อดีต รปภ. แบงค์ชาติเดินตามฝัน สู่นักทำ “โมเดลสเกล” มือฉมัง สร้างรายได้ 7 หลักต่อเดือน!

อดีต รปภ. แบงค์ชาติเดินตามฝัน สู่นักทำ “โมเดลสเกล” มือฉมัง สร้างรายได้ 7 หลักต่อเดือน!
อดีต รปภ. แบงค์ชาติเดินตามฝัน สู่นักทำ “โมเดลสเกล” มือฉมัง สร้างรายได้ 7 หลักต่อเดือน!

อดีต รปภ. แบงค์ชาติเดินตามฝัน สู่นักทำ “โมเดลสเกล” มือฉมัง สร้างรายได้ 7 หลักต่อเดือน!

ในตอนเด็กๆ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความฝัน ซึ่งเป็นฝันอันยิ่งใหญ่ในโลกใบเล็กๆ ที่ตัวเราเองเป็นเจ้าของ บางคนสามารถทำตามฝันที่วาดเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว แต่กับบางคน อาจใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต กว่าจะได้ทำตามความฝันในวัยเด็ก

ลุงติ๊ก – ส.ท.พงศ์กาณฑ์ โกมลกนก วัย 61 ปี

“เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” มีโอกาสได้คุยกับ ลุงติ๊ก – ส.ท.พงศ์กาณฑ์ โกมลกนก วัย 61 ปี หรือที่ในวงการโมเดลสเกลรูจักกันในนาม “ลุงติ๊กสเกล” นั่นเอง คุณลุงเล่าให้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ฟังว่า กว่าจะมาเป็นลุงติ๊กสเกล ที่รู้จักกันในปัจจุบันนั้น เขาเคยเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่แบงก์ชาติมากว่า 25 ปี

“จริงๆ ลุงจบเพาะช่างมา ไม่ได้ทำงานตามสายที่เรียนมาหรอก แต่งงานมีครอบครัว ก็มาทำงานเป็น รปภ.ที่แบงก์ชาติได้หลายสิบปีเลย เรียกว่าไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับศิลปะมา 40 กว่าปี ลุงก็มีปัญหาในครอบครัว แล้วก็มีหนี้ด้วย ก็เลยเออร์ลี่รีไทร์ออกมาก่อน 2 ปี เพื่อเอาเงินก้อนมาปิดหนี้ เพราะไม่อยากเอาไปเป็นภาระลูก ออกมาอยู่กัน 3 คน กับลูกชายแล้วก็ลูกสะใภ้ เงินที่เหลือจากปิดหนี้ก็เริ่มร่อยหรอ ทีนี้บ้านลุงเขาชอบเลี้ยงสัตว์กันก็เอาเงินไปซื้อเต่า กุ้ง แล้วก็นกมาเลี้ยง เพื่อเอาพวกไข่อะไรพวกนี้มันมาขาย แต่การเลี้ยงสัตว์มันก็เป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง ก็มีช่วงเงียบๆ แล้วก็หายไป ก็มานั่งคุยกันกับลูก ว่าจะทำมาหากินอะไรต่อดี ลูกชายลุงเขาก็สะสมพวกรถเหล็ก เขาก็เห็นว่ามันมีกลุ่มคนสะสมที่จะหาฉากสวยๆ ไปวางคู่กับรถ ลูกเขาก็เห็นว่าพ่อน่าจะทำได้นะ เพราะพ่อก็จบพวกศิลปะมา ลุงก็คิดว่า เอาน่ะ ลองดูสักตั้งแล้วกัน” ลุงติ๊ก กล่าว

คุณลุง เล่าต่อว่า ด้วยความที่มีพื้นฐานทางศิลปะ แต่ไม่ได้ใช้มา 40 กว่าปี ก็มีการเคาะสนิมกันเล็กน้อย บวกกับลูกพาไปดูงานโมเดลต่างๆ และหาดูวิธีการทำโมเดลในยูทูป ก็ลองทำออกมาแบบงูๆ ปลาๆ เป็นฉากแนวๆภูเขาทั่วไป เมื่อทำเสร็จก็นำออกมาขายด้วยการประมูล เพราะไม่รู้ว่าในวงการ เขาขายกันในราคาไหน

