เทรนด์ “สตูดิโอ” ออกกำลังกายโตได้อีก ใช้กลยุทธ์ ดึง “ครูฝึก” ฝีมือดีเป็นแม่เหล็ก

กระแสคนแห่ไปเรียนโยคะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ คุณกอบพงษ์ สงฆ์เจริญ หรือ คุณโอ๊ค หันไปศึกษาด้านการออกกำลังกายอย่างจริงจัง หลังจากเรียนจบภาษาจีนธุรกิจ ของมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง ที่ประเทศจีน โดยเริ่มจากการเรียนเกี่ยวกับกีฬาในสหรัฐอเมริกา เรียกว่า เทรนเนอร์ อเมริกัน ท็อปปิ้ง ออฟ เอ็กเซอร์ไซส์ หลังจากนั้นคุณต่อพงษ์ศึกษาต่อเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก ในหลักสูตร “ออร์โธปิดิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์” เกี่ยวกับกระดูกและข้อต่อ นอกจากนี้ ยังฝึกฝน แอเรียลซิลค์ หรือการออกกำลังกายโดยการปีนผ้า ที่ประเทศแคนาดา โดยไปเรียนเซอร์คัส อินสตรักเจอร์ หมายถึงผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเซอร์คัส กายกรรม ทำให้คุณกอบพงษ์เป็นเจ้าของสตูดิโอออกกำลังกาย, ครูสอนปีนผ้า และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายด้วยวัยเพียง 33 ปี

“แต่ก่อนแสดงและถ่ายโฆษณาเกี่ยวกับแอเรียลซิลค์ เปิดได้ 3 เดือน มีประสบการณ์การสอนที่อื่น สอนแอเรียลซิลค์ 2 ปี และสอนที่โยคะ แอนด์ มี มาก่อน ส่วนสตูดิโอเวนิส ดี โยคะ (Venice Di Yoga) ที่ B101 เวนิส ช็อปปิ้ง พลาซ่า ซอยวัชรพล 2/7 โดยมีหุ้นทั้งหมด 4 คน และเลือกทำเลมองว่าแถวนี้หมู่บ้านเยอะ อยู่ใกล้โรงเรียนจารุวรรณ และโรงเรียนสารสาสน์ ซึ่งอยู่ทางซาฟารีเวิลด์ คนซื้อบ้านแถวนี้ก็อยู่ในระดับ 4-5 ล้านบาทขึ้น มีกำลังจับจ่ายใช้สอย เมื่อก่อนมองว่าคนที่อยู่แถวนี้ต้องขับรถมีเงินเดือน ต้องเลียบทางด่วนบ้าง ลาดพร้าวบ้าง และสมัยนี้รถก็ติด ทำให้ใครก็อยากออกกำลังกายใกล้บ้าน ก็ตัดสินใจเปิดตรงนี้ดีกว่า ใกล้กับหมู่บ้าน ใกล้กลุ่มลูกค้า” คุณกอบพงษ์ เล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเอง

ตั้งเป้าคืนทุน 1 ปีครึ่งฉลุย
ใช้กลยุทธ์สตูดิโอยุคนี้ต้องมีครู

ในสมัยก่อนการออกกำลังกาย นิยมเข้าฟิตเนสซึ่งไม่จำเป็นต้องมีครูหรือเทรนเนอร์คอยแนะนำ แต่สมัยนี้การบริการของธุรกิจออกกำลังกาย มีการเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับลูกค้า และเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ธุรกิจบริการด้านออกกำลังกายในรูปแบบของสตูดิโอ ซึ่งยังเติบโตได้และมีการขยายฐานลูกค้าออกไปอย่างต่อเนื่อง

คุณกอบพงษ์ เล่าว่า ในช่วงแรกใช้งบตกแต่งเป็นค่าอุปกรณ์เกือบ 2 ล้านบาท เพราะเป็นพื้นที่เปล่านำมาปรับใหม่ ตอนแรกคิดว่ามองไว้ประมาณปีครึ่งที่จะคืนทุนค่าตกแต่ง ค่าอุปกรณ์ ขณะที่ตอนนี้เวนิส ดีไอ โยคะ เปิดได้ไม่ถึงครึ่งปี มีแค่ห้องเรียนโยคะและอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง แอโรจัมป์ อินฟินิตี้ จึงต้องใช้รูปแบบคลาสที่ต้องมีครูนำ ไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีฟิตเนส ถ้าเกิดคนที่ชอบฟิตเนส ไม่ต้องมีครู ลงทุน 1 ครั้ง เป็นสมาชิกเข้าไปใช้งานได้ตลอดเวลา และตัวฟิตเนสเองก็มีคลาสย่อยของเขาอีก เพราะว่าในราคาเมมเบอร์ที่เท่ากัน เขาก็ต้องเปรียบเทียบแล้วว่า ต้องออกกำลังกายได้มากที่สุด สอดคล้องกับวิถีชีวิตเขาได้มากที่สุด โยคะเองก็เยอะ สตูดิโอโยคะก็เยอะ แต่สตูดิโอที่เปิดให้บริการในห้างยังน้อยอยู่

