ผัวเมียอาศัยที่รถไฟปลูก‘กะเพรา-โหระพา’ รับเต็มๆเดือนละหลายหมื่น สร้างรายได้ให้ครอบครัว

สองสามีภรรยาใช้เวลาว่างจากร้านขายของชำใช้ที่รกว่างริมทางรถไฟปลูกพืชผักสวนครัวหลากหลายชนิด กะเพรา โหระพา ดูแลรักษาง่ายรายได้ดี เก็บขายได้เงินเข้าครอบครัวเดือนละหลักหลายหมื่นบาท

ผู้สื่อข่าวทราบว่า มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่งขยันทำมาหากินทำมาหากินมีรายได้จากการปลูกพืชผักสวนครัว โดยปลูกพืชริมทางรถไฟในอ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

โดยพบกับ นายสังเวียน กลั่นแก้ว อายุ 58 ปี สามี และนางวนิดา พิพัฒน์ผล ภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 293/2 ถ.มาลาเบี่ยง ถนนเลียบทางรถไฟ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ปกติอาชีพหลักเปิดร้านขายของชำ ชื่อ ร้านกอไผ่ ปากซอยถนนศรีสุริโยทัย

นอกจากนั้น ได้ทำเกษตรปลูกพืชผักสวนครัวเป็นอาชีพเสริม จากการขอใช้ที่ดินข้างทางรถไฟ ตรงข้ามร้านความกว้างประมาณ 15 เมตร ความยาวประมาณ 200 เมตร ตรงข้ามร้านค้าของตนเอง ปรับพื้นที่จากรกร้างปกคุลมด้วยวัชพืช เป็นพื้นที่ปลูกพืชทำรายได้หลากหลายชนิดมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว โดยมีกะเพรา และ โหระพา เป็นพืชหลัก ที่สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวเป็นอย่างน้อย เดือนละ 10,000-30,000 บาท

นายสังเวียน เปิดเผยว่า ตนและภรรยาเปิดร้านขายของชำ และพักอาศัยอยู่ริมถนนมาลาเบี่ยงเลียบทางรถไฟ ทั้งขายของชำและรับจ้างซักผ้าช่วง 10 ปี ก่อนตนไปขอเช่าที่ดินริมทางรถไฟจากนายสถานีรถไฟ เพื่อจะปลูกพืชผักสวนครัวเป็นรายได้เสริมของครอบครัว แต่สถานีรถไฟบอกว่าไม่ต้องเช่า ให้ทำและดูแลให้ดีอย่าให้รก จากนั้นตนก็ค่อยๆ ปรับพื้นที่ริมทางรถไฟ บริเวณตรงข้ามหน้าบ้านตน ปลูกพืชหลากหลายชนิด ได้แก่ กะเพรา โหระพา พริก มะเขือ มะม่วง กล้วย ตะไคร้ มะนาว มะกรูด มะปราง โดยใช้น้ำที่ระบายออกมาจากเขตเทศบาลนครพิษณุโลก สูบขึ้นมาต่อท่อติดสปริงเกอร์ เพื่อรดพืชผักบริเวณนี้

นายสังเวียน กล่าวต่อว่า พืชหลักที่ทำมานานและสร้างรายได้เป็นกรอบเป็นกำคือ กะเพรา และโหระพา เป็นพืชที่ปลูกง่าย ใช้เมล็ดโรยริมทางรถไฟ ที่ข้างบนดินแม้จะเป็นหิน แต่ก็เจริญงอกงามดีมาก เพราะดินด้านล่างอุดมสมบูรณ์ และได้ปุ๋ยจากขี้ไก่ที่ตนเลี้ยงไก่ชนไว้มาเป็นปุ๋ยเสริม การดูแลเพียงรดน้ำเช้าและเย็น คอยดูแลถอนวัชพืชที่ขึ้นมาแซม โดยใช้เมล็ดแก่ของกะเพราและโหระพา โรยไปริมทางรถไฟประมาณ 1 เดือน ก็เริ่มโตพอที่เก็บได้ โดยจะเด็ดก้านกิ่งที่จะนำไปขาย ส่วนต้นจะแตกกิ่งก้านขึ้นมาใหม่ สามารถเก็บได้หลายรอบจนกว่าต้นจะแก่อายุ 3 เดือนก็จะโละทิ้ง จากนั้นลงมือปลูกใหม่ ทำแบบนี้ตลอดปี

สำหรับกะเพราและโหระพา ที่เก็บมาแล้ว ก็จะนำมาล้างทำความสะอาด มัดเป็นห่อไว้ มีลูกค้าขาประจำมารับที่บ้านขายกิโลกรัมละ 30 บาท ในช่วงที่ออกมากๆ เก็บขายได้วันละ 50 กิโลกรัม รวมถึงมัดเป็นกำเล็ก สำหรับให้แม่ค้าในตลาดสดมารับซื้อไปขายต่อ โดยขายกำเล็กกำละ 3 บาท แม่ค้ามารับไปขายในตลาดสดกำละ 5 บาท เฉพาะกะเพราและโหระพา ก็เป็นรายได้เสริมเข้าครอบครัวอย่างดีมีรายได้เดินละ 10,000-30,000 บาท ตนและภรรยาไม่ได้ใช้เงินมาก แต่เก็บเอาไว้ช่วยลูกๆ ที่กำลังตั้งตัว

“ยังมีพืชอีกหลากหลายชนิด ที่ผมปลูกผสมกันไปในพื้นที่นี้ ค่อยๆ ออกผลผลิตและขาย แบ่งให้เพื่อนบ้านบ้าง ทั้งพริก มะเขือ มะเขือพวง บวบ กล้วย มะม่วง มะนาว ส่วนอนาคต หากการรถไฟขยายทางคู่ ก็ไม่เป็นไร ก็พร้อมที่จะย้ายออก” นายสังเวียน กล่าว

ส่วนนางวนิดา ภรรยานายสังเวียน กล่าวว่า ใช้เวลาช่วงเช้าและเย็นไปรดน้ำ เก็บใบกะเพรา ใบโหระพา มามัดเป็นกำรอให้ลูกค้ามารับ ช่วงกลางวันก็ช่วยลูกๆ ดูแลร้านขายของชำ ถ้าเราขยันทำมาหากิน อยู่ที่ไหนก็ไม่อดตาย มีลูกค้ามาซื้อของหลายรายมาเห็นครอบครัวตนปลูก ก็นำกลับไปเป็นแบบอย่าง สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวได้ด้วย ช่วงที่ออกมากๆ มีเงินเข้าครอบครัวถึงเดือนละ 30,000 บาท

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์