ชวนรู้จัก อาชีพนักพากย์สดหนังกลางแปลง ลีลาเด็ด จนกลับมาเป็นไวรัลอีกครั้ง!

ชวนรู้จัก อาชีพนักพากย์สดหนังกลางแปลง อาชีพเก่าแก่ ที่ลีลาเด็ด จนกลับมาเป็นไวรัลอีกครั้ง!

ดูเหมือนว่าช่วงนี้ หนังกลางแปลง กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง นอกจากหนังที่หยิบยกกลับมาฉายจะน่าสนใจแล้ว ต้องยอมรับว่า นักพากย์ ก็พากย์ได้เด็ดดวงจนกลายเป็นไวรัลไปเมื่อวานนี้เอง!

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ พาทุกคนไปทำความรู้จักกับ อาชีพนักพากย์หนังกลางแปลง ที่เพิ่งกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งสดๆ ร้อนๆ ผ่านการพูดคุยกับ คุณประสงค์ ศิริเวช วัย 72 ปี และ คุณโรจน์-ปัทมมนตรี ศิริเวช วัย 42 ปี คู่พ่อลูกนักพากย์มากฝีมือ 

คุณประสงค์ ศิริเวช วัย 72 ปี
คุณประสงค์ ศิริเวช วัย 72 ปี

คุณประสงค์ เล่าว่า การพากย์สดหนังกลางแปลงในไทยนั้นมีมานานแล้ว โดยผู้ที่เป็นคนบุกเบิกคือ ครูทิดเขียว หรือ สิน สีบุญเรือง ในสมัยนั้นยังเป็นหนังขาวดำและเป็นหนังเงียบ

“พระครูทิดเขียว นำบทโขนมาใส่ คนดูฟังแล้วชื่นชอบจึงเริ่มดัดแปลงใช้ซาวด์ประกอบ อย่างเสียงม้าจะใช้กะลาเคาะ เสียงชกกันใช้กระดาษม้วนๆ แล้วตีมือ ต่อมาเริ่มมีหนังซาวด์เข้ามาจากต่างประเทศ อย่างหนังจีนหรือหนังฝรั่ง คนพากย์ต้องมาทำบท แล้วก็ตัด”

“เมื่อก่อนนี้ต้องพากย์คนเดียว คนพากย์ต้องดัดเสียงผู้หญิง เสียงเด็ก และเสียงผู้ชายได้ อย่างเสียงผู้หญิงต้องได้ประมาณ 2-3 เสียง เสียงเด็กผู้ชายต้องฉีกได้สัก 2-3 เสียงเช่นกัน ถ้าเป็นเสียงผู้ชาย มีทั้งหนุ่มทั้งแก่ เราทำได้หลายเสียงอยู่แล้ว ต้องทำให้ได้ขนาดนั้นถึงจะมีโอกาสขึ้นแท่นและคนรู้จักเยอะ” คุณประสงค์ เล่า

คุณประสงค์ เล่าต่อว่า เริ่มอาชีพนักพากย์จริงๆ เมื่อปี 2520 เริ่มช้ากว่าใครเพราะรับราชการทหารเรืออยู่ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า อีกทั้งยังแต่งงานมีลูก 3 คน จึงคิดว่าต้องหาอาชีพเสริมเลี้ยงครอบครัว โดยพรรคพวกที่รู้จักกันได้ชักชวนเข้าไปเป็นเทกเกอร์คุมหนังในต่างจังหวัด วันละ 50 บาท จากนั้นจึงเริ่มเกิดความสนใจการพากย์ และเริ่มตีสนิทกับนักพากย์เพื่อเรียนรู้วิชา

“ผมใช้เวลาประมาณเดือนเดียว ชื่อเสียงเริ่มมา คนเริ่มติด แม้จะมีการฉายหนังหลายจอหรือจอนั้นระบบเสียงด้อยกว่าจออื่นๆ แต่คนยังตามมาดูเพราะติดนักพากย์ มาถึงปี 2534-2535 เริ่มมีการบันทึกเสียงแล้ว แต่ช่วงนั้นผมยังมีงานตลอดนะ มีรายได้ประมาณ 100-150 บาท ยุคเฟื่องฟูมากๆ ก็ 200 บาท แล้วแต่เรื่อง บางคืนวิ่งถึง 3 ที่ก็มี” คุณประสงค์ ว่าอย่างนั้น

คุณโรจน์-ปัทมมนตรี
คุณโรจน์-ปัทมมนตรี ศิริเวช

นักพากย์ผู้เจนประสบการณ์ วนเวียนอยู่ในวงการพากย์หนังกลางแปลงสดได้หลายปี ลูกชายคนที่ 2 อย่างคุณโรจน์ ก็ตามติดไปขายแผ่นรองนั่งเป็นเพื่อน ก่อนเจริญรอยตามผู้เป็นพ่อและก่อตั้ง มาสเตอร์ สตูดิโอ ที่อยู่มายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว

