สร้างอาชีพแก้จน ด้วย จิ้งหรีด แมลงทำเงินยุคใหม่ ลงทุนน้อย ขายได้กำไรงาม

ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ NAETC จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ และสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม กำแพงแสน ด้วยกิจกรรมอบรมออนไลน์ดีๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ด้วยการ เลี้ยงจิ้งหรีดขาย โดย คุณสมเกียรติ คนเชื้อ และ คุณวร บุญตา เกษตรกรฟาร์มจิ้งหรีด ใน ตำบลหนองงูเหลือม จังหวัดนครปฐม

โดยวัสดุและอุปกรณ์ในการเลี้ยง มีดังนี้

1. บ่อสำหรับให้จิ้งหรีดอยู่ (จะเป็นทรงกลมหรือสี่เหลี่ยมก็ได้)

2. แผงไข่

3. ท่อน้ำ PVC

4. อาหารสำหรับเลี้ยงจิ้งหรีด (อาหารสำเร็จ สามารถซื้อได้ที่ร้านขายอาหารสัตว์) รวมถึง ผักปลอดสาร เช่น ต้นกล้วย (หยวกกล้วย) ใบเตย ผักขม ใบหม่อน ใบดอกรัก (สามารถนำมาให้จิ้งหรีดกินได้)

• ส่วนสายพันธุ์จิ้งหรีดที่ใช้เลี้ยง จะเป็น สายพันธุ์ ทองดำ ทองแดง และ ทองดำล้วน ที่เกษตรกรฟาร์มจิ้งหรีดจะนิยมเลี้ยงกัน โดยสามารถหาซื้อไข่จิ้งหรีดมาจากฟาร์มจิ้งหรีดทั่วไปได้โดยตรง โดยคุณสมเกียรติซื้อมาในราคาขันละ 50 บาท

วิธีเลี้ยง

1. เมื่อได้ไข่จิ้งหรีดมาแล้ว ต้องมาทำการเรียงรังไข่ก่อน โดยใช้แผงไข่มาเรียงกันแบบ นมชนนม เพื่อให้จิ้งหรีดมีที่สำหรับหลบพักหรือซ่อนตัวตามพฤติกรรมสายพันธุ์

2. ส่วนไข่จิ้งหรีดที่ได้มา คุณสมเกียรติ กล่าวว่า ให้นำไปอบก่อน โดยสามารถใช้ถุงพลาสติก ใส่ขุยมะพร้าวเพิ่มความชื้น กกให้เกิดความอบอุ่น ทำให้ไข่ฟักออกมา หากขุยมะพร้าวแห้ง สามารถใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำลงไปเพื่อเพิ่มความชื้นในการฟักไข่ได้ จากนั้นเขย่าเบาๆ ให้อุณหภูมิและความชื้นในถุงกระจายทั่วกัน (โดยแนะนำให้เขย่าเบาๆ วันละ 1 ครั้งก็พอ)

3. จากนั้นปิดปากถุง เพื่อทำการกกไข่ โดยระยะเวลาในการฟักตัวของจิ้งหรีด หากเป็นหน้าร้อน จะใช้เวลาประมาณ 7- 8 วัน หากเป็นหน้าหนาว จะใช้เวลาในการฟัก 10-12 วัน และต้องคอยหมั่นเปิดถุงดูเล็กน้อย เผื่อจิ้งหรีดฟักตัวออกมาก่อน โดยสังเกตง่ายๆ ว่า จิ้งหรีดที่ฟักออกมาแล้วจะมีลักษณะเป็นสีขาวๆ ดำๆ นั่นเอง

4. เมื่อเตรียมรังและตัวอ่อนฟักออกมาแล้ว ให้นำตัวอ่อนมาปล่อยในบ่อที่เตรียมไว้ โดยอาจหากระดาษหนังสือพิมพ์มาปูรอง แล้วจึงเทถุงฟักตัวอ่อนลงไป ตัวอ่อนจิ้งหรีดจะกระจายตัวออกไปอยู่ในรังหรือหาอาหารและน้ำ ที่วางเตรียมไว้ให้ในบ่อ

