เอาบ้าน-อพาร์ตเมนต์ทำที่พักหารายได้กันเถอะ

กระแสการท่องเที่ยวยุคใหม่ นักท่องเที่ยวมักนิยมเดินทางท่องเที่ยวเอง (เอฟไอที) กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวได้มากกว่าแล้ว ยังทำให้เราสามารถวางแผนการท่องเที่ยว เลือกเที่ยวสถานที่ที่อยากไป เที่ยวได้ตามใจตัวเอง ไม่ต้องตามใจทัวร์

ทางเลือกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เลือกใช้คือ สถานที่พักแรมที่มีความสะดวกสบายและราคาไม่แพง หนึ่งในนั้นก็คือ โฮมสเตย์ หรือโรงแรมขนาดเล็ก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพักรวมอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกับเจ้าของบ้านหรือคนละชายคากันก็ได้ (แล้วแต่ขนาดที่พัก) และจากกระแสความนิยมดังกล่าวทำให้เจ้าของสถานที่ที่มีหัวคิดทันสมัยมีการนำบ้านหรืออพาร์ตเมนต์มาดัดแปลงเป็นโฮมสเตย์และโรงแรมกันมากขึ้น

แต่การดำเนินการดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาถือว่าผิดพ.ร.บ.โรงแรม เพราะไม่มีการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย และลักษณะห้องพักรวมทั้งส่วนประกอบต่างๆ ตั้งแต่ทางเดิน ที่จอดรถและอื่นๆ อีกจิปาถะไม่ถูกต้องหรือไม่ได้มาตรฐาน หรือมีไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายโรงแรมระบุไว้ และบางแห่งผิดกฎหมายควบคุมอาคาร เพราะมีการใช้อาคารผิดประเภท

แต่ในยุคที่โลกไร้พรมแดน การห้ามปรามก็เหมือนยิ่งยุให้เกิดการดัดแปลงอาคารเพื่อนำมาทำที่พักในลักษณะนี้กันมากขึ้น ส่งผลให้ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ออกกฎกระทรวงเพื่อผ่อนปรนให้เจ้าของบ้านหรืออพาร์ตเมนต์สามารถนำบ้านหรืออาคารมาดัดแปลงเป็นที่พักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้

โดย คุณอนวัช บูรพาชน วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า กฎหมายโรงแรมและกฎหมายควบคุมอาคารเป็นกฎหมายที่มีความสัมพันธ์กันและเกี่ยวข้องกัน ลักษณะที่พักอาศัยให้เช่าบางประเภทจึงยังไม่เข้าเกณฑ์การเป็นโรงแรมตามกฎหมาย อาทิ พื้นที่ใช้สอย จำนวนห้อง ผังเมือง ที่จอดรถ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เนื่องจากเป็นการดัดแปลงบ้านให้เป็นโฮมสเตย์หรือเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ซึ่งกรมโยธาฯ มองเห็นปัญหาดังกล่าวจึงต้องออกกฎเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยเหล่านี้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร และต้องมีการจดทะเบียนให้ถูกต้อง โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา กรมโยธาฯ ได้ออก “กฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2559” โดยมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกันยายน 2559 ที่ผ่านมา

“กฎกระทรวงฉบับนี้ มีขึ้นเพื่อต้องการผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อาทิ ช่องทางเดินในอาคารมีความกว้างไม่น้อยกว่า 1.20 เมตร จากเดิมที่กำหนดความกว้างว่าจะต้องไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร เรื่องบันไดหนีไฟ และมาตรการความปลอดภัยบางประการ เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิด ที่จอดรถ เป็นต้น ซึ่งทำให้ง่ายต่อการปรับบ้านให้เป็นโฮมสเตย์ได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยอาคารที่สามารถนำมาดัดแปลงและดำเนินการได้ง่ายที่สุดคือ การดัดแปลงอพาร์ตเมนต์เพื่อทำเป็นโรงแรมขนาดเล็ก”