“ผมเริ่มฝึกพากย์เสียงจากทีมพากย์พันธมิตร เป็นเด็กฝึกอยู่ประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นจับพลัดจับผลูมีโอกาสได้ลงงานจริง พากย์เสียงตัวประกอบชายสอง ชายสาม ชายสี่ แล้วก็ไต่ระดับมาจนกระทั่งได้พากย์งานที่มีชื่อ และต่อยอดมาเรื่อยๆ ครับ”

“ผมเห็นพ่อพากย์หนังสดมาตั้งแต่เด็กๆ หลังจากนั้นเริ่มมีหนังเสียงเข้ามา คนทำอาชีพนี้เรียกว่าตายกันหมด แต่ด้วยความที่พ่อมีจุดขาย ผมก็ยังเห็นพ่อพากย์อยู่ประจำ ท่านไม่ได้ส่งเสริมเรานะถ้าย้อนกลับไป เพราะมองว่าอาชีพนี้เลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้ว มันหมดแล้ว แต่ภาพที่เราเห็น คือพ่อยังพากย์อยู่ทุกวัน” คุณโรจน์ ผู้เป็นลูกชาย เล่าอย่างนั้น

ก่อนเล่าต่อ ทีมพากย์ของมาสเตอร์ สตูดิโอ มีทั้งทีมงานประจำและฟรีแลนซ์ ถ้าพากย์หนังจีนต้องใช้ทีมที่ดำเนินรอยตามครูบาอาจารย์ ดำเนินรอยตามทีมพากย์พันธมิตร หรือบางครั้งหนังบางเรื่องต้องแคสต์หานักพากย์ที่เหมาะสม โดยสตูดิโอจะส่งเสียงพากย์ให้ลูกค้าต่างประเทศฟัง ถ้าพอใจเสียงไหน ก็เลือกคนนั้น

“เราให้บริการงานพากย์หลากหลายรูปแบบทั้ง ภาพยนตร์ ซีรีส์ การ์ตูน สารคดี สปอตโฆษณา ทุกอย่างเลยครับ เรามีชื่อเสียงด้านมุกตลกพอสมควรจากการดำเนินรอยตามทีมพากย์พันธมิตร แล้วเราก็ได้ทีมพากย์พันธมิตรนี่แหละครับมาช่วย เรียกว่าเป็นทีมประจำที่ทำงานด้วยกันเลย”

“ส่วนช่วงโควิด ถ้ามีโอกาสก็จะออกไปพากย์หนังสดครับ แต่ไม่ได้มากมาย เพราะหนังกลางแปลงเจอสภาวะโควิดไปบางทีเข้าฉายไม่ได้ครับ ที่ใช้บริการเราบ่อยๆ ส่วนใหญ่อยู่ในแถบ อ.แม่กลอง จ.ราชบุรี อ.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ และการพากย์หนังสดเดี๋ยวนี้ก็ใช้หนังใหม่แล้วครับ ยกตัวอย่างการพากย์หนังสดเมื่อคืนนี้เรื่องดับเบิ้ลอาร์ หรือว่าบางจออยากได้บรรยากาศย้อนยุคเราก็พากย์หนังเก่าให้ สามารถเลือกหนังได้หมดเลยครับ เพราะไม่ต้องใช้เครื่องฟิล์มแล้วใช้เป็นดิจิทัลแทน” คุณโรจน์ เล่า

เมื่อถามว่า การนำหนังกลางแปลงกลับมาฉายในกรุงอีกครั้ง ในฐานะนักพากย์รู้สึกอย่างไร คุณโรจน์ กล่าวว่า เหมือนภาพในความทรงจำของตัวเองย้อนกลับมา บรรยากาศเมื่อคืนนี้กับภาพเมื่อหลายสิบปีก่อนมันแวบขึ้นมาในหัวเลย

“บรรยากาศเมื่อ 10 ปีก่อน ผุดขึ้นมาในหัวเลยครับ ใส่มุกตลกไปคนดูจะเชียร์ ส่งเสียงโห่ฮา มีความสุข ทำผิวปากวี้ดๆ บรรยากาศดูอบอุ่นและเป็นกันเอง เหมือนได้เห็นความรักความสามัคคีของคนดู เป็นบรรยากาศที่ผมไม่ได้เห็นมานานแล้วที่คนมานั่งรวมตัวดูหนังแล้วก็หัวเราะ ปรบมือไปพร้อมๆ กัน มีความสุขร่วมกัน”

“การพากย์คือการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดครับ หนังแต่ละเรื่องเปลี่ยนไปทุกวันและยากขึ้นทุกวัน เมื่อคืนก็ยากครับ ไม่ได้ว่าง่าย เหงื่อตกเหมือนกัน แต่ถ้าใครอยากชวนไปพากย์หนังสดเข้ามาคุยกันได้ครับ ทีมเราพร้อมไปด้วยใจทุกคน เพราะอยากอนุรักษ์การพากย์หนังสดไว้ให้อยู่คู่คนไทย ไม่ได้หวังถึงเรื่องรายได้อะไรทั้งนั้น” คุณโรจน์ ทิ้งท้าย

สอบถามเพิ่มเติมที่ เฟซบุ๊ก ทีมพากย์ Master studio