเองด้วยการจ้างโรงงานทำหมอนสเปกโรงแรม เน้นใช้วัสดุดีที่สุด แพงที่สุด

“จากประสบการณ์เป็นเซลส์ ผมรู้ว่าลูกค้าไฮเอนด์ชอบหมอนสไตล์โรงแรม ดังนั้นจึงตัดสินใจเดิมพันในชีวิต นำเงินเก็บ มาสร้างแบรนด์หมอนเป็นของตัวเอง ชื่อว่า Luxury หมอนโรงแรม 6 ดาว เป้าหมายที่ตั้งไว้คือต้องการขายหมอนสไตล์โรงแรมเท่านั้น เน้นความหรูหรา การพักผ่อนสไตล์โรงแรม ไม่ขายหมอนเพื่อสุขภาพหรือหมอนยางพารา”

สำหรับความพิเศษของหมอนดังกล่าว อยู่ที่เส้นใยที่เลือกใช้ ใช้เส้นใยตระกูลที่มีความละเอียดสูง นั่นคือ เส้นใยไมโครคลิ้ม ผลิตโดยใช้เทคนิคการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น นอนสบาย

ด้านกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ลักชัวรี่ คือ กลุ่มลูกค้าระดับบน หลงใหลการนอนหมอนสไตล์โรงแรม เจ้าของธุรกิจ เผยว่า ขายหมอนครั้งแรกได้ 10 ใบ ถือว่าประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นมาก็ออกบู๊ธซ้ำ ขยายตลาดด้วยการตระเวนออกบู๊ธตามคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วประเทศ เพื่อให้คนเห็นแบรนด์มากขึ้น ระยะเวลาเพียงปีเดียว ธุรกิจกระแสการตอบรับดีมาก สร้างโรงงานเป็นของตัวเอง ราวปี 2557 ใช้ทุนการก่อสร้างถึง 13 ล้านบาท

“อัตราการเติบโตของธุรกิจ เรียกว่า โตแบบก้าวกระโดด ในปี 2556 ยอดขายอยู่ที่ 3 ล้านกว่าบาท ปี 2557 ยอดขายอยู่ที่ 120 ล้านบาท และปี 2558 ยอดขายอยู่ที่ 150 ล้านบาท และในปี 2559 มียอดขายถึง 230 ล้านบาท ”

ล่าสุด “ลักษ์ชัวร์รี่” หมอนโรงแรม 6 ดาว สยายปีกโกอินเตอร์ ส่งแบรนด์  “Luxury Natural Latex”           ลุยตลาดประเทศจีน เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบีบวก ที่หลงใหลการพักผ่อน นุ่มสบายเหมือนอยู่ในโรงแรมหรู  พร้อมเซ็นสัญญาร่วมทุน บริษัท ไท้ ไฮ เจียง (ไชน่า) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดเครื่องนอนแบรนด์ “Yaxuan” ใหญ่ยักษ์ของจีน ตั้งเป้ายอดขาย 3 ปี  5,000 ล้านบาท

คุณอาร์ท กล่าวว่า ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวของแบรนด์ไทย ในการก้าวสู่ตลาดยักษ์ใหญ่อย่างประเทศจีน โดยเราเตรียมส่งแบรนด์ “Luxury Natural Latex” หมอนโรงแรม 6 ดาว ที่ผลิตจากยางพาราแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมด้วยนวัตกรรมผ้าหุ้มหมอนที่ป้องกันไรฝุ่น ที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในการใช้ผ้า จากศูนย์วิจัยไรฝุ่นศิริราช และศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราหันมาลุยตลาดหมอนยางพารา โดยได้เซ็นสัญญากับ บริษัท ไท้ ไฮ เจียง  (ไชน่า) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดเครื่องนอนแบรนด์ “Yaxuan” ยักษ์ใหญ่ในจีน ให้เป็นผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ “ลักษ์ชัวร์รี่” ในประเทศจีน  โดยตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี ซึ่งจะเริ่มนำสินค้าไปจำหน่ายที่ประเทศจีนในเดือนสิงหาคม จำนวน 100,000 ใบ

คุณคมศานต์ จิวากานนท์ กล่าวปิดท้ายว่า ตลาดเครื่องนอนในประเทศจีน มีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก สำหรับสินค้าที่เราจะนำไปทำตลาดที่ประเทศจีน ได้แก่ หมอน และชุดเครื่องนอนสำหรับเด็ก เนื่องจากประเทศจีนมีนโยบายในการเพิ่มจำนวนประชากรซึ่งแต่ละครอบครัวสามารถมีบุตรได้ 2 คน เราจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาด ที่จะขยายสินค้าไปสู่ชุดเครื่องนอนเด็ก

โดยหวังว่าแบรนด์ไทยจะสามารถครองยอดขายอันดับต้นๆ ในจีนได้ สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย เรายังคงเน้นการออกบูธในงานแฟร์ ออกบูธตามห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ เพิ่มขึ้นจากเดิม 15 เปอร์เซ็นต์ สำหรับยอดขายในปี 60 เราตั้งเป้าอยู่ที่ 350 ล้านบาท นอกจากนี้เรายังจะขยายตลาดออกสู่ 4 หัวเมืองใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักแบรนด์ และเรายังเน้นบริการหลังการขายแบบ One Stop Service เหมือนเดิม