สร้างอาชีพจากสัตว์สวยงาม”ไก่แจ้เลิฟลี่” ล้วงเทคนิคจากกูรูประสบการณ์ 30 ปี

“ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าอยากจะเลี้ยง” คุณสนธยา ชาติประสบโชค ผู้คร่ำหวอดในวงการไก่แจ้ไทยมานานเกือบ 30 ปี  ซึ่งการที่คุณสนธยายืนยันเช่นนี้ ก็หมายถึง หากต้องการเลี้ยงไก่แจ้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าคนที่ต้องการเลี้ยงมีความตั้งใจจริง

คุณสนธยา เป็นชายวัยกลางคน มีความสนใจและรักสัตว์ปีกมาตั้งแต่เด็ก จริงจังที่สุดก็คือ การเลี้ยงไก่แจ้ แม้กระทั่งตอนที่เรียกตัวเองว่าเป็นการเลี้ยงเล่น ยังมีไก่แจ้ที่เลี้ยงไว้เกือบ 400 ตัว โดยไม่เคยผ่านวงการประกวดไก่แจ้มาก่อน เพราะในยุคนั้นการติดต่อสื่อสารและส่งข่าวสารเรื่องของการจัดงานประกวด การซื้อขาย เป็นไปด้วยความยาก ไม่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน คุณสนธยาจึงเป็นเพียงผู้รักและผู้เลี้ยง ที่มีไก่แจ้ไว้ในครอบครองที่เริ่มจากความชอบเท่านั้น

คุณสนธยา ชาติประสบโชค

“ผมเริ่มเลี้ยงจริงๆ ราว 30 ปีก่อน เลี้ยงไปเรื่อยเปื่อย ซื้อทุกสี เก็บไปเรื่อยๆ จนมีไก่แจ้สะสมไว้เกือบ 400 ตัว ตลอดเวลาที่เลี้ยงก็ศึกษาเรื่องของการเลี้ยงไก่แจ้ เห็นว่ามีการประกวด แต่ด้วยการสื่อสารที่ไม่ทันสมัย ทำให้ไม่ค่อยรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวในวงการประกวดไก่แจ้ จึงไม่ได้สนใจนัก กระทั่งวันหนึ่งเมื่อศึกษาลงลึกในรายละเอียดของมาตรฐานไก่แจ้ จึงหันมามองดูไก่แจ้ของตนเอง แล้วเห็นว่า ไก่แจ้หลายตัวที่เลี้ยงไว้ได้มาตรฐานตามสายพันธุ์ไก่แจ้ จึงตัดสินใจเดินหน้าเข้าประกวด ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา”

หลังการเดินหน้าเข้าประกวด ทำให้คุณสนธยาติดใจการทำไก่แจ้เข้าประกวด โดยคุณสนธยา บอกว่า ไก่แจ้ที่ผ่านการประกวดและได้รับรางวัลมา เป็นไก่แจ้ที่ได้มาตรฐานตามสายพันธุ์ มีความสวยงาม ควรค่าแก่การอนุรักษ์ จึงต้องการเพาะขยายพันธุ์เฉพาะไก่แจ้ที่ได้รางวัลจากการประกวด เมื่อผนวกกับความชอบโดยพื้นฐานของตนเองแล้ว พบว่า ตนเองชอบไก่แจ้เพียง 3 สี ได้แก่ ขาว ขาวหางดำ และป่าเหลือง

ไก่แจ้ขาว
ไก่แจ้ขาวหางดำ
ไก่แจ้ป่าเหลือง

ยิ่งเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ความสามารถในการดูแลไก่แจ้ให้ทั่วถึงลดลง ประกอบกับเผชิญปัญหาไข้หวัดนกระบาดในยุคก่อนหน้านี้ ทำให้ต้องยุติการเลี้ยงไก่แจ้ลงเป็นเวลายาวนานถึง 10 ปี ก่อนจะกลับมาเริ่มเลี้ยงใหม่และเดินหน้าเข้าประกวดดังเช่นที่ผ่านมา