กฎกระทรวงฉบับนี้จะใช้กับอาคารที่มีอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ (หมายถึง อาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนเดือนกันยายน 2559) และจะเปลี่ยนการใช้อาคารมาประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม เฉพาะสำหรับประเภทโรงแรมที่ให้บริการเฉพาะห้องพัก และโรงแรมที่ให้บริการห้องพักและห้องอาหาร หรือสถานที่สำหรับบริการอาหารหรือสถานที่สำหรับประกอบอาหาร

กฎกระทรวงฉบับนี้มีอายุการใช้บังคับ 5 ปี โดยกำหนดให้ต้องดำเนินการยื่นขอรับใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี

ส่วนกรณีที่ต้องมีการดัดแปลงอาคารมาก่อนแล้ว จะต้องมายื่นขอรับใบอนุญาตการเปลี่ยนแปลงการใช้อาคาร หรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร (คือก่อสร้างก่อนได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง) ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ

ในการขอรับใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารมาประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎกระทรวงฉบับนี้ อาคารจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย เช่น มีที่ว่างของอาคารไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นที่ชั้นใดชั้นหนึ่งที่มากที่สุดของอาคาร มีขนาดช่องทางเดินในอาคารกว้างไม่น้อยกว่า 1.00 ถึง 1.50 เมตร ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพัก หน่วยน้ำหนักบรรทุกจรของบันไดและช่องทางเดินไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร ลักษณะของบันไดหนีไฟสำหรับอาคารตั้งแต่ 4 ชั้นขึ้นไป เป็นต้น

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ใฝ่ฝันอยากมีโรงแรม หรือใครที่มีบ้านว่างๆ พื้นที่เหลือเฟือ อยากเปิดรับนักท่องเที่ยว เพื่อหารายได้จากผู้ที่มาเยือน ก็รีบดำเนินการก่อนที่กฎกระทรวงฉบับดังกล่าวหมดอายุใน 5 ปี ไม่เช่นนั้นอาจจะอด เพราะเวลาเดินทางรวดเร็วเหลือเกิน ส่วนใครที่ทำไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ขออนุญาตก็รีบดำเนินการโดยเร็วด้วยเช่นกัน หากชักช้าปล่อยให้หมดอายุไปก่อน ถึงวันนั้นแล้วอาจจะเสียใจ เพราะภาครัฐมีนโยบายที่จะเอาโรงแรม ที่พัก โฮมสเตย์ หรือเกสต์เฮ้าส์ต่างๆ ที่ดำเนินการผิดกฎหมายโรงแรม เพราะไม่จดทะเบียนให้ถูกต้อง เข้าระบบให้หมด ซึ่งจากตัวเลขปัจจุบัน ที่พักในลักษณะนี้ทั่วประเทศมีอยู่กว่า 10,000 แห่ง

นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับประชาชนคนทั่วไปที่มีที่พักเหลืออยู่เหลือใช้ หรือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อยากลองทำธุรกิจให้เช่าที่พัก  ถือว่าเป็นโอกาสในการทำธุรกิจที่ดีอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ อย่ากลัวว่าเมื่อเข้าระบบถูกต้องแล้ว จะต้องเสียภาษีหรือเสียค่าใช้จ่ายยุ่บยั่บ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ยุ่งยากหรือไม่ได้มากมายอย่างที่คิด ยอมจ่ายภาษีดีกว่าที่จะทำธุรกิจแบบเทาๆ แอบเลี่ยงกฎหมาย เพราะการโดนข่มขู่เรียกเก็บเบี้ยบ้ายรายทาง เผลอๆ จะมากกว่าภาษีเสียอีก

เข้าตำรา เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย!!

นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการเปิดโอกาสให้ประชาชน หรือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้มาลองทำธุรกิจ และถือเป็นการกระจายรายได้ที่ดีอีกช่องทางหนึ่ง