อดีต “เภสัชกร” ขายผ้าพันคอในเฟซบุ๊กวันละ 1 ชั่วโมง 3 ปี รับทรัพย์ 100 ล้าน

อดีตผู้แทนยาสาวสวย ภญ.โสภา พิมพ์สิริพานิชย์ หรือ “โซอี้” ที่แต่ละวันต้องรอพบคุณหมอเพื่อพรีเซ้นต์และอัพเดทข้อมูลยา นับเป็นงานที่สร้างรายได้ค่อนข้างสูง กระทั่งวันหนึ่งเธอป่วยเป็นซีสต์ เลยตัดสินใจลาออกไปสร้างธุรกิจส่วนตัวด้วยการขายผ้าพันคอ     ในโลกออนไลน์ จากกิจการเล็กๆ ที่ใช้เวลาขายเพียงวันละ 1 ชั่วโมง ระยะเวลาเพียง 3 ปี ปัจจุบันสามารถเปิดช็อปในห้างหรู ตลอดจนส่งขายต่างประเทศ รายได้ปี 58 ทะลุ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว

คุณโซอี้ เล่ากับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า ทำงานเป็นผู้แทนยาได้ 4 ปี หลังจากป่วยเป็นเนื้องอก ก็เลือกกลับไปรักษาตัว จากนั้นไม่นานนักแต่งงานมีครอบครัว พอจะมีเวลาว่างเลยสร้างอาชีพเสริมด้วยการขายผ้าพันคอ “โซอี้สคาร์ฟ”ออกแบบเอง ขายในโซเซียลมีเดีย ทั้งเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และไลน์ อาศัยซื้อโฆษณาผ่านเฟสบุ๊ค ลูกค้าเลยรู้จัก ด้วยดีไซน์และสีสันของผ้าพันคอที่โดดเด่น สามารถประยุกต์เข้ากับเสื้อผ้าได้หลายสไตล์ ใช้ได้บ่อยตามที่สาวๆ ต้องการ เลยทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างล้มหลาม

“โดยส่วนตัวเป็นคนรักงานศิลปะ เลยนำศิลปะมาอยู่ในรูปแบบของผ้าพันคอ สาเหตุที่เลือกผ้าพันคอ เพราะเป็นแอกเซสซอรีคู่กายของสาวๆ สามารถใช้ได้บ่อยตามที่ต้องการ ยิ่งปัจจุบันถูกนำไปประยุกต์สวมใส่กับเสื้อผ้าชุดต่างๆ ส่วนลวดลายออกแบบเอง ไม่ใช่ภาพสำเร็จรูปจากอินเตอร์เน็ต วาดจากสีน้ำ สีไม้ งานละเอียดใช้เทคนิคพิมพ์ลายบนผ้า ส่วนผ้าใช้ผ้าซิลค์ซาตินพรีเมี่ยมให้ความรู้สึกเหมือนผ้าไหม เหมาะกับทุกสภาพผิว”

นอกจากความพิเศษที่เนื้อผ้าเกรดพรีเมี่ยม และสีที่ใช้พิมพ์ลายเป็นสีคุณภาพดี ซักแล้วสีไม่ตก ไม่ซีดการตัดเย็บก็พิถีพิถันมาก เนื่องจากผลิตจากผ้าที่มีความนุ่มลื่นดังนั้นจึงต้องมีความละเอียดในการตัดเย็บค่อนข้างมาก เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจทำให้เกิดตำหนิได้ และเมื่อเกิดตำหนิขึ้นแล้วนั้นก็จะต้องทิ้งไปไม่สามารถนำมาขายได้        

       

ด้วยลวดลายที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร “โซอี้สคาร์ฟ” ยังมีจุดเด่นที่นวัตกรรม ผ้าพันคอมีกลิ่นหอม ที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ทำให้กลิ่นหอมสามารถติดอยู่บนผ้าได้ถึงหนึ่งปี และบางรุ่นใช้นวัตกรรมผ้าเปลี่ยนตามอุณหภูมิ เมื่ออยู่ในที่ที่มีอากาศเย็น ผ้าก็จะอุ่นขึ้นอีกด้วย  เนื่องจากคุณภาพเนื้อผ้าที่ดีและมีลวดลายสีสันสวยสด ลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติต่างปลาบปลื้มมีทั้งอินโดนีเซีย จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น อเมริกา เวียดนาม ปัจจุบันโซอี้สคาร์ฟส่งสินค้าออกไปยังประเทศพวกนี้แล้ว

“เราส่งผ้าพันคอไปยังอินโดนีเซียจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น อเมริกา เวียดนาม ส่วนตลาดมาเลเซียไม่เหมาะเข้าไปเจาะตลาด เพราะคนมาเลเซียชอบใช้ผ้าที่มีลายเรียบๆ แบรนด์โซอี้สคาร์ฟค่อนข้างเน้นลวดลายและสีสัน อีกทั้งมีเรื่องของศาสนามาเกี่ยวข้องในเรื่องของการไม่ใช้ลวดลายสัตว์ประกอบบนผืนผ้า”

ด้านกลยุทธ์การตลาด คุณโซอี้ เผยกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า ผ้าพันคอโซอี้สคาร์ฟ จะออกงานแสดงสินค้าปีละ 2 ครั้ง เพื่ออัพเดทสินค้าใหม่ๆ ตลอด และกระตุ้นการจำหน่ายและการจดจำสินค้า ส่วนโปรโมชั่นเน้นแจกของแถม มากกว่าการลดราคา 

เราจะออกลายใหม่ๆ เฉลี่ยเดือนละ 1 คอลเลกชัน ส่วนลายเก่าก็จะเลิกผลิตไป ปัจจุบันปี 59 มี 4 โรงงาน กำลังการผลิตโรงงานละ 15,000 ผืน ขายในประเทศ 80 เปอร์เซ็นต์ ส่งออก 20 เปอร์เซ็นต์ ผลิตแบรนด์ตัวเอง 90 เปอร์เซ็นต์อีก 10 เปอร์เซ็นต์ผลิตให้กับแบรนด์อื่น”

สำหรับช่องทางจัดจำหน่าย เภสัชกรสาว ยังคงเลือกขายทางออนไลน์เป็นหลักซื้อโฆษณาผ่านเฟสบุ๊ค และเปิดหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม สยามดิสคัฟเวอรี่

ด้านกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ดังกล่าว เจ้าของธุรกิจ กล่าวว่า จะค่อนข้างเน้นไปในกลุ่มกลางบน ด้วยราคาค่อนข้างสูง จึงจับกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานอายุประมาณ 25-45 ปี เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาเป็นกลุ่มเจ้าของกิจการที่มีกำลังซื้อรวมถึงกลุ่มแม่บ้านด้วย

“ปัจจุบันการทำตลาดออนไลน์นับเป็นช่องทางที่เหมาะสมมาก เพราะเข้าถึงลูกค้าในทั่วทุกมุมโลก สามารถสำรวจกลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ด้วย ว่าเป็นกลุ่มใด อายุเท่าไร และเข้ามาดูในช่วงเวลาใดบ้าง อีกทั้งต้นทุนค่าโฆษณาก็ไม่สูง”

ในแง่คู่แข่งตลาดผ้าพันคอ คุณโสภา ให้มุมมองว่า แบรนด์โซอี้ ไม่มีคู่แข่ง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของแต่ละแบรนด์ผ้าพันคอนั้น ทุกคนต่างมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็เป็นคนละกลุ่มกัน

######