“หลังๆ มา ผมเริ่มขายพ่อแม่พันธุ์และไก่แจ้สีอื่นเท่าที่มีให้กับลูกค้าไปจนหมด เหลือไว้เพียง 3 สีที่ชอบ และตั้งใจว่าจะพัฒนาให้ดี แม้จะทราบดีว่า ไก่แจ้ที่มีลักษณะถูกต้องตามมาตรฐาน เป็นไก่แจ้ที่ได้รับยีนด้อยมามาก จึงเกิดลักษณะดังกล่าว ซึ่งเมื่อยีนด้อยอยู่ในร่างกายไก่มาก ก็หมายถึงจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและใส่ใจในการดูแลให้มากกว่าปกติ อย่างคอกหนึ่งได้ไข่จำนวน 12 ใบ ฟักเป็นตัวได้ถึง 5 ใบ ผมก็ถือว่ามากแล้ว และในจำนวน 5 ใบ อาจมีหลงขายาวออกมาก็ได้ แต่ส่วนมากร้อยละ 90 จะได้ไก่แจ้ตามมาตรฐาน”

ทำสัญลักษณ์ที่ไข่ไว้ รอเข้าตู้ฟัก
ตู้ฟัก

คุณสนธยา บอกว่า การเพาะพันธุ์ไก่แจ้ แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อต้องการเพาะเฉพาะไก่แจ้ประกวด ก็ต้องยอมรับว่า จำนวนลูกไก่แจ้ที่เพาะได้ มีอัตราการรอดไม่มากนัก และในจำนวนอัตราการรอดที่ไม่มากนัก อาจมีไก่แจ้ขายาว ซึ่งไม่ตรงตามคุณลักษณะที่ได้มาตรฐานของไก่แจ้หลงเหลือออกมาได้เช่นกัน แต่เมื่อถามว่า เพราะเหตุใดคุณสนธยาจึงเลือกเพาะพันธุ์เฉพาะไก่แจ้ประกวด คุณสนธยา บอกว่า ราคาไก่แจ้ทั่วไปและไก่แจ้ประกวด ในบางครั้งต่างกันถึง 5 เท่า คุณสนธยาจึงเลือกเพาะไก่แจ้ประกวดดีกว่า แม้ว่าจะต้องเพิ่มการดูแลให้ใกล้ชิดมากกว่าไก่แจ้ทั่วไปก็ตาม

ลูกไก่ อายุ 1 เดือน

สำหรับการดูแลไก่แจ้ ของเลิฟลี่ บางพลี ฟาร์มไก่แจ้ที่คุณสนธยาตั้งชื่อไว้ให้เรียกนั้น คุณสนธยาเผยเทคนิคการดูแล ดังนี้

อาหาร ควรเปลี่ยนทุกวันและให้เท่าที่พอกิน เพราะสัญชาตญาณของไก่จะคุ้ยเขี่ยเมื่อกินอาหาร หากอาหารมากเกินจำเป็น จะคุ้ยเขี่ยจนตกหล่นไปที่พื้น เมื่อถ่ายของเสียลงที่พื้น อาหารก็จะคลุกไปกับของเสีย หากไก่จิกกินจะทำให้สุขภาพไม่ดี ควรทดลองให้อาหารไก่ในปริมาณน้อย หากกินหมดก็เพิ่มปริมาณให้ในวันรุ่งขึ้น ทำเช่นนี้ไปจนกว่าอาหารจะเหลือ ในวันถัดไปจึงลดปริมาณอาหารลงให้พอดี

น้ำ ให้ไว้ตลอดเวลา แต่ไม่หยดวิตามินบำรุงหรือป้องกัน อย่างที่คุณสนธยาบอกว่า ไก่แจ้ประกวด คือไก่แจ้ที่มียีนด้อยในตัว ความอ่อนแอมากกว่าไก่แจ้ทั่วไป คุณสนธยาต้องการให้ไก่แจ้แสดงอาการออกมาเมื่ออ่อนแอหรือมีอาการป่วย โดยไม่ใช้วิตามินหรือยาป้องกันใดๆ และหากไก่แจ้แสดงอาการออกมา ก็จะให้การรักษาดูแล

กรง สำหรับไก่แจ้ประกวด ควรใช้กรงฟอร์ม ขนาด 60×60 เซนติเมตร หรือใหญ่กว่า แต่ถ้าเป็นเกรดเลี้ยงเล่นทั่วไป แนะนำว่า กรงจะมีขนาดใดก็ได้ แต่ควรมีพื้นที่สำหรับปล่อยให้ไก่ได้เดินเล่นเท่านั้นก็เพียงพอ นอกจากนี้ ภายในกรงอาจมีของเสียที่ไก่ขับถ่ายออกมา โดยปกติจะทำความสะอาดกรงสัปดาห์ละครั้ง และเปลี่ยนแกลบใหม่ให้เดือนละครั้ง เหตุผลที่ใช้แกลบ เพราะไม่ต้องล้าง ไม่ต้องร่อน ไม่ต้องตากแดด เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนก็เปลี่ยนใหม่และราคาไม่สูง

กรงพ่อแม่พันธุ์

การอาบน้ำ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับไก่แจ้เช่นกัน เพราะจะมีไรที่เกาะอยู่ตามพื้นและกรง ซึ่งหากไก่ไม่อาบน้ำก็จะเกาะติดที่ตัวไก่ ทำให้ไก่เป็นโรคผิวหนังหรืออื่นๆ ได้ โดยการอาบน้ำที่เหมาะสมไม่ควรอาบน้ำนานเกินไปและไม่ควรบ่อย เช่น พ่อแม่พันธุ์ควรอาบน้ำเดือนละครั้ง ยกเว้นไก่ประกวดจะอาบน้ำก่อนการประกวด ซึ่งเมื่ออาบน้ำให้ไก่ประกวดก็จะอาบให้กับไก่แจ้ที่เลี้ยงในฟาร์มด้วยเช่นกัน

หลังการอาบน้ำ ฟอกทำความสะอาด ล้างตัวให้กับไก่แจ้แล้ว ควรแช่ยากำจัดเห็บหมัด โดยนำไก่ลงจุ่มในน้ำยาแล้วยกขึ้น ใช้ผ้าห่อตัวไก่ไว้ แล้วนำไปวางตากแดดไว้ 10-20 นาที จากนั้นนำไก่มาเช็ดและไดร์ขนให้แห้ง

ในทุกวัน คุณสนธยาจะเดินดูไก่ตอนเช้าอย่างพินิจ หากพบว่าไก่แจ้ตัวใดมีอาการผิดปกติจะนำออกมารักษา หลังสังเกตอาการไก่ทุกตัวแล้วจะปล่อยไก่ออกเดินกลางแดด เพื่อให้ได้วิตามินจากแสงแดด ซึ่งแสงแดดในยามเช้าไม่ร้อนมาก หากแสงแดดร้อนมาก ไก่จะเกิดอาการหอบถึงตายได้ เฉลี่ยการปล่อยไก่ให้เดินเล่นตากแดด ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง โดยเฉพาะฤดูร้อน เพียง 10 นาที ก็ถือว่านานแล้ว

ปล่อยไก่ตากแดด รับวิตามิน

ในการผสมพันธุ์ จะนำพ่อแม่พันธุ์ใส่กรงไว้ด้วยกัน กรงสำหรับผสมพันธุ์มีขนาดกว้างมากเท่าไรยิ่งดี เพื่อให้ไก่ไม่เครียด เมื่อได้ไข่ก็เก็บมารอเข้าตู้ฟัก คุณสนธยา บอกว่า แม้ว่าการฟักไข่ตามธรรมชาติของแม่ไก่จะดีอยู่แล้วก็ตาม แต่เพื่อลดความเสี่ยงลง จึงนำเข้าตู้ฟักทุกๆ 5 วัน เพื่อให้ลูกไก่ฟักออกมาพร้อมๆ กัน อีกทั้งระหว่างรอเข้าตู้ฟัก คุณสนธยาจะหมั่นกลับไข่ทุกวันให้เสมือนแม่ไก่กกไข่เอง หลังเข้าตู้ฟักแล้ว 5 วัน ต้องส่องดูเชื้อในไข่ หากไม่มีก็คัดออก

ชื่อของคุณสนธยาเป็นที่รู้จักในเรื่องของไก่ประกวด แม้ว่าคุณสนธยาจะเพาะเพียง 3 สีก็ตาม แต่ถ้าลูกค้าต้องการสีอื่น และสอบถามมาทางคุณสนธยา คุณสนธยาก็ยินดีเป็นตัวกลางหาไก่แจ้สีอื่นตามที่ลูกค้าต้องการให้

