แฟรนไชส์ 2565 ตัวไหนมา ตัวไหนไป ตัวไหนแววสดใส ตัวไหนต้องระวัง

แฟรนไชส์ 2565 ตัวไหนมา ตัวไหนไป ตัวไหนแววสดใส ตัวไหนต้องระวัง
แฟรนไชส์ 2565 ตัวไหนมา ตัวไหนไป ตัวไหนแววสดใส ตัวไหนต้องระวัง

แฟรนไชส์ 2565 ตัวไหนมา ตัวไหนไป ตัวไหนแววสดใส ตัวไหนต้องระวัง

คุณอมร อำไพรุ่งเรือง ผู้ชำนาญการด้านแฟรนไชส์ ให้สัมภาษณ์ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ เกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจสินค้าและบริการในรูปแบบของแฟรนไชส์ ในปี 2565 ว่า ธุรกิจที่อยู่คงทนตลอดไป แน่นอนก็คือ ธุรกิจอาหาร ซึ่งก่อนโควิด นั้น แฟรนไชส์อาหาร ยังมาเป็นอันดับหนึ่ง และปี 2565 ก็ยังคงอยู่เป็นเบอร์หนึ่งต่อไป ซึ่งปัจจุบัน ในตลาดมีแฟรนไชส์อาหาร 20 กว่าเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

แต่ยุคหลังโควิด นั้น อาหารต้องมีแนวคิดชัดเจนขึ้นในหลายเรื่อง เช่น ทำเล จากเดิมห้างสรรพสินค้า คือทำเลทองของธุรกิจอาหาร แต่จากนี้ไป ไม่ใช่ห้าง อย่างเดียวแล้ว ต่อไปจะเป็น สแตนด์อะโลน ซึ่งใช้พื้นที่ใหญ่ๆ มากขึ้น เพราะผู้ประกอบการ ต่างมีประสบการณ์เรื่องห้างถูกสั่งปิดมาแล้ว อีกทั้งช่องทางการขายก็ต้องมีมากกว่าการเข้าไปนั่งทาน ต้องมีรูปแบบดีลิเวอรี่ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ควบคู่กันไปด้วย

ส่วนแฟรนไชส์ซับเซตของกลุ่มอาหาร คือ แฟรนไชส์ประเภท เครื่องดื่มและขนม นั้น ปี 2565 ตัวที่กินตลาดมากที่สุดในหมวดเครื่องดื่ม คือ กาแฟ ซึ่งการดื่มต่อแก้ว/ต่อคน/ต่อปี ในเมืองไทยนั้น ถือว่ายังไม่มาก ถ้าเทียบกับต่างประเทศ ถ้าถามว่า แฟรนไชส์กาแฟยังไปได้มั้ย ก็ตอบว่ายังไปได้ แต่ถือว่าเป็น Red Ocean (แข่งขันรุนแรง)

ตัวถัดมาถือว่ามีไม่น้อยเลย คือ เครื่องดื่มกลุ่มชานมไข่มุก ซึ่งปัจจุบันตลาดค่อนข้างเต็มอิ่มพอสมควรแล้ว การขยายน่าจะทำได้ยาก ทั้งยังมีคนนำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ เยอะ เซ็กเมนต์กระจายเยอะมาก มีตั้งแต่ตลาดล่าง แก้วละสิบบาทต้น ไปจนถึงตลาดบนแก้วละร้อยกว่าบาท ถ้าจะลงทุนต้องระวัง เพราะแข่งขันสูงมาก แต่ถ้ามีทำเลที่ดี สามารถมีฐานลูกค้าดีลิเวอรี่ ก็พอลงทุนได้

กลุ่มถัดมา ซึ่งในตลาดแฟรนไชส์มีเยอะพอสมควร คือ กลุ่มการศึกษา ประเภท โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนสอนเฉพาะทาง หากจะลงทุนแฟรนไชส์กลุ่มนี้ แนะนำให้รอดูก่อน เพราะระบบการศึกษาในโรงเรียน ยังไม่นิ่งเท่าไหร่ บรรดาติวเตอร์ต่างๆ อาจลำบาก ถ้าจะเลือกลงทุน กลุ่มโรงเรียนสอนภาษา ดนตรี ศิลปะ พัฒนการของเด็ก น่าจะไปได้มากกว่า แต่ต้องระวัง เพราะอัตราการเกิดของเด็กลดลงเรื่อยๆ นั่นแปลว่าฐานลูกค้า ของธุรกิจกลุ่มนี้น้อยลงแน่นอน

ผู้ชำนาญการด้านแฟรนไชส์ เผยกับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ต่อว่า ธุรกิจแฟรนไชส์กลุ่มที่อยากให้จับตามอง ในปี 2565 ได้แก่ ร้านสะดวกซัก เพราะจากตัวเลขในปีที่ผ่านมา พบว่า ร้านสะดวกซักเติบโตมากกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ แต่จำนวนร้านยังเป็นหลักพัน เมื่อเทียบกับร้านสะดวกซื้อ ถือว่ายังไม่มาก ฉะนั้น ร้านสะดวกซักยังไปได้อีก

“แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก มีการลงทุนตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนต้นๆ ไปจนถึงหลักล้าน ธุรกิจนี้ ยังไม่มีใครโดดเด่นขึ้นมาในตลาด ถามว่าจะทำเองโดยไม่ซื้อแฟรนไชส์ ได้มั้ย ก็มีช่องทางทำได้ แต่หากมีความได้เปรียบ ควรเน้นการบริการเสริม นั่งแล้วมีกาแฟทาน มีหนังดู มีที่พักผ่อน เพื่อรอการซัก เหล่านี้จะเป็นการเรียกความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี” คุณอมร กล่าว

และว่า จุดพิจารณาที่สำคัญมาก ในการลงทุนแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก คือ เรื่องของทำเลที่ตั้ง ถ้าอยู่ใกล้กับหมู่บ้านพื้นราบ ไม่ใช่ในเมือง ซึ่งส่วนใหญ่มักมีเครื่องซักผ้ากันอยู่แล้ว อาจเป็นทำเลที่ไม่เหมาะ ให้ไปพิจารณาทำเลย่านที่พักแนวสูง กลุ่ม อพาร์ตเมนต์ คอนโดฯ น่าจะดีกว่า

คุณอมร บอกอีกว่า แฟรนไชส์กลุ่มที่อยากให้จับตามอง ในปี 2565 อีกหนึ่งธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจสุขภาพ และความงาม เชื่อว่าเติบโตแน่นอน แต่ธุรกิจนี้ ค่อนข้างซับซ้อน เพราะมีความเกี่ยวข้องกับด้านการแพทย์พอสมควร อยากให้ผู้ลงทุน ศึกษาให้ดีก่อน

“ปัจจุบัน มีแฟรนไชส์คลินิกสุขภาพความงาม อยู่ไม่น้อย หลายแบรนด์ล้มหายตายจาก หลายแบรนด์เกิดขึ้นใหม่ แต่ในระยะยาว ประเทศไทย จะเป็นเมดิเคิล ฮับ ถ้าธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตขึ้น เราจะได้กลุ่มทัวร์สุขภาพ กลุ่มทัวร์เพื่อการรักษา แต่ถ้าใครอยากลงทุนทำธุรกิจนี้ แนะนำให้จับตลาดบนนิดหนึ่ง” คุณอมร เผยทิ้งท้าย

 

เผยแพร่เมื่อ วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ.2565