โมเดลอนุสาวรีย์ บางแสน ผลงานชิ้นเอกของลุงติ๊ก

“โมเดลชิ้นแรกที่ทำเป็นโมเดลแนวๆ ภูเขา ตอนนั้นประมูลขายไปได้ 280 บาท ลุงก็ตื่นเต้นแล้วก็ดีใจมาก ก็คิดในใจว่าถ้าเราทำออกมาสัก 10 ชิ้น แล้วขายชิ้นละ 280 บาท ก็ได้เงินเกือบ 3,000 บาทเลยนะเนี่ย ตอนนั้นก็คิดแค่นั้นแหละ พอทำไปเรื่อยๆ สัก 4-5 ชิ้น ฝีมือมันก็พัฒนา งานมันก็อัพราคาขึ้น จนมีงานหนึ่ง ลูกไปรับมา เขาให้ทำโมเดลอนุสาวรีย์ บางแสน ให้ราคา 3,000 บาท ลุงก็รู้สึกว่ามันเป็นงานที่ใหญ่มาก สำหรับคนที่เพิ่งเข้าวงการมาแบบลุง ก็รู้สึกกดดัน เพราะสิ่งที่ลุงกลัวที่สุดในการทำโมเดล คือจินตนาการของลูกค้า ไม่ตรงกับจินตนาการของช่างนี่แหละ พอทำออกมาแล้วไปส่งงาน ได้เห็นของจริงก็อึ้ง เพราะมันเหมือนกันมาก งานอนุสาวรีย์ บางแสน ก็เลยเป็นงานที่สร้างความมั่นใจ แล้วก็แจ้งเกิดให้ลุงเป็นที่รู้จัก มีแฟนผลงาน มีงานเข้ามาเยอะจนคิวไม่ว่างเป็นปีๆ เลย 2 ปีที่ยึดอาชีพนี้มา มีงานผ่านมือมาเป็นพันๆ ชิ้นแล้วแหละ” ลุงติ๊ก กล่าวด้วยเสียงขบขัน

เอกลักษณ์โมเดลสเกลของลุงติ๊ก คือความเป็นไทยที่คุณลุงพยายามใส่เข้าไปในชิ้นงานทุกชิ้นที่ทำ วัสดุที่ใช้ทำโมเดลโดยเฉพาะมักจะมีราคาแพง เพราะเป็นของจากต่างประเทศ แต่สำหรับลุงติ๊ก แกไม่สนับสนุนและใช้วัสดุจากต่างประเทศที่มีราคาแพง แต่กลับหาของทดแทนกันง่ายๆ ตามร้านเครื่องเขียน ร้านขายอุปกรณ์ต่างๆ มาประยุกต์เข้าด้วยกันแทน งานของลุงติ๊ก จึงเป็นงานที่ใช้ฝีมือในการทำกว่า 80% เลยทีเดียว ทำให้มูลค่าสูงถึงขนาดที่ว่า มีคนมาซื้องานลุงติ๊กแล้วนำไปขายต่อก็มี

ลุงติ๊ก เล่าต่ออีกว่า 80% ของลูกค้าเป็นนักสะสมรถของเล่นมีราคา แต่พอได้ไปออกรายการบ่อยขึ้น ก็เข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่ม ความท้าทายของงานจึงมีความหลากหลายตาม ถึงโมเดลสเกลจะดูเหมือนเป็นงานเล็กๆ แต่เป็นงานที่ใช้ความละเอียด เก็บรายละเอียดค่อนข้างสูง ราคาเลยขึ้นอยู่กับขนาดและความยากง่ายที่ลูกค้าสั่งมา เพราะสเกลที่ทำต้องเป็นสเกลที่เข้ากับรถสะสมที่ลูกค้ามี

“จริงๆ ลุงก็มีวิธีการขายอยู่ 3 แบบ หนึ่งเป็นแบบพรีออร์เดอร์ คือทำแบบเดียว 20 อัน แล้วขายราคา 700 ไปจนถึงหลักหมื่น แบบที่สอง เป็นแบบประมูล ลุงทำโมเดลอะไรออกมาก็ได้ แล้วเปิดประมูลโดยเริ่มที่ 0 บาท แต่เขาก็เริ่มประมูลกันหลักพัน สองแบบนี้ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ อย่างเร็วสุดที่เคยทำมาก็ 2 ชั่วโมง เพราะลุงไม่สเก๊ตช์ใส่กระดาษแต่ลงมือทำเลย และแบบสุดท้ายคือ งานสั่งทำ แบบนี้ก็รายได้ดีหน่อย เพราะต้องทำให้เหมือนมากๆ งานบางชิ้นที่มาสั่งทำ ก็เป็นงานที่เอาไว้ดูเป็นความทรงจำของเขา เลยต้องใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษ ก็จะใช้เวลาประมาณ 1- 2 วันก็เสร็จ” ลุงติ๊ก กล่าวยิ้มๆ

หลังจากมีงานเข้ามาจนไม่มีวันหยุดพัก ก้มหน้าก้มตาทำอยู่คนเดียวจนเกิดความเหงา ลุงติ๊กหันไปปรึกษากับลูกชายและลูกสะใภ้ ว่าอยากทำงานแล้วมีเพื่อนคุยไปด้วย จึงเกิดเป็นไอเดีย เปิดสอนทำโมเดล ขึ้น แต่ก็ยังมีความกังวัล จึงทดลองจัดมีตติ้งโยนหินถามทางขึ้นที่บ้าน สาธิตการทำโมเดลที่เป็นฉากเกี่ยวกับภูเขา จนหลายๆ คนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าให้เปิดสอน คุณลุงจึงมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น

