ผู้เขียน | ดวงกมล โลหศรีสกุล |
---|---|
เผยแพร่ |
ฐิติกุล อยู่วิทยา หรือ พลอย หญิงสาววัย 27 ปี หลานสาวมหาเศรษฐีที่ติดอันดับโลก หนึ่งในทายาทธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง “กระทิงแดง” ผันตัวเป็นเจ้าของอาณาจักรสัตว์เลี้ยงครบวงจร “เพ็ทโปร กรุ๊ป” มีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง, ฟาร์มสัตว์เลี้ยง, บริการ อาบน้ำ ตัดขน, นิตยสารสัตว์เลี้ยง, โรงพยาบาล, รับจัดงานที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง, รายการทีวีสัตว์เลี้ยง, จัดพิธีฌาปนกิจสำหรับสัตว์เลี้ยง, คาเฟ่สัตว์เลี้ยง เรียกว่าภารกิจของเพ็ทโปร กรุ๊ป คือ การดูแลเพื่อน 4 ขาของคุณ ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเพื่อน 4 ขา ด้วยการบริการที่ดี และความสะดวกสบาย
เปิดครอบคลุม
หวังเป็นกูรู
คุณพลอย เจ้าของ “บริษัท เพ็ทโปร กรุ๊ป จำกัด” เผยว่า หลังจากที่เปิดบริการอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยงเคลื่อนที่ รู้จักกันในนาม “พอว์พาลส์” เมื่อปี 2011 ปรากฏกระแสการตอบรับดีมาก ต่อมาปี 2013 ได้จดทะเบียนบริษัทชื่อ “เพ็ทโปร กรุ๊ป” ทำธุรกิจครอบคลุมทุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงทั้งหมดแบบเต็มรูปแบบ บริการครบวงจร
“เพ็ทโปร กรุ๊ป” ที่คุณพลอย บอกว่า ครอบคลุมทุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง มีตั้งแต่ ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง, ฟาร์มสัตว์เลี้ยง, บริการ อาบน้ำ ตัดขน, นิตยสารสัตว์เลี้ยง, โรงพยาบาล, รับจัดงานที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง, รายการทีวีสัตว์เลี้ยง, จัดพิธีฌาปนกิจสำหรับสัตว์เลี้ยง, คาเฟ่สัตว์เลี้ยง เรียกว่าภารกิจของเพ็ทโปร กรุ๊ป คือ การดูแลเพื่อน 4 ขาของคุณ ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเพื่อน 4 ขา ด้วยการบริการที่ดี และความสะดวกสบาย
สำหรับคอนเซ็ปต์เพ็ทโปร (หนึ่งธุรกิจในเครือเพ็ทโปร กรุ๊ป) คือ ซุปเปอร์มาร์เก็ตสัตว์เลี้ยง ลงทุนเกือบ 10 ล้านบาท บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร มีข้าวของจำเป็นของสุนัข แมว หนู กระต่าย นก ปลา สัตว์เลื้อยคลาน จากแบรนด์ชั้นนําและแบรนด์ใหม่ๆ อาทิ อาหาร ขนม ของเล่น ปลอกคอ อุปกรณ์กรูมมิ่ง กรง เสื้อผ้า ยา วิตามิน แอกเซสซอรี่ต่างๆ
ธุรกิจสัตว์เลี้ยง
ไม่ตัน ไปได้อีกไกล
จำนวนสินค้าในเพ็ทโปร เจ้าของธุรกิจ กล่าวว่า มีมากกว่า 10,000 รายการ มีทั้งของไทยและนำเข้า อาทิ อเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตั้งอยู่ที่ถนนชัยพฤกษ์ กระแสตอบรับดีเกินความคาดหมาย ลูกค้ามีตั้งแต่กำลังซื้อสูง ถึงระดับปานกลาง นอกจากนั้นยังชูกลยุทธ์อำนวยความสะดวกสบายให้ลูกค้าด้วยบริการจัดส่งสินค้าทุกอย่างไปถึงหน้าประตูบ้านในเวลาไม่กี่วัน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ในด้านการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยง หญิงสาว บอกว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชีย รองจากตลาดความงาม และประกันภัย ซึ่งเป็นตลาดที่โตขึ้นทุกปี แม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาแค่ไหน และจากพฤติกรรมคนไทยที่เริ่มแต่งงานน้อยลง มีลูกน้อยลง ทำงานเยอะขึ้น คนหันมาเลี้ยงสุนัขและแมวพันธุ์เล็กลงเรื่อยๆ เลี้ยงสุนัข 70 เปอร์เซ็นต์ เลี้ยงแมว 30 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มเพศที่ 3 ในไทยก็หันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้นด้วย คนกลุ่มนี้เลี้ยงอย่างดี ทะนุถนอมเหมือนลูก ส่วนตัวเลยมองว่าธุรกิจสัตว์เลี้ยงมีทิศทางที่ดี และมีอนาคตไกล
สำหรับจุดเริ่มต้นของธุรกิจทั้งหมด เกิดจากทายาทธุรกิจหมื่นล้านเดินทางไปต่างประเทศเยอะ เห็นเทรนด์ธุรกิจสัตว์เลี้ยงต่างประเทศมามาก เลยมองว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศ เพียงแต่ว่าเมืองไทยยังไม่มี