อดีต พนง. บริษัทคั่วกาแฟ เดินตามฝัน นำของดีท้องถิ่น ต่อยอดทำกาแฟ เป็นแบรนด์ของตัวเอง

อดีต พนง. เดินตามฝัน นำของดีท้องถิ่น ต่อยอดทำกาแฟ เป็นแบรนด์ของตัวเอง ส่งขายโมเดิร์นเทรด สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน 

ปัจจุบันจังหวัดเล็กๆ อย่างจังหวัดน่าน ถูกขนานนามว่า เป็นแหล่งเพาะปลูกที่มีคุณภาพ ด้วยสภาพภูมิอากาศเอื้อต่อการปลูกพืช โดยเฉพาะ กาแฟ จึงทำให้กาแฟเมืองน่าน ได้รับความสนใจและสอดรับกับกระแสนิยมดื่มกาแฟของคนไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่ คือ หนึ่งในเอสเอ็มอีไทย ที่นำของดีประจำท้องถิ่นมาต่อยอดด้วยมาตรฐานสากล อีกทั้งเป็นผู้บุกเบิกให้กาแฟน่านเป็นที่รู้จักและนิยมไปทั่วประเทศจนธุรกิจเติบโต เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่

คุณแอ๋ว-วัชรี พรมทอง เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟครบวงจร ตั้งแต่ปลูก คั่ว และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ

คุณแอ๋ว-วัชรี พรมทอง เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟครบวงจร ตั้งแต่ปลูก คั่ว และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจ ว่า น่านดูโอ คอฟฟี่ เกิดจากความต้องการที่มีแนวคิดเป็นเจ้าของธุรกิจ ประกอบกับความที่ตนเองเป็นพนักงานประจำในบริษัทคั่วกาแฟขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจกาแฟในประเทศไทย จึงตัดสินใจลาออก พร้อมนำเงินที่เก็บออมไว้ไปลงทุนตั้งโรงคั่วกาแฟที่พัทยา แต่ช่วงเวลานั้นการรับซื้อกาแฟถูกปั่นราคาอย่างมาก แต่คุณภาพไม่ได้ตามที่ต้องการ

คุณแอ๋ว-วัชรี พรมทอง เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟครบวงจร ตั้งแต่ปลูก คั่ว และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ

“ตอนลงทุนตั้งโรงคั่วกาแฟที่พัทยา ช่วงเวลานั้น การรับซื้อกาแฟถูกปั่นราคาขึ้นมาแพงมาก แต่คุณภาพมันไม่ได้ตามที่เราต้องการ เลยค่อยๆ คิด ตัดสินใจว่า กลับไปตั้งหลักที่บ้านดีกว่า ว่าจะทำยังไงต่อ”

เมื่อกลับมาที่จังหวัดน่าน คุณแอ๋วจึงตัดสินใจทำธุรกิจกาแฟอย่างจริงจัง โดยเปลี่ยนระบบใหม่ ตั้งต้นใหม่ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ควบคุมคุณภาพสินค้าสู่ผู้บริโภค จากวันแรกมีลูกไร่เพียง 30 ครัวเรือน สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น กลายเป็นคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) ทำให้ปัจจุบัน มีเครือข่ายลูกไร่กว่า 1,400 ครัวเรือน ที่คอยป้อนผลผลิตเข้าสู่ไลน์ผลิตให้บริษัท อีกทั้งยังพัฒนาให้สินค้ามีความหลากหลาย ทั้งกาแฟคั่ว และแบบ 3 in 1 เจาะตลาดทุกกลุ่ม โดยการทำแบรนด์ใหม่ออกมา 3 แบรนด์ ได้แก่ ภูมิใจ๋ คอฟฟี่, ภูคอฟฟี่และ ดูโอ คอฟฟี่

จุดเด่นของ น่านดูโอ คอฟฟี่ คือ การควบคุมวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งกาแฟอาราบิก้า 30% และโรบัสต้า 70% ที่นำสายพันธุ์จากจังหวัดชุมพรมาปลูกในจังหวัดน่าน ทำให้กาแฟมีรสชาติที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่ชื่นชอบของคอกาแฟจำนวนมาก

รวมทั้ง บริษัทยังจัดการบริหารวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยกาแฟคั่วเสร็จแล้ว จะมีกากกาแฟออกมา จึงนำมาต่อยอดและพัฒนาเป็นสบู่กาแฟ และเครื่องสำอางให้กับผู้บริโภคได้เลือกซื้ออีกด้วย

การก้าวมาถึงจุดนี้ได้ นอกจากความมุ่งมั่นแล้ว โอกาสก็เป็นสิ่งสำคัญ คุณแอ๋ว เล่าให้ฟังว่า ช่วงเริ่มต้นที่จะทำธุรกิจ ต้องการเงินทุน เมื่อไปยื่นขอสินเชื่อต่อสถาบันการเงินต่างๆ กลับไม่มีใครให้กู้ จนกระทั่งได้รับการสนับสนุนจาก โครงการสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งดำเนินการผ่าน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank ช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี เป็นแรงผลักดันที่สำคัญ ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน

แหล่งเงินทุนที่บริษัทได้รับมา นำมาลงทุนซื้อเครื่องจักร ขยายโรงคั่วกาแฟ และพัฒนาระบบต่างๆ ให้ได้มาตรฐาน อย. GMP HACCP และ HALAL ที่มีการควบคุมการผลิต โดยนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ทำให้สินค้าของบริษัทเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค สามารถนำสินค้าไปวางจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ ส่งผลต่อยอดขายของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น

ปัจจุบันยอดขายของบริษัทขยายตัวต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ร้านค้าส่งทั่วประเทศหยุดชะงัก แต่การเข้าไปขายที่ห้างโมเดิร์นเทรดชื่อดังกว่า 60 สาขา จาก 168 สาขาทั่วประเทศ ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยหลักแสนบาทต่อเดือน

คาดว่าสิ้นปีหน้า (2564) จะสามารถวางจำหน่ายสินค้าให้มากขึ้นเป็น 100 สาขา ช่วยผลักดันยอดขายจะเติบโตเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า โดยภาพรวมช่องทางสร้างรายได้มาจากธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งกาแฟคั่วสด, ห้างสรรพสินค้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟตามโรงแรม รีสอร์ตทั่วจังหวัดน่าน รวมทั้งยังปรับแต่งโรงงานให้เป็นแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมอีกด้วย

“สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เราต้องปรับตัวอีกครั้ง รับยุคนิวนอร์มอล เราทำงานร่วมกับหอการค้าไทย ผลิต COFFBOT ขึ้นมา ในรูปแบบตู้กาแฟอัตโนมัติ พร้อมเสิร์ฟให้กับผู้บริโภค วางจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ที่มีคนเดินทางสัญจรไปมาจำนวนมาก โดยมีราคาเฉลี่ยแก้วละ 30 บาท ซึ่งเมล็ดกาแฟที่นำมาใช้จะเป็นของ น่านดูโอ คอฟฟี่ ทั้งหมด ถือเป็นโครงการต่อยอด 1 ไร่ 1 ล้านบาท ที่สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกกาแฟที่ต้องผ่านมาตรฐาน ThaiGAP ซึ่งถือเป็นมาตรฐานระบบการผลิตที่มีการจัดการคุณภาพความปลอดภัย ซึ่งจะได้รับการซื้อวัตถุดิบในราคาที่สูง พร้อมส่งคืนรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกที่เข้าร่วมโครงการเฉลี่ยแก้วละ 5 บาทอีกด้วย” คุณแอ๋ว กล่าวทิ้งท้าย

สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ภูคอฟฟี่