ผู้เขียน | เสาวลักษณ์ สวัสดิ์กว้าน เรื่อง/รูป |
---|---|
เผยแพร่ |
มีคนเคยกล่าวว่า ถ้าเราได้ทำงานที่มีความสุข ก็เท่ากับว่าเราได้มีความสุขในทุกๆวันการทำงาน ทุกคนล้วนมองหางานที่มีความสุข ไปพร้อมๆ กับการสร้างรายได้ บางคนเจอช้า บางเจอเร็ว
เช่นเดียวกับ คุณอัครเดช อภิรักษ์วัฒนา วัย 50 ปี หรือคุณช้าง ที่วันนี้ เขาได้พบกับงานที่ทำแล้วมีความสุข
คุณช้างมีหลัก ที่ทำอยู่ นั่นคือ ช่วยคุณพ่อทำธุรกิจรับซื้อของเก่า รวมทั้งรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม แต่ด้วยการเล็งเห็นพื้นที่หลังบ้าน ว่างๆ ในพื้นที่ดินของตนเอง 1 ไร่เศษ จึงคิดแปลงที่ดินผืนนี้ ทำการเกษตรแบบพอเพียง โดยการเดินตามรอย ในหลวงรัชกาลที่ 9
นั่นคือเมื่อได้แนวคิดมาแล้ว ก็มาแปลงจากสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
โดยเริ่มจากปลูกสับปะรด ราว 6000 ต้น
ทำไมต้องเป็นสับปะรด ทั้งที่ พื้นที่บริเวณนี้ไม่เคยมีใครปลูกสับปะรดในเชิงการค้านับพันต้นมาก่อน คุณช้างเล่าว่า ภรรยาคุณช้าง (คุณจินดา สีเมฆ) มีพื้นเพดั้งเดิมอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกสับปะรดค่อนข้างมาก เลยทดลองนำมาปลูก โดยได้ทั้งต้นพันธุ์ และเทคนิคการปลูกมาครบ
สับปะรดปัตตาเวีย
“เราอยู่ในช่วงทดลอง ปลูกสับปะรด พันธุ์ปัตตาเวีย ซึ่งไม่ต้องดูแลมาก ไม่ต้องให้น้ำ เว้นแต่ช่วงแล้งจัดๆ ดูแลง่าย และคาดว่าจะตัดผลได้เมื่ออายุครบ 1 ปี” คุณช้างว่าอย่างนั้น
ถัดสับปะรด ก็เป็น เล็บครุฑผักชี ซึ่งเป็นพืชประดับ ส่วนใหญ่นำไปใช้ประโยชน์ด้วยการตัดนำไปเข้าช่อดอกไม้ ซึ่ง คุณช้าง ปลูกไว้ราว 1300 ต้น ปลูก 4-5 เดือน ก็ตัดส่งแม่ค้าปากคลองตลาดได้แล้ว
วิธีการตัดก็คือ ตัดถึงโคนต้น มัดเป็นกำ ๆ ละ 10 บาท จากนั้นอีกไม่นานก็จะแตกใหม่ รอตัดรอบต่อไป
เล็บครุฑผักชี
ไม้ใบประดับอีกตัวคือ ยางอินเดีย ราว 100 ต้น ที่คุณช้าง ปลูกไว้ บนสันบ่อปลา สำหรับยางอินเดีย นี้ แม่ค้าจะมารับซื้อเป็นใบๆ ละ 1 บาท เพื่อนำไปประกอบพวงหรีด ซึ่งนับเป็นพืชที่ขายได้เรื่อยๆแน่นอน เนื่องจากร้านดอกไม้ ขายพวงหรีด ต้องการไม้ใบประดับลักษณะนี้ ตลอดเวลา
ยางอินเดีย
นอกจากพืชสามชนิดนี้แล้ว คุณช้างยังปลูกไม้ยืนต้น ทั้งอินทผลัม มะพร้าวน้ำหอม มะม่วง ขนุน ไว้อีกด้วย
และเพื่อให้เป็นสวนผสมผสานอย่างแท้จริง ก็มีพืชผักสวนครัว อย่างมะนาว กะเพรา พริก ตะไคร้ ถั่วพูและถั่วฝักยาว อีกด้วย
มะนาว ที่สวนนี้ เลือกปลูกในวงยางรถยนต์ และบ่อวงซีเมนต์ ที่คุณจินดา ภรรยาคุณช้าง บอกว่า จะได้ง่ายต่อการบังคับออกนอกฤดู ส่วนพันธุ์ที่เลือกปลูกได้แก่ แป้นพิจิตร แป้นจินดา และแป้นเพชรบุรี
ส่วนถั่วฝักยาว พืชระยะสั้น ก็เก็บขายได้บ้างแล้ว และเนื่องจากปลูกโดยใช้สารชีวภาพ ไม่ใช้สารเคมี ถั่วฝักยาวสวนนี้จึงขายได้ราคาดี ถึงกิโลกรัมละ 50 บาท โดยออร์เดอร์จากญาติๆ พี่ๆ น้องๆ ก็แทบจะหมดแล้ว
ปุ๋ยหมักขี้วัว และขี้เถ้าแกลบ เป็นปุ๋ย ที่ทำใช้เอง รวมทั้งสารชีวภาพทั้งน้ำส้มควันไม้ และน้ำหมักที่คุณช้างทำเองโดยใช้ ตะไคร้ และพริก หมักในถังเพื่อนำไปฉีดพ่นฆ่าแมลง
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า คุณช้างไปได้วิชาความรู้มาจากไหน
คุณช้างตอบชัดๆ ว่า ไม่เคยทำการเกษตรมาก่อนเลย แต่อาศัยจากความชอบ ความรักในสิ่งที่ทำก่อนเป็นเบื้องแรก จากนั้นก็สืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ทล้วนๆ จนได้เทคนิคมาประยุกต์ใช้
ส่วนด้านการตลาดนั้น เขาก็มองๆ ตลาดแถวบ้านๆ ที่อาจจะนำไปวางขาย หรือฝากญาติที่มีแผงค้า ตามตลาดนัด หรือบูธในห้างสรรพสินค้า แต่ทั้งนี้ ผลผลิตที่ไม่มากมาย ค่อยทำ ค่อยเป็นค่อยไป ย่อมทำให้เกษตรกรรายนี้ มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะมาพร้อมกับแนวทางตลาดที่ชัดเจนต่อไปในอนาคต
แต่สำหรับปัจจุบัน การได้ทำในสิ่งที่หวัง และได้ลงมือกับมันอย่างจริงจัง ก็เพียงพอที่จะทำให้ได้พบกับความสุขในสิ่งที่ทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสุข ความอิ่มใจ ที่ได้เดินตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทานไว้นั่นเอง