ข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ เสิร์ฟพร้อมขนม ตักไม่อั้น 40 บาท คนแห่กิน เจ้าของร้านเผย ราคานี้ มีกำไร

ในยุคที่ข้าวของทุกอย่างพาเหรดกันขึ้นราคา ทำให้ค่าครองชีพทะยานพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ทว่ายังมีร้านอาหารเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมบึงมักกะสันขอสวนกระแสขายข้าวราดแกงบุฟเฟ่ต์ คอนเซ็ปต์ตักกินไม่อั้น อิ่มละ 40 บาท แถมมีขนมหวานเสิร์ฟด้วย เจ้าของร้านคือ คุณไพบูลย์ แจงอุไร ขอแหวกกฎการทำธุรกิจด้วยการขาย ที่ไม่หวังผลกำไรสูงสุด

คุณไพบูลย์ แจงอุไร ปัจจุบันอายุ 60 ปี ใครๆ แถวริมบึงมักกะสัน ต่างเรียกขานว่า ป้าต้อย ก่อนจะมาเป็นแม่ค้าขวัญใจคนรายได้น้อย พื้นเพเกิดที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2538 เข้ามาค้าขายขนมหลายอย่าง อาทิ ขนมครก ข้าวโพดคั่ว จนกระทั่ง พ.ศ. 2551 ตัดสินใจเปิดร้านขายข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ ด้วยเหตุผลอยากให้คนมีรายได้น้อยได้กินของดี จ่ายในราคาถูก

untitled

ที่มาของข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ อิ่มละ 40 บาท ป้าต้อย บอกกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า เกิดจากน้องชายขับแท็กซี่พาไปดูข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ร้านหนึ่งแถวปทุมธานี ส่วนตัวรู้สึกว่ากับข้าวไม่หลากหลาย ใช้วัตถุดิบไม่ดี ยกตัวอย่าง ผัดกะเพรา ใส่พริกป่น ใส่ใบกะเพราเหี่ยวๆ ผัดผักก็ใช้ผักเก่าๆ ประกอบกับชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว เลยตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงบุฟเฟ่ต์บ้าง แต่ตั้งปณิธานไว้ว่าจะต้องทำให้ดีกว่า”

จากความไม่ประทับใจร้านอาหารร้านนั้น ทำให้ป้าต้อยฝังใจว่า อยากจะทำให้ดีกว่า ตรงนี้จึงเป็นเรื่องราวของธุรกิจข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ อิ่มละ 40 บาท

ป้าต้อยเปิดร้าน พ.ศ. 2551 ตั้งอยู่ริมบึงมักกะสัน ข้างโรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร ด้วยเงินลงทุนไม่สูงมากราว 5,000 บาท ลดต้นทุนด้วยการไม่จ้างคนงาน ไม่ตกแต่งร้าน ทำเองทุกอย่าง โดยมีคู่ชีวิตเป็นผู้ช่วย ตั้งแต่ซื้อของ ทำกับข้าว หุงข้าว ล้างจาน เปิดร้าน ปิดร้าน

img_8032

“ป้านอน 1 ทุ่ม ตื่นตี 2 ไปตลาดคลองเตยซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหาร เพื่อให้ทันเปิดร้านตั้งแต่ตี 5 เอาใจลูกค้าที่เข้างานเช้า อาทิ คนขับแท็กซี่กะเช้า มอเตอร์ไซค์รับจ้าง พนักงานส่งเอกสาร จะปิดร้านอีกที 4 โมงเย็น กิจวัตรเหล่านี้ทำเองทุกวัน”

สำหรับเมนูที่เจ้าของร้านเตรียมไว้เสิร์ฟในแต่ละวัน ป้าต้อยบอกกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า  ราว 15-20 เมนู ชนิดว่าคนกินไม่เบื่อ ทุกเมนูใช้วัตถุดิบสดใหม่ซื้อจากตลาดวันต่อวัน ไม่มีการใช้ของค้างคืน เพราะร้านนี้ไม่มีตู้เย็นไว้ถนอมอาหาร อุปกรณ์ที่ใช้ตั้งแต่เปิดร้านมา 8 ปี ไม่ว่าจะเป็น กระทะ ตะหลิว หม้อต้ม ทางร้านเลือกใช้แบบปลอดสารตะกั่วทั้งหมด

ป้าต้อย ยกตัวอย่างเมนู มีแกงขี้เหล็ก เต้าเจี้ยวหลน น้ำพริกกะปิ ไข่เจียว ปลาทูทอด แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด ผัดกะเพรา ลาบหมู ผัดบวบ ไข่พะโล้ ผัดผักบุ้งไฟแดง ต้มจับฉ่าย แกงส้ม ผัดผักบุ้งจีน ต้มผักกาดดอง ผัดผักกาดดองใส่ไข่ ผัดผักคะน้า ผัดพริกแกงถั่ว ผัดหมี่กะทิ พะแนงหมู ชะอมชุบไข่ ผัดกุยช่าย ผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้ ผัดฟักทอง ผัดสายบัว ฯลฯ ยังมีขนมที่สลับหมุนเวียนไป สาคูเปียก กล้วยบวชชี ฟักทองแกงบวด รวมมิตร

k

b

วัตถุดิบที่ใช้ในแต่ละวัน ป้าแจกแจงคร่าวๆ ว่า ใช้แก๊สวันละ 5 ถัง (ถังละ 15 กิโล) ไข่ไก่เบอร์ 0 วันละ 30 แผง ข้าวเสาไห้เกรดกลางๆ วันละ 65 กิโลกรัม เนื้อหมู 50 กิโลกรัม เนื้อไก่ 50 กิโลกรัม ผักต่างๆ 100 กิโลกรัม น้ำมันปาล์ม 18 ลิตร นอกจากนั้น ยังมีเครื่องปรุง พริก น้ำตาลทราย น้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำมันหอย กะปิ เครื่องแกง รวมๆ แล้วใช้เงินลงทุนต่อวัน ราว 20,000 บาท

“ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพกลางๆ ไปจนถึงคุณภาพดี ยกตัวอย่าง พริกแกง และกะปิ จะสั่งซื้อจากร้านที่ขายส่งให้กับโรงแรม 4 ดาว ส่วนเครื่องปรุงรส ซอส ซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำตาลทราย ใช้เฉพาะยี่ห้อดังมีเครื่องหมาย อย. เท่านั้น”

ด้านกลุ่มลูกค้า เจ้าของร้าน เผยว่า หลากหลายมาก มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น ไปจนถึงผู้สูงอายุ ตั้งแต่ขับรถหรูราคาหลายล้าน ขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ม้าเร็วส่งเอกสารชวนกันมาทีละหลายคน บางคนมาไกลจากห้วยขวาง รังสิต บางนา นครนายก ยกขบวนกันมา 30-40 คัน จอดมอเตอร์ไซค์ยาวเต็มหน้าร้าน แต่ละวันมีลูกค้าเข้า-ออก ราว 500 คน

l

“ลูกค้าทุกคนที่มาทาน ตักข้าว ตักกับข้าวพูนจาน บางคนลุกเติมแล้วเติมอีก สูงสุดที่เคยเห็นคนเดียวเติม 4 รอบ แต่น่าชื่นใจว่าทุกคนกินหมดเกลี้ยงไม่มีใครกินเหลือ แค่มองเห็นคนกินข้าวอิ่ม ควักจ่ายแล้วยังมีตังค์เหลือเท่านี้ก็อิ่มใจแล้ว”

สาเหตุที่ร้านนี้ขายอาหารถูกได้ เจ้าของเผยหมดเปลือกว่า ทางร้านไม่จ้างลูกน้อง ไม่เสียค่าเช่าสถานที่ ไม่เสียค่าแต่งร้าน ไม่ได้ติดแอร์ ทุกอย่างทำเองหมด ยอมรับว่าเหนื่อยมาก บางวันล้างจานจนมือบวม กำไรก็น้อย แต่ดีใจที่เห็นลูกค้าได้กินของดี ราคาที่ทุกคนจ่ายได้

ป้าต้อย เสริมว่า ส่วนตัวเป็นคนประหยัด ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบเที่ยว ไม่เล่นการพนัน ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็น ทำให้บางวันไม่ได้ใช้เงินเลย ข้าวก็กินที่ตัวเองขาย ไม่ค่อยเจ็บป่วย ดังนั้น จึงมีเงินเหลือเก็บพอจะซื้อสินทรัพย์ด้วยเงินสด เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์

ลงทุนวันละ 20,000 บาท แถมขายถูก แบบนี้มีกำไรไหม ป้าต้อย ยืนยันว่า มีกำไรจริงๆ เฉพาะวันจันทร์วันเดียว หักลบต้นทุน กำไรก็ 7,000 แล้ว

j

ป้าต้อย บอกต่อว่า ร้านเปิดวันจันทร์ – ศุกร์ วันจันทร์จะขายดีที่สุด เป็นวันที่ลูกค้าเยอะมาก ช่วงเที่ยงถนนติดขัดทั้งขาเข้า ขาออก หักลบต้นทุน กำไร 7,000 บาท ส่วนวันอื่นๆ เฉลี่ย 2,000-3,000 บาท แค่นี้ก็พออยู่ได้ ดีกว่าไม่มีรายได้เลย

ปัจจุบัน ร้านนี้เปิดมาแล้ว 10 ปี มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักของบรรดาคนมีรายได้น้อยไปทั่วสารทิศ แน่นอนว่าหากรสชาติไม่อร่อย หรือของไม่ดีจริง ก็คงไม่เปิดมานานขนาดนี้ นี่คือหัวใจบริหารแบบไม่กลัวขาดทุน ที่เจ้าของร้านมีชื่อว่า ไพบูลย์ แจงอุไร