หงอนเป็นแฉกชัดเจน

“โดยปกติ ลูกค้าจะสั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊ก แต่ผมอยากให้ลูกค้ามาเห็นพ่อแม่พันธุ์ด้วยตัวเองก่อน แม้ว่าจะไว้ใจผมก็ตาม เพราะไก่ทุกตัวจะมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน มีความแตกต่าง จะความโดดเด่นที่ไม่เหมือนกัน การถ่ายรูปลงเฟซบุ๊กก็เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นไก่ในปัจจุบัน แต่ถ้าจะตัดสินใจซื้อ อยากให้มาเลือกที่ฟาร์ม นอกจากนี้ ผมยังให้เครดิตกับลูกค้าที่เดินทางมาดูไก่ที่ฟาร์มเลือกก่อน หากถูกใจตัวไหนก็ซื้อไปได้เลย แต่ถ้ากรณีที่สั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊กและไม่ได้เดินทางมาดูด้วยตนเอง ผมต้องชัดเจนเรื่องความต้องการของลูกค้าว่าต้องการไก่แจ้แบบไหน และต้องรอให้ได้ไก่ตามลักษณะที่ลูกค้าต้องการ จึงจะขายให้ ทำให้ตอนนี้มียอดจองคิวซื้อไก่แจ้ยาวหลายเดือน จึงแนะนำว่า หากสามารถไปเลือกถึงฟาร์มได้ ก็จะได้โอกาสในการซื้อมากกว่า”

พ่อพันธุ์ไก่แจ้ขาวหางดำ

ลูกค้าของฟาร์มไก่แจ้เลิฟลี่ บางพลี ไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น มีลูกค้าจากต่างประเทศสั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊ก คุณสนธยาก็จะคัดไก่ให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ในบางครั้งลูกค้าจากต่างประเทศก็มาเลือกไก่แจ้เองที่ฟาร์ม เช่น คูเวต เป็นประเทศที่เดินทางมาเลือกไก่ที่ฟาร์มบ่อยที่สุดและซื้อครั้งละจำนวนมาก หรือบางครั้งซื้อเป็นไข่ไก่ไปก็มี

“สำหรับไข่ไก่ ถ้าลูกค้าต้องการซื้อเป็นไข่ไป ผมก็ไม่ขัดข้อง เพราะไข่ไก่ของผม ผมจะทำสัญลักษณ์ไว้ว่าพ่อแม่ตัวไหน แต่ผมจะไม่รับผิดชอบหากลูกไก่ฟักมาแล้วลักษณะไปได้มาตรฐานไก่แจ้ไปทุกอย่าง แต่มั่นใจได้เลยว่า ไก่มีอัตราการรอดและได้ลักษณะตามมาตรฐานไม่ต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์”

ลูกไก่ที่จะออกจากฟาร์มเลิฟลี่ บางพลี จะต้องมีอายุ 2-3 เดือน เพราะฟอร์มไก่เริ่มออก จะดูได้ชัด แต่ถ้าลูกค้าต้องการลูกไก่อายุต่ำกว่านั้นก็แล้วแต่ลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่เข้ามาเลือกที่ฟาร์ม เพราะต้องให้โอกาสกับคนที่มาเห็นตัวไก่ก่อน แต่ทั้งนี้ ก็ต้องเป็นลูกค้าที่เคยเลี้ยงไก่มาก่อนด้วย เพราะถ้าไก่ยังเล็กเกินไปแล้วลูกค้าไม่มีความรู้มากพอในการเลี้ยงไก่ ก็อาจทำให้ไก่ตายได้

เลิฟลี่ บางพลี ฟาร์มไก่แจ้สวยงามฟาร์มนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกล คุณสนธยาเองก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์การเลี้ยงไก่แจ้มานานเกือบ 30 ปี ยินดีให้คำแนะนำสำหรับผู้เลี้ยงไก่แจ้ทุกคน หากต้องการแวะไปเยี่ยมชมฟาร์ม สามารถแวะไปได้ที่ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หรือติดตามความเคลื่อนไหวไก่แจ้ของฟาร์ม ได้ที่เฟซบุ๊ก Sonthaya Chatprasobchock หรือโทรศัพท์นัดหมายได้ที่ (087) 325-3459