“MUTTA” ห้องเสื้อแพรวาไทย สวย-แพง โดนใจ เตรียมดังไกลต่างแดน

แพรวา หรือ ผ้าไหมแพรวา เป็นผ้าทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทยหรือภูไท ซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในบริเวณแคว้นสิบสองจุไทย ภูมิปัญญาในการทอผ้าของชาวภูไท เป็นมรดกทางความคิดที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเก็บลายจากการเก็บขิด และการจกที่มีลวดลายโดดเด่น ทอด้วยไหมทั้งผืน มีสีสัน ลวดลายที่หลากหลาย นับเป็นผ้าไทยอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่ผู้นิยมผ้าไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะผ้าจาก บ้านโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการทอผ้าไหมแพรวาที่งดงามและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ

คุณเล็ก – กุลทรัพย์ เมธีไตรพัฒน์ เจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ “MUTTA” (มุตตา) วัย 55 ปี ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาเช่นกัน โดยเธอเล่าให้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ฟังว่า เดิมก่อนจะหันมาจับธุรกิจผ้าไทย เธอเคยทำงานเกี่ยวกับการออกแบบและผลิตมือถือในบริษัทฮ่องกงแห่งหนึ่ง ที่มีฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศจีน จนเมื่อ 3 ปีก่อน เธอเดินทางกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย ก็เล็งเห็นถึงกระแสความนิยมของผ้าไทย ผนวกกับตัวเธอเองนั้นชื่นชอบผ้าไทยอยู่แล้ว จึงทำการซื้อสะสมเรื่อยมา

“ธุรกิจนี้มันเริ่มมาจากความชอบ เราก็ซื้อผ้ามาเรื่อยๆ จากหลายจังหวัด ทีนี้พอซื้อไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่าผ้าแพรวาของกาฬสินธุ์ เป็นผ้าที่สวยงามมาก ก็เริ่มหันมาสะสมจนผ้ามันเยอะขึ้น จนเราเองก็ใช้ไม่หมด ด้วยความที่ทางบ้านเป็นครอบครัวใหญ่มีพี่น้องหลายคน ก็เลยชวนๆ กันมาทำธุรกิจขายผ้าแพรวา และเปิดเป็นบริษัท MUTTA THAILAND (มุตตา ไทยแลนด์) ขึ้นนี่แหละค่ะ” คุณเล็ก เล่าถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจ

เธอเล่าต่อว่า หลังจากเปิดบริษัทขึ้นมา เธอก็ขายผ้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยผ้าส่วนใหญ่ของร้าน เป็นผ้าที่มีการติดต่อทำสัญญาซื้อขายกับชาวบ้านที่ทอตามหมู่บ้าน โดยเลือกเฉพาะผ้าทอที่เป็นผ้าแพรวาและ ผ้าซิ่น จากบ้านโพน จังหวัดกาฬสินธุ์ และผ้าขิด จากอำเภอโนนเสลา จังหวัดชัยภูมิ เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีผ้าทอที่สวยงาม มีคุณภาพและอัตลักษณ์ของกลุ่มทอ

หลังจากเปิดบริษัทขายทางออนไลน์ได้ไม่นาน มุตตา ไทยแลนด์ ก็ได้รับเชิญให้ไปออกงาน Hong Kong fashion week 2019 spring summer โดยไปเดินแฟชั่นโชว์ในคอนเซป Colors of life fashion show 2019 by Mutta Thailand นี่จึงทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

“ผ้าที่เราขาย นอกจากจะเป็นผืนที่รับจากชาวบ้านมาขายแล้ว เราก็กลับมานั่งคิดว่า จะทำยังไงให้ผ้ามันมีมูลค่าขึ้น และสามารถนำมาใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ก็ตกผลึกว่า มันต้องมีการนำมาแปรรูปทำเป็นแฟชั่น ที่สำคัญราคาต้องจับต้องได้ เลยมีการศึกษาเรื่องของผ้ามากขึ้น และซื้อผ้ามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์ด้วย ทั้งเสื้อผ้า กระโปรง กระเป๋า หรือผ้าคลุม เพราะคนที่นุ่งซิ่นจริงๆ นั้นเป็นกลุ่มคนที่มีจำกัดมากๆ  เราจึงเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนที่ชอบผ้าไทยและแบรนด์เนมที่มีกำลังซื้อ เพราะผ้าราคาสูง แต่ก็ขายได้ดี ระยะเวลาเกือบปีที่เปิดบริษัทมา ขายได้มากกว่า 20 ล้านแล้ว และสามารถทำกำไรได้ดีพอสมควร แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า มุตตา เอง ก็ไม่ใช่แบรนด์ที่ขายผ้าทอไทยแบรนด์เดียว รายได้มันจึงไม่สามารถบอกได้เป๊ะๆ แต่ก็คาดว่า เราสามารถเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น เพราะขยายตลาดให้กว้างได้อีก” คุณเล็ก ว่ามาอย่างนั้น

เธอกล่าวต่อว่า ผ้าที่ขายมีหลากหลายชนิด ราคาจึงไม่เหมือนกัน อย่างผ้าซิ่นจะมีราคาตั้งแต่ 3 หมื่น หรือ 4 หมื่นขึ้นไป ส่วนผ้าแพรