เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บริเวณถนนคนเดินอุดรธานี ที่ทางเทศบาลนครอุดรธานี ได้จัดให้มีขึ้นในระหว่างเวลา 17.00 -20.00 น.ทุกวันศุกร์และเสาร์ หลังจากทราบว่าฝั่งถนนพานพร้าว ได้มี 2 สามีภรรยา นำส้มตำมาแวงแผงขาย แต่ที่แปลกคือครกที่ใช้ตำส้มตำนั้นไม่เหมือนชาวบ้านทั่ว ๆ ไป คือเป็นครกยักษ์ จึงได้ไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบ 2 สามีภรรยากำลังตำส้มตำขายอยู่ ทราบชื่อคือ นายสมยศ ศรีภูวงศ์ อายุ 35 ปี และนางเพ็ญภักดิ์ ศรีภูวงศ์ อายุ 36 ปี โดยทั้ง 2 คนได้นำครกยักษ์ จำนวน 2 ใบ มาตำส้มตำ ขนาดของครกแต่ละใบนั้นน้ำหนักใบละ 30 กก.ความกว้างของปากครกใบละ 48 นิ้ว ทำให้ประชาชนที่มาเดินเที่ยวหรือซื้อของพบเห็น ก็พากันให้ความสนใจกัน ถ่ายรูปเซลฟี่กับความใหญ่โตของครก และได้ซื้อส้มตำกลับบ้านไปชิมกันเป็นจำนวนมาก

นางเพ็ญภักดิ์เปิดเผยว่า เดิมมีอาชีพ เป็นครูสอนเด็กอนุบาลอยู่โรงเรียนเทศบาล 12 กทม. สังกัด กทม.ได้เกือบ 1 ปี ส่วนสามีทำงานขายอาหารอีสานอยู่ใน กทม.เช่นกัน แต่เนื่องจากค่าครองชีพสูงลำบากมากในการใช้ชีวิต จึงคิดจะหาอาชีพใหม่ ต่อมาเมื่อตอนปีใหม่ ได้พากันไปเที่ยวบ้านเกิดของสามีที่บุรีรัมย์ เห็นคนแถวนั้นตำครกมองหรือครกกระเดื่องตำข้าวกัน สามีก็เกิดความคิดขึ้นมาที่จะทำครกยักษ์เพื่อนำไปตำส้มตำ แล้วเปิดร้านขาย

จึงได้สั่งทำครกยักษ์ขึ้นที่บุรีรัมย์ 2 ใบ น้ำหนักใบละ 30 กก.ความกว้างของปากครก 48 นิ้ว โดยเสียค่าครกใบละ 5,000 บาท จากนั้นจึงนำมาที่บ้านของตนที่อุดรธานี แล้วไปเปิดแผงขายส้มตำครกยักษ์ที่ถนนคนเดิน ที่ทางเทศบาลนครอุดรฯ เปิดให้ประชาชนทั่วไปมาเปิดแผงขายในทุกวันศุกร์และเสาร์ โดยได้มาเปิดขายเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ในการตำส้มตำนั้นจะนำเส้นมะละกอ มาตำส้มตำขายครั้ง 15 กก. ปรากฏว่าขายไปเพียง 2 ชั่วโมง ตำมะหุงขายหมดเกลี้ยง ได้เงินวันละ 3,000 -4,000 บาท โดยจะมีขายทั้งตำลาว, ตำปูปลาร้า, ตำไทย ,ตำป่า ,ตำมั่ว และตำขนมจีน เป็นต้น ก็ขอรับรองได้ว่ารสแซบทุกตำที่สั่ง

นางเพ็ญภักดิ์กล่าวต่อไปว่า ในขณะนี้ตนกับสามีได้วางแผนเปิดร้านส้มตำครกใหญ่ และผัดไท รสอร่อยนัว ในตัวเมืองอุดรฯ แล้วโดยได้ไปเช่าพื้นที่ ข้างโรงเรียนโปลีเทคนิค หรือซอยจินตคาม มาร์เก็ต ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี จะเปิดร้านในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ ส่วนถนนคนเดิน ตนกับสามีก็ยังจะมาขาย ทุกวันศุกร์ และวันเสาร์ ในช่วงเย็น ที่ทางเทศบาลนครอุดรธานี ได้จัดให้มีถนนคนเดิน ดังกล่าว