ผู้เขียน | กาญจนา จินตกานนท์ เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ” ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ภาครัฐและเกษตรกรพยายามที่หาทางรอด ด้วยการเปลี่ยนพืชหลักใหม่ๆ เช่น ปาล์ม ทุเรียน หรือพืชชนิดอื่นๆ หรือเปลี่ยนอาชีพไปเลย หรือพยายามต่อสู้ต่อด้วยการเพิ่มมูลค่าน้ำยางพาราด้วยการนำไปทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ถ้าโปรเจ็กต์ยักษ์น่าจะเป็นการทำถนนที่ภาคใต้ ที่เห็นค่อนข้างเกร่อเต็มตลาดคือ ทำหมอนยางพารา ด้วยตลาดมีความต้องการทั้งในและต่างประเทศ จึงมีการผลิตตามๆ กัน แข่งขันกันด้วยราคา ไม่คำนึงถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐาน การผลิตที่ได้คุณภาพเป็นที่ยอมรับและพยายามมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายผู้ผลิตที่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน
เริ่มต้นพึ่งตนเอง ไม่กู้ธนาคาร เน้นกระจายรายได้ชุมชน มีรายได้ปันผลทันที
คุณเกรียงไกร เทพินทร์อารักษ์ ประธานสหกรณ์ยางพาราเนินดินแดงตราด จำกัด เล่าว่า เดิมสหกรณ์ของกลุ่มยางพาราเนินดินแดง ตั้งขึ้นเมื่อปี 2555 ช่วยเหลือเกษตรกรผลิตยางรมควันขาย แต่เห็นว่ายังเป็นการแก้ปัญหาที่กลางน้ำ เพราะไม่สามารถกำหนดราคาได้ จากข้อมูลการผลิตยางพาราวัตถุดิบส่งต่างประเทศ 90% และนำมาแปรรูปในประเทศเพียง 10% เป็นการเสียโอกาสอย่างยิ่ง ดังนั้น ในเดือนตุลาคม 2558 จึงจัดตั้งเป็นสหกรณ์ยางพาราเนินดินแดงตราด จำกัด มีสมาชิก 38 คนถือหุ้น หุ้นละ 100 บาท เงินทุนจดทะเบียน 440,000 บาท ด้วยจุดประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาราคายางพาราที่ถูกลงมาเรื่อยๆ และไม่มีโอกาสที่จะราคาสูงได้เหมือนเดิม จึงคิดหาวิธีเพิ่มรายได้ให้สมาชิกด้วยการแปรรูปน้ำยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์หมอนยางพาราเพื่อที่จะกำหนดราคาเองได้ จากนั้นเดินทางไปศึกษาดูการผลิตทางภาคใต้หลายครั้งใน 1 ปีเศษ เพื่อเรียนรู้และตัดสินใจลงทุนเครื่องจักรและหาตลาดจำหน่าย จนกระทั่งแน่ใจจึงเริ่มผลิตเมื่อเดือนมิถุนายน 2559

“แรกๆ ไม่ทราบว่าจะขายให้ใคร ใช้วิธีการทำตลาดอย่างไร จึงใช้โซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก ไลน์ ตลาดกลับขยายได้กว้าง ตอบรับดีมาก ซื้อ-ขายตรง ทำให้ผลิตไม่ทัน เพราะมีต้นทุนน้อยใช้เครื่องจักรเล็กๆ ทำได้เพียงวันละ 120-160 ใบ คือผลิตวันละ 2 กะ กะละ 12 ชั่วโมง ผลิตได้ 60-80 ใบ จึงทำแบบ 24 ชั่วโมงทีเดียว” คุณเกรียงไกร กล่าวและบอกต่ออีกว่า
“ยอมรับว่าการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นเรื่องที่ยาก เคยลองติดต่อต้องใช้เวลารอนาน และเสียดอกเบี้ยร้อยละ 4-5 นั้น กำไรที่ได้เล็กๆ น้อยๆ จะไม่ได้เป็นของสมาชิก เนื่องจากสหกรณ์เราต้นทุนการผลิตสูง ผลิตภัณฑ์ทำแบบคุณภาพจริงๆ หากกู้เงินธนาคารกำไรน่าจะต้องส่งให้ธนาคารหมด สมาชิกแทบไม่ได้อะไรเลย คิดว่าควรพึ่งตัวเองให้ได้ดีกว่า จึงระดมเงินหุ้นจากสมาชิกเพิ่ม รวมทั้งใช้เงินส่วนตัวสำรองไปก่อน ประมาณ 700,000-800,000 บาท เพื่อให้มีทุนหมุนเวียน หลักการคือจะไม่รอเงินปันผลปลายปี เป็นรูปเงินสวัสดิการ ถ้ามีรายได้เข้ามาจะปันผลให้สมาชิกเป็นรายเดือนทันที เพื่อให้มีรายได้หมุนเวียนใช้จ่ายกัน ผลตอบแทนตัวเงินอาจจะไม่สูงมากแต่คิดว่าเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนสำคัญกว่า เพราะเมื่อฝนตกพ่อบ้านกรีดยางไม่ได้ มาทำงานที่โรงงาน แม่บ้านนำปลอกหมอนไปเย็บที่บ้าน เด็กๆ นำเศษยางไปตัดกิโลกรัมละ 10 บาท จะมีรายได้ ให้เขารู้ค่าของเงิน”