“ธุรกิจตรงนี้เป็นธุรกิจแบบครอบครัว 100% มีลุงคอยทำงาน คอยสอน ลูกชายก็ช่วยตอบแชตลูกค้า รับออร์เดอร์ ลุงไม่เคยได้รับโอกาสจากใครนะ ตอนที่เข้ามาทำแรกๆ ไปขอให้คนที่เขาทำมาก่อนช่วยสอนช่วยอะไร เขาก็กลัวเราจะไปแย่งอาชีพเขามั่ง สุดท้ายเลยมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง พอคิดถึงตรงนั้นก็เลยรู้สึกว่า อยากจะให้โอกาสคนอื่นได้มีช่องทางทำมาหากินกับเขาบ้างก็เท่านั้น พอได้สอนแล้วก็สุขใจ มีเพื่อนทำให้ไม่เหงาแล้ว”

ปัจจุบันลุงติ๊กมีลูกศิษย์ลูกหากว่า 10 รุ่น มีสมาชิกในไลน์กลุ่ม 100 กว่าคน เมื่อได้ออกสื่อมากขึ้น จากเดิมที่สอนเดือนละ 2 รุ่น ก็เปลี่ยนมาสอนสัปดาห์ละรุ่น จนตอนนี้คิวสอนเต็มไปถึงรุ่น 15 เลยทีเดียว ในการเรียนการสอนของลุงติ๊ก จะเริ่มตั้งแต่การแนะนำอุปกรณ์ ต้องใช้วัสดุอะไร ใช้สีแบบไหน เทคนิคต่างๆ ในการทำ รวมถึงการทำการตลาดด้วย นอกจากนั้นคนที่เรียนจบไปแล้ว ก็ยังสามารถติดตามและเรียนรู้จากลุงติ๊กได้ตลอด เพราะลุงติ๊กจะอัดคลิปเทคนิคต่างๆ ลงในกลุ่มอยู่เสมอ

“จริงๆ อาชีพแบบนี้ คนไทยมีฝีมือมากนะ แต่มันไม่ค่อยบูมเท่าต่างประเทศ ลุงก็อยากให้วงการงานฝีมือมันโตมากกว่านี้ ตอนนี้ลุงก็ปฏิเสธคนไปเยอะ เพราะไม่มีเวลา ก็หันมาทุ่มให้กับการสอนคนแทน 80% เป็นผู้ใหญ่อายุ 30 ขึ้นไปนะที่มาเรียน เด็กสุด 10 ขวบ ศิษย์ที่อายุเยอะสุดก็เป็นยายอายุ 82 ปี มีทุกสายอาชีพเลย คอร์สหนึ่ง ลุงคิด 2,500 บาท จะสอนในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงทุ่มกว่าๆ บางทีก็สองทุ่ม แล้วแต่เขาจะพอใจในผลงาน เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ลุงรับประกันเลยว่าเรียนไปแล้วสามารถเอาไปต่อยอดเองได้หมด วงการโมเดลมีคนเล่นเป็นแสนคน แต่ช่างทำโมเดลมีแค่ไม่กี่ร้อยคนเองมั้ง ฉะนั้นคนทำก็ต้องมีเอกลักษณ์ของงาน พอมีเอกลักษณ์แล้ว ไม่มีทางที่จะมาแข่งกันขายหรือแย่งลูกค้ากันจนขายไม่ได้หรอก ลุงเชื่ออย่างนั้น” ลุงติ๊ก กล่าว

ลูกศิษย์ตัวน้อยของลุงติ๊ก

โมเดลของลุงติ๊ก นอกจากจะเป็นที่รู้จักในไทยจนมีนักสะสมตามซื้อและลูกศิษย์ลูกหามากมายแล้ว ในต่างประเทศก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยคุณลุงเล่าให้ฟังว่า มีชาวไต้หวันเข้ามาสั่งทำงาน และมีเพื่อนบ้านเดินทางมาเรียนทำโมเดลด้วยเหมือนกัน

เมื่อถามถึงรายได้ ลุงติ๊ก กล่าวว่า รายได้ส่วนใหญ่มาจากงานโมเดลที่ขายแบบเปิดประมูลมากกว่า เมื่อรวมกันกับเงินที่ได้จากการเปิดคอร์สสอนแล้ว เดือนๆ หนึ่ง ลุงติ๊กมีรายได้อยู่ที่ประมาณหลักล้านบาทเลยทีเดียว

หากใครสนใจอยากสมัครเรียนหรือสั่งทำโมเดลกับลุงติ๊ก สามารถติดต่อเข้าไปได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ ลุงติ๊กสเกล & Diorama