“จุดเด่นของที่นี่คือ ความหลากหลาย เราไม่ได้มีแค่โยคะอย่างเดียว ตัวโยคะก็มีหลายแขนง หลายศาสตร์ แล้วก็เอามารวมกัน ผสมผสานกัน อย่างโยคะ แตกออกไปประมาณ 8 สาขาหลักๆ ที่นี่ก็รวบรวมให้ครบถ้วนมากที่สุด ให้ลูกค้าได้เลือกว่าตัวเองชอบโยคะแนวไหน ก็ฝึกแนวนั้นต่อไป ครูเราก็ค่อนข้างหลากหลาย เราก็เชิญครูเก่งๆ มาสอนเยอะ ค่าตัวครูที่นี่แพงจริงๆ และครูก็ต้องเดินทางมาไกล มีครูประมาณ 10 คน เป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน อย่างครูใบไผ่ก็เป็นแชมป์ลีลาศเอเชีย และได้ใบประกาศฯ ในการเป็นผู้ตัดสินการแข่งขันลีลาศในไทย รวมทั้งเคยออกรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ไนน์เอ็นเตอร์เทน และบันเทิงปากม้า ของพี่ม้า อรนภา” คุณกอบพงษ์ เล่าให้ฟัง

คุณกอบพงษ์ เจ้าของสตูดิโอเวนิส ดี โยคะ เล่าว่า กลุ่มของทางร้านมี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มคนที่พักอาศัยอยู่รอบบริเวณนี้ โดยจะเป็นแม่บ้าน และเจ้าของธุรกิจที่ทำธุรกิจอยู่แถวนี้ ซึ่งเป็นบีบวกขึ้น เพราะว่าราคาคอร์สอยู่ระดับกลางๆ ไม่ได้ถูกมาก ซึ่งต้องทำราคาคอร์สพิเศษ คิดราคาพิเศษให้วัยทำงาน ให้นักศึกษา และนักเรียนที่เรียนเสร็จแล้วอยากมาออกกำลังกาย โดยมีคอร์ส 1,990 บาท เล่นได้หลัง 5 โมงเย็นเป็นต้นไป และเสาร์-อาทิตย์เต็มวัน เกิดสมมติอยากเล่นบุฟเฟ่ต์ทั้งวันเช้าถึงเย็น อยู่ที่ 3,500 บาท สามารถเล่นได้ไม่จำกัด วันละกี่ครั้งก็ได้

“มี 2 ราคาคือ ราคา 3,500 บาท เล่นได้ทุกเวลา ทุกวัน สำหรับราคาที่เล่นได้ไม่จำกัด (อันลิมิเต็ด) 1,990 บาท สำหรับช่วงเย็น จันทร์ถึงศุกร์ และส่วนเสาร์-อาทิตย์เล่นได้ทั้งวัน แต่มันจะถูกลงไปเรื่อยๆ หากสมัครราย 3 เดือน ราย 6 เดือน รายปี จะมีส่วนลดส่วนแถมให้ ถ้าจะเล่นโยคะเป็นรายครั้ง ครั้งละ 400 บาท ครั้งละ 1 ชั่วโมง ซื้อชั่วโมงรายครั้ง แต่ถ้าซื้อคูปองรายครั้ง ซื้อ 100 ใบ เล่นได้ 1 ปี ตกใบละ 200 บาท ก็เล่นโยคะได้ครั้งละ 200 บาท ซึ่งเมื่อยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งถูกลง เป็นธุรกิจที่คนให้ความสนใจกันเยอะ ถามว่ากำไรเยอะไหม ก็ไม่ได้กำไรเยอะขนาดนั้น คือด้วยความที่ต้นทุนของค่าบริหาร ค่าครูเองก็ค่อนข้างสูง ถ้าเราอยากให้สตูดิโอมีความสามารถ ก็ต้องเชิญครูที่มีความสามารถมา ครูที่มีความสามารถก็ราคาแพงหน่อย” คุณกอบพงษ์ เล่าให้ฟัง

นอกจากการทำธุรกิจสตูดิโอออกกำลังกาย ที่มีแนวโน้มสดใสแล้ว แต่ในช่วง 3 เดือนแรก ต้องผ่านการคาดเดาว่ากลุ่มลูกค้าจะสะดวกมาใช้สตูดิโอเวลาไหน และมีความสบายใจที่จะชำระในอัตราราคาเท่าไหร่ เพราะเริ่มเปิดสตูดิโอออกกำลังกายที่นี่ครั้งแรก เพราะมีประสบการณ์การสอนมา แต่ไม่เคยมีประสบการณ์การบริหารงานสตูดิโอ และไม่รู้ว่ากลุ่มลูกค้าที่นี่จริงๆ แล้วสะดวกเวลาไหนบ้าง

