อดีตพนักงานเกษียณ บริษัท การบินไทย จำกัด คุณบำรุง พงษ์พุฒ ผันตัวจับจอบ จับเสียม เป็นเกษตรกรปลูกบวบเหลี่ยม ระบบน้ำหยด 5 ไร่ เก็บผลผลิตขายรับทรัพย์ได้ทุกวัน วันละ 2,000 บาท อนาคตเตรียมขุดบ่อน้ำกลางนา ขยายพื้นที่ปลูกผักเพิ่ม หวังสร้างรายได้ยั่งยืน

ณ บ้านเลขที่ 35 หมู่ 2 ตำบลพระงาม อำเภอพรหม จังหวัดสิงห์บุรี คุณบำรุง พงษ์พุฒ อดีตรองผู้จัดการ แผนกแคเทอริ่ง บริษัท การบินไทย จำกัด เผยกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า ปัจจุบันอายุ 64 ปี หลังเกษียณอายุ กลับมาทำนาที่บ้านเกิด จังหวัดสิงห์บุรี 30 ไร่ ลงทุนเกือบ 200,000 บาท ทว่าผลตอบแทนไม่เป็นที่พอใจ เลยตัดสินใจปล่อยพื้นที่นาร้าง แล้วหันมาใช้พื้นที่ว่างใกล้บ้าน ประมาณ 2 งาน ปลูกแตงกวา มะระจีน และตามด้วยบวบเหลี่ยม ซึ่งผลผลิตเป็นที่น่าพอใจมาก เก็บขายได้ทุกวัน รายได้ดีกว่าตอนทำนา

“ผมทดลองปลูกบวบเหลี่ยมครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2559 บนพื้นที่ 5 ไร่ เงินลงทุนปลูกบวบเหลี่ยมครั้งแรกราว 10,000 บาท เป็นค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ระบบน้ำหยด”

สำหรับเทคนิคที่ทำให้เมล็ดพันธุ์บวบเหลี่ยมงอกได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ คุณบำรุง ระบุว่า ต้องเพาะกล้าลงในถาดและดินสำหรับเพาะกล้า เป็นดินฆ่าเชื้อมาแล้ว ราคากระสอบละ 370 บาท  (15 กิโลกรัม)

ด้านขั้นตอนเพาะกล้า นำขุยมะพร้าวรองพื้น พรมน้ำให้ชุ่ม ใส่เมล็ดพันธุ์ลงไป นำผ้า หรือพลาสติกคลุมถาดไว้ 2 วัน ต้นกล้าจะโผล่ขึ้นมา มีใบจริงขึ้นสัก 2 ใบ ก็เอาไปลงปลูกในแปลง ใช้ 1 ต้นต่อ 1 หลุม

ในการดูแลบวบเหลี่ยม เกษตรกรบอกว่า ให้น้ำทุกวัน ด้วยระบบน้ำหยด วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น เปิดระบบน้ำหยดทิ้งไว้ครั้งละ 1 ชั่วโมง ดินจะค่อยๆ ชุ่ม ส่วนปุ๋ยในช่วงแรกจะใช้สูตร 16-16-16 ใส่ทุกๆ 3 วัน ฉีดพ่นฮอร์โมนอาหารเสริมสัปดาห์ละครั้ง

การเก็บผลผลิต คุณบำรุง กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มเพาะกล้า จนกระทั่งเก็บขาย ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 38 วัน บวบ 1 ลูกน้ำหนักราว 6 ขีด ช่องทางจำหน่ายจะมีแม่ค้าจากตลาดสี่มุมเมือง และตลาดไท มารับซื้อที่บ้านช่วง 6-7 โมงเช้าของทุกวัน โดยจะตัดบวบในช่วงเย็นแล้วเอามากองรวมกัน นำผ้าชุบน้ำคลุมเพื่อไม่ให้ขั้วแห้ง เพื่อจะได้คงความสด ราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท

สำหรับผลผลิตบวบครั้งแรก ราว 12,000 ตัน คุณบำรุง เผยกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า ขายได้ 70,000 บาท ทว่าในแต่ละวันก็ยังสามารถตัดบวบขายได้ จับเงินทุกวัน วันละ 2,000 บาท เป็นอย่างน้อย

“ผมคิดเสมอว่าตัวเองตัดสินใจมาทำเกษตรช้าไป ถ้ามาทำเร็วกว่านี้  น่าจะมีรายได้ดีกว่าตอนทำงานประจำ และได้ค้นพบตัวเองอีกว่า เกษตรทำแล้วมีความสุข เหนื่อยก็หยุดได้ ไม่เหมือนทำงานออฟฟิศต้องตามกฎระเบียบ” เกษตรกรน้องใหม่ ทิ้งท้าย