5. จากนั้นเมื่อจิ้งหรีดอายุได้ 1 สัปดาห์ สามารถเปลี่ยนมาให้ใบไม้ แทนอาหารสัตว์แบบสำเร็จรูปได้ หรือนำหยวกกล้วยมาหั่นเป็นเส้นเล็กๆ ให้จิ้งหรีดดูดน้ำกิน (จิ้งหรีดฟักใหม่มีอัตราการตายจากการขาดน้ำเพราะไม่รู้วิธีการหาน้ำกินจากท่อที่ใส่ผ้าซับน้ำที่เตรียมไว้)

6. หากเป็นหน้าร้อน เลี้ยงประมาณ 33 วัน หรือหากเป็นหน้าหนาวจะใช้เวลาประมาณ 40 วัน ผนวกกับการสังเกตตัวจิ้งหรีด หากมีปีกเต็มตัวไม่ลายแล้ว ดูแข็งแรงดี ก็สามารถจับขายได้แล้ว

นอกจากนั้น คุณสมเกียรติ ยังกล่าวอีกว่า การลงทุน 1 บ่อ จะลงทุนในเรื่องของอาหาร ประมาณ 60 กิโลกรัม (หรือประมาณ 2 กระสอบ กระสอบละ 510 บาท) ไข่จิ้งหรีดประมาณ 4 ขัน (ราคาขันละ 50 บาท สำหรับบ่อประมาณ 2 เมตร) ท่อน้ำ แผงไข่สำหรับทำรัง 240 แผง ซึ่งต้องเปลี่ยนเมื่อมีความชื้นหรือชำรุดจากการกัดแทะ (หรือเปลี่ยนรังไข่ทุกๆ การเลี้ยงจิ้งหรีด 3 รุ่น) รวมทั้งหมดลงทุนประมาณ 3 พันบาทต่อการลงทุน 1 ครั้ง สามารถใช้ได้นานจนกว่าจะเลิกกิจการได้เลย

“ลงทุน 3 พัน พอล็อตแรก จิ้งหรีดฟักออกมาได้ประมาณ 35 กิโล เลี้ยงจนโตพอจะขายได้ ราคาตอนนั้นจะดีกว่า แต่ตอนนี้ขายกันกิโลกรัมละ 110 บาท เพราะกระทบกับโควิด-19 ทำให้ขายยากขึ้น แล้วช่วงที่ราคาจิ้งหรีดแพงก็คือช่วงหน้าหนาวเพราะเลี้ยงยาก ไม่ค่อยออกกินอาหาร ทำให้โตช้า”

คุณสมเกียรติและคุณวร กล่าวว่า โรคที่น่ากลัวที่สุดและต้องระวัง หากทำธุรกิจฟาร์มจิ้งหรีด คือ โรคท้องน้ำกับไรแดง เพราะหากจิ้งหรีดเป็นโรคท้องน้ำ ในท้องของมันจะมีแต่น้ำ เมื่อเป็นตัวหนึ่งจะทำให้จิ้งหรีดตายยกบ่อได้เลย ซึ่งสามารถแก้ได้ ด้วยการรักษาความสะอาด ล้างตู้ล้างบ่อให้สะอาด นำไปตากแดด จากนั้นใช้แก๊สเผาตัวไรเพื่อฆ่าเชื้อตามรังไข่ และพักบ่อประมาณ 15 วัน จึงจะสามารถกลับมาเพาะจิ้งหรีดได้อีกครั้ง

นอกจากนั้น วิธีการจับจิ้งหรีดขาย สามารถทำได้ดังนี้

1. เคาะรัง เพื่อให้จิ้งหรีดออกมาและเก็บแผงไข่ไว้ใช้ในการเพาะครั้งต่อไป

2. จากนั้นสามารถประยุกต์วัสดุที่มีอย่าง ไม้แขวนเสื้อ และนำถุงมาใส่เพื่อให้เกิดเป็นตะกร้อช้อนเก็บจิ้งหรีดได้ โดยเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการเก็บคือ ให้นำน้ำใส่กะละมังเก็บจิ้งหรีดไว้ 1 ส่วน 3 เมื่อเวลาที่เก็บจิ้งหรีดมาใส่ จะได้ไม่มีแรงกระโดดหนีนั่นเอง

สามารถดูคลิปเพิ่มเติม ที่นี่

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2564