เผยแพร่ |
---|
สุข หรือ เศร้า ให้เรารับฟัง บทบาทของ นักจิตวิทยาคลินิก อาชีพของสาววัย 26
ในวันที่ฉันป่วย…สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปัญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ และไม่สามารถจัดการปัญหาที่มีจนปล่อยไว้เป็นระเบิดเวลา อาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการทางจิต
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของ “นักจิตวิทยา” ผู้รับฟังที่จะสามารถพาเราผ่านช่วงเวลานั้นให้ผ่านไปได้

คุณโพสต์-ปนัสยา จิระกุลสวัสดิ์ นักจิตวิทยาคลินิก วัย 26 ปี เล่าจุดเริ่มต้นของการทำอาชีพนี้ให้ฟังว่า เธอเริ่มสนใจเกี่ยวกับความแตกต่างและพฤติกรรมของมนุษย์ สภาพแวดล้อม รักสัตว์ ชอบรับฟังคนในครอบครัวเพราะคือลูกสาวและเป็นพี่สาวคนโตของบ้าน
ประกอบกับนักจิตวิทยายังไม่แพร่หลายหรือนิยมมากในกลุ่มของการประกอบอาชีพ เธอจึงเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจิตวิทยา และตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในคณะจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

โดยหน้าที่ของนักจิตวิทยาคลินิกที่คุณโพสต์ดูแลคือ กลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยนักจิตวิทยาคลินิกจะทำงานร่วมกับจิตแพทย์ ซึ่งมี 2 แบบ 1. จิตบำบัด คือการให้คำปรึกษาคนไข้ ในลักษณะของการหาสาเหตุที่เกิดเป็นภาวะกระตุ้นอาการ จึงเป็นวิธีพูดคุยและหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน รวมถึงมีการปรับพฤติกรรมและความคิด 2. การรักษาแบบปรับพฤติกรรมทั้งทางกาย และความคิดเพื่อดูสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการของผู้ป่วย
เมื่อถามถึงเคสที่เป็นความทรงจำ นักจิตวิทยาสาวแชร์ประสบการณ์ที่เจอให้ฟังว่า “ในเคสที่เป็นความทรงจำ นักจิตวิทยาเลือกมองที่แรงจูงใจ เป้าหมายของการเข้ารับการปรึกษา เมื่อเกิดพัฒนาการด้วยตัวคนไข้ที่ปรับร่วมกันกับนักจิตวิทยา จะทำให้อาการคลี่คลายและเบาบางลงจากที่เป็น
และในส่วนของกลุ่มคนไข้ที่ญาติผู้ป่วยเป็นคนพามาพบ บางทีไม่สามารถเข้าถึงกันได้มากนัก และ คิดว่าผู้ป่วยยังไม่ค้นพบแรงจูงใจที่จะหาย จึงมองว่าเป็นเคสที่เคยเจอมาและมีความยากพอสมควร”

หากนักจิตวิทยามีอารมณ์ร่วมจะทำอย่างไร คุณโพสต์ แชร์ให้ฟังว่า “วิธีจัดการของนักจิตวิทยา เคสที่เคยมีอารมณ์ร่วมจะเป็นเคสที่รู้สึกเป็นเคสที่จัดการยาก เคสที่มีความสิ้นหวัง คนไข้ดิ่ง ไม่มีแรงจูงใจที่อยากจะหายจากอาการ โดยมักบอกตัวเองที่เป็นนักจิตวิทยาว่าจะพยายามทำให้เต็มที่ทุกเคส
และในส่วนของเคสที่นักจิตวิทยารู้สึกดีมักจะง่ายต่อการจับประเด็น และเห็นสิ่งที่เป็นการพาคนไข้ไปถึงจุดหาทางออกร่วมกันได้ และความรู้สึกของการไม่คาดหวังแต่ได้รับมากเกินที่ตั้งความหวัง และดูเป็นเรื่องราวดีๆ ของคนไข้ที่ได้รับจากนักจิตวิทยานั้นถือเป็นการเจอ Happy Case เป็นโมเมนต์ที่ดีในวันนั้นของเรา”

ปัจจุบันหากประเมินคร่าวๆ มีนักจิตวิทยาประมาณ 1,200-1,300 คน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการเข้าถึง เพราะส่วนมากนักจิตวิทยาประจำโรงพยาบาลจะมีไม่เกิน 10-30 ท่าน ที่เป็นนักจิตวิทยาประจำแผนกจิตเวช ประจำโรงพยาบาล หรือคลินิกจิตเวช
“สำหรับน้องๆ ที่สนใจสามารถเรียนสายวิทย์ คณิต หรือ สายศิลป์ ที่มี GAT จะสามารถเป็นใบเบิกทางสำหรับอาชีพนักจิตวิทยาได้” คุณโพสต์ แนะนำ
สุดท้ายนี้ อาการแบบไหนที่ควรพบนักจิตวิทยา คุณโพสต์ บอกว่า 1. รู้สึกถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป 2. กิจวัตรที่ทำประจำ มีความช้าลง ไม่มีสมาธิ 3. ไม่อยากไปเรียนหรือไปทำงาน 4. มีปัญหาคุณภาพการนอน นอนไม่หลับ วิตกกังวลบ่อย 5. ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และมีอารมณ์เศร้า 6. ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่พบใคร ฉุนเฉียว 7. เริ่มชอบความรุนแรง ไม่ปฏิเสธความรุนแรง
สำหรับคุณโพสต์จะประจำการทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 10.00-20.00 น. Me Center ชั้น 2 Crystal Design Center โทร. 085-355-2255