ขั้นตอน วิธีการผลิต ไปดูงาน ดูตลาดก่อนทำ มาตรฐานสำคัญ
เมื่อซื้อเครื่องจักรที่ผลิตหมอนยางพารามาติดตั้ง เป็นโรงงานขนาดเล็ก ประกอบด้วย เครื่องกวน เครื่องตีฟอง ตัวแบบที่ทำ ตู้สตรีม ตู้ปั่นถังซักแห้ง ตะแกรงตากแดด และห้องสำหรับตากให้แห้ง รวมทั้งสำนักงานของสหกรณ์ที่ดิน 2 ไร่เศษ คุณชาญ สีสด อดีตประธานสภาตำบลเนินทราย บริจาคให้
ขั้นตอนการผลิต
คุณสายสุณี สีสด สมาชิกสหกรณ์ยางพาราเนินดินแดงตราด จำกัด พาชมโรงงานผลิตเล็กๆ พร้อมอธิบายกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างพิถีพิถันว่า การผลิตมี 6-7 ขั้นตอน ดังนี้
- 1. การปั่นน้ำยางข้น ใช้น้ำยาง 60 เปอร์เซ็นต์ ชั่ง 8-10 กิโลกรัม นำไปปั่นกวนในถังสแตนเลส เติมน้ำยาส่วนผสม 3 ชนิด ตามอัตราส่วน เริ่มจาก ผสมฟองสบู่ปั่นประมาณ 30 นาที ให้พองฟู น้ำใส จากนั้นใส่กำมะถันป้องกันเชื้อรา กันบูด กวนให้เข้ากันอีก 2 นาที และใส่สารที่ช่วยให้แข็งตัว คงรูป ไม่ยุบตัว กวนต่ออีก 1.40 นาที
เทน้ำยาง 60 เปอร์เซ็นต์ ลงในถังปั่น - 2. การเทใส่บล็อกหรือแบบพิมพ์ นำน้ำยางที่กวนแล้วเทใส่บล็อกรูปหมอน ปาดน้ำยางให้เรียบ ปิดฝาทิ้งไว้ให้ยางแข็งตัว 15 นาที
- 3. การอบไอน้ำ นำหมอนออกจากบล็อกใส่ตู้อบ อุณหภูมิ 100 องศาเซียลเซียส ใช้เวลา 30 นาที อบไอน้ำให้แห้ง หมอนจะพองฟู นำไปล้างน้ำ
- 4. การล้างทำความสะอาด-ตากลม ล้างน้ำให้สะอาดในถังซีเมนต์ 3-4 ครั้ง และนำไปสลัดให้แห้งด้วยเครื่องปั่นแห้ง (เครื่องซักผ้า) ประมาณ 15 นาที และนำไปผึ่งลมบนแผงตะแกรงเป่าลมด้วยพัดลมขนาดใหญ่ให้แห้ง ใช้เวลา 18 ชั่วโมง
- 5. การอบให้แห้งสนิท สร้างโรงอบใส่แผ่นกระเบื้องพลาสติกใสให้มีแสงแดดลอดเข้ามา ทำชั้นวางหมอน ให้โปร่งและใช้พัดลมเป่าช่วยให้แห้งสนิทขึ้นอีก 7 วัน
ออกจากตู้อบ - 6. การอบแห้งอีกครั้ง นำหมอนจากโรงอบเข้าตู้อบอุณหภูมิ 60-70 องศาเซียลเซียส ใช้เวลา 6 ชั่วโมงอีกครั้งให้แห้งสนิท และตัดแต่งขอบหมอนให้เรียบสวย เศษยางตัดจากขอบจะนำไปตัดชิ้นเล็กทำหมอนขนาดเล็กได้
- 7. การบรรจุแพ็กเกจจิ้ง นำหมอนที่อบแห้งเข้าโกดัง วัดความชื้นและแพ็กใส่ถุงสุญญากาศทันที เพื่อป้องกันเชื้อรา หมอนจะหดตัวบาง สะดวกพกพา จากนั้นนำไปใส่ปลอกตัวหมอน ปลอกหมอนพร้อมใช้งาน

“หมอนยางพาราที่นี่จะมีความพิถีพิถันให้แห้งสนิท ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ตามขั้นตอนให้ได้คุณภาพมาตรฐาน สูตรนี้ทำหมอนได้ครั้งละ 4 ใบ อัตราสูตรที่ใส่สารเคมีส่วนผสมต่างๆ จะมีมาตรฐานรับรองความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ จากสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล สูตรอาจจะต้องปรับเล็กน้อยตามความเข้มข้นของน้ำยางและสภาพอากาศ คนทำหน้าที่นี้ต้องประจำ เพราะจะชำนาญและไม่ผิดพลาด เนื้อหมอนทำ 2 อย่าง คือ เนื้อยางที่ขาว และเนื้อยางสีม่วงซึ่งจะใส่ส่วนผสมถ่านชาโคลจากไผ่ลงไปผสมราคาจะแพงกว่า” คุณสายสุณี กล่าว
ตลาดแข่งขันสูง มองหาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ เพิ่มมูลค่า