“ช่วงแรกก็จะมีลองผิดลองถูก ลงเวลาไปแล้ว สมมติเราจัดตารางไปแล้วรายสัปดาห์ ลองลงบ่าย 2 มีเรียนท่านเดียวเราก็ขาดทุน อย่างแถวๆ นี้ไม่มีใครทำคลาส 7 โมงเช้า แต่เราก็ทำคลาส 7 โมงเช้า แรกๆ ก็ขาดทุนเป็นธรรมดา แต่เราก็ยอมอดทน ให้มันผ่านช่วงนั้นมา ก็โอเค คลาส 7 โมง ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และลองผิดลองถูกเรื่องเวลามาเรื่อยๆ ส่วนเรื่องรูปแบบคลาสด้วย ยากขนาดนี้ ง่ายขนาดนี้ลูกค้าจะชอบไหม เพราะมีทั้งลูกค้าที่เป็นมือใหม่ เป็นบิวตี้เลย ไม่เคยฝึกโยคะเลย เราก็ต้องมีโยคะบิวตี้ เป็นคลาสเบสิกให้เขา แต่ถ้ามีประสบการณ์การฝึกมาแล้ว ก็ต้องมีคลาสที่ยากขึ้นมาหน่อย เพราะฉะนั้น คนที่มาเรียนที่นี่แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทที่หนึ่ง แบบสโลว์ ชอบอะไรช้าๆ และประเภทที่สอง ชอบอะไรเร็วๆ และถ้าชอบอะไรเคลื่อนไหวช้าๆ ชอบเฟรชชิ่ง ชอบอยู่กับตัวเอง การฝึกจิต จะฝึกโยคะปีนผ้า จะสนุก และถ้ามีลูกค้าที่ชอบคาร์ดิโอ ชอบการเต้น ชอบสนุกสนาน การเคลื่อนไหว ก็จะมีแอโรจัมป์, เชกกิ้งบอล แซมบิก ซุมบ้า เขาก็จะชอบเล่น ตอนนี้ก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่พร้อมทั้ง 2 อย่าง บางคนอาจจะมาจากสายเต้นจริง แต่ก็อยากลองเล่นโยคะบ้าง เขาก็จะเริ่มมาลองโยคะบ้าง และอย่างคนที่เล่นโยคะอยู่ ไม่เคยเต้นเลย เขาก็จะมาลองเต้นบ้าง” คุณกอบพงษ์ เล่าให้ฟัง

ส่วนกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการสตูดิโอ “เวนิส ดี โยคะ” อยู่ในวัย 30-50 ปี และสูงสุด 70 ปี ส่วนกลุ่มแนวบำบัด ก็เข้ามาใช้บริการ โดยเป็นกลุ่มลูกค้าที่ทำงานออฟฟิศ ซึ่งจะมีคลาสออฟฟิศซินโดรม ได้รับการตอบรับมาก เพราะคลาสนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพให้ได้ด้วย

 

ดารานิยมมาเล่นและเป็นลูกศิษย์
ส่งผล “เวนิส ดี โยคะ” ติดตลาดเร็ว

คุณกอบพงษ์ เล่าว่า โชคดีที่มีลูกค้าเก่าที่เป็นดาราอยู่บ้าง อาทิ คุณยุ้ย-ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยโปรโมต พอมีพี่ยุ้ยมาเล่น ก็มี คุณเอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ตามมาเล่น หลังจากนั้นก็มี คุณจอย-รินลณี ศรีเพ็ญ ตามมาเล่น รวมทั้ง คุณแต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์

“ส่วนใหญ่ก็ชอบสายสนุก สายแดนซ์ ความชอบของนักเรียนแต่ละท่านแตกต่างกัน บางท่านก็เล่นทั้งโยคะ ทั้งเต้น บางท่านก็เต้นกับปีนผ้า บางท่านก็เต้นอย่างเดียวก็มี แล้วแต่ความชอบ ส่วนดาราก็เรียนรวมกับทุกท่านปกติ เป็นกรุ๊ปคลาส ส่วนไพรเวตคลาส ไม่ว่าเป็นใครก็บุ๊กได้อยู่แล้ว ดาราก็บุ๊กได้ บุคคลทั่วไปก็บุ๊กได้ เพราะเรามีตารางรายสัปดาห์เป็นไพรเวตคลาสอยู่แล้ว เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ตกแล้วประมาณชั่วโมงละ 1,500 บาท” คุณกอบพงษ์ เล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเอง

ส่วนเหตุผลที่ดาราชอบที่นี่เพราะมีจุดเด่นตรงที่มีโยคะร้อน และมีสมุนไพรสดในห้องเรียนโยคะ ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น นอกจากนี้ ที่ฝึกโยคะส่วนใหญ่จะใช้มิเตอร์ควบคุมความร้อน แต่ด้วยความที่สภาพอากาศเมืองไทยร้อนอยู่แล้ว ก็เลยเปลี่ยนเป็นหม้อใส่สมุนไพรสดเข้าไปต้มเพื่อให้ไอน้ำระเหยและได้ความร้อนจากไอน้ำ ส่งผลให้ได้รับความร้อนระหว่างการฝึกโยคะมากกว่าเดิม