คุณเกรียงไกร กล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมา มี 2-3 ปัจจัยหลักๆ คือ
- 1. การแข่งขันกับตลาดใหญ่ที่ผลิตจำนวนมากๆ ทำให้ต้นทุนต่ำ จึงตั้งราคาขายได้ต่ำกว่า และมีบางรายแข่งขันตัดราคากันเอง ทำให้หมอนไม่มีคุณภาพ เสียหายกับผู้ผลิตในภาพรวม
- 2. การตลาดระยะยาวยังไม่แน่นอน เนื่องจากมีการผลิตกันแพร่หลาย ตลาดผู้ซื้อจะไม่ทำสัญญาออเดอร์ระยะยาว ทำให้ไม่มั่นใจที่จะลงทุนขยายการผลิต
- 3. ยังไม่มีเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) รับรองสินค้าที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ทำให้ทำตลาดต่างประเทศยาก แม้จะมีตลาดยุโรปสนใจ แต่การส่งตลาดต่างประเทศต้องมี มอก. รับรอง และ
- 4. สหกรณ์มีเงินทุนหมุนเวียนน้อย เนื่องจากสหกรณ์เองทำธุรกิจตัวแทนนำเข้าปลอกหมอนทั่วประเทศต้องมีเงินทุนสต๊อกผ้า รวมทั้งการจ่ายค่าแรง ทำให้ต้องชะลอเรื่องการขยายการผลิตออกไป
จังหวัดตราด เสียเปรียบที่อากาศชื้น ฝนตกมาก ต้องสร้างห้องอบและเพิ่มตู้อบให้แห้งอีกชั้นหนึ่ง ทำให้เพิ่มต้นทุน และการทำจะใช้เนื้อยางธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ราคาที่ตั้งขายอยู่เป็นราคาที่หักจากต้นทุนแล้ว กำไรเพียงใบละ 100 กว่าบาท ราคาขายส่งอยู่ที่ใบละ 500 บาท ขายปลีก 650 บาท หมอนชาโคล 750 บาท อาจจะแพงแต่รายละเอียดเรามีมากกว่า ตัวหมอน ปลอกหมอนใช้ผ้าเนื้อดีเย็บ จะทำ 2 ชั้น ใช้ผ้าทำปลอกหมอนโดยเฉพาะ มีความยืดหยุ่น นุ่ม นำเข้าจากจีน ตอนนี้หยุดความคิดขยายการผลิต ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มขึ้น มาเป็นตามเก็บทุนจากเดิม เพื่อให้สมาชิกเห็นรายได้จากเงินลงทุนมาระยะเวลา 5-6 เดือน
“เงินทุนสำรองการสั่งปลอกหมอนครั้งละสูงถึง 200,000-300,000 บาท จึงไม่อยากขยายต้นทุนติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มอีก เมื่อตลาดแข่งขันกันค่อนข้างสูง จึงหันมาทำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ที่นอน เบาะอาสน์สงฆ์ และนำเศษยางพาราเล็กๆ ทำหมอนรองคอ หมอนข้างเล็กๆ ออกมาใหม่ๆ จะขายดี แต่ต่อมาตลาดจะเงียบ จึงต้องมองหาโปรดักส์ใหม่ๆ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มเป้าหมายลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และต่างจากคนอื่น เร็วๆ นี้มีแผนการผลิตที่นอน หมอนหลุมของเด็กๆ เพราะมองเห็นว่าใช้วัสดุไม่มาก แต่เพิ่มมูลค่าได้สูง และในอนาคตมีผลิตภัณฑ์ที่รอการรับรองผลการวิจัยก่อน คิดว่าผลิตภัณฑ์ยางพาราไปได้อีกไกล แต่ต้องมองหาสินค้าตัวใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใครและตอบโจทย์ของตลาดให้ได้มากกว่า” คุณเกรียงไกร กล่าว
ผลงานโดดเด่นของสหกรณ์ยางพาราเนินดินแดงตราด จำกัด ได้คัดเลือกเข้าโครงการ 1 หอการค้า 1 สหกรณ์ และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีตราด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) คาดว่าโอกาสที่จะขยายตลาดผลิตภัณฑ์ยางพาราใหม่จะมีมากขึ้น และนั่นคือเป้าหมายการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกจะเพิ่มขึ้น สนใจสอบถามรายละเอียดดูงานได้ที่ สหกรณ์ยางพาราเนินดินแดงตราด จำกัด เลขที่ 159/3 หมู่ที่ 9 ตำบลเนินทราย อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด 23000 หรือ คุณเกรียงไกร เทพินทร์อารักษ์ โทร. (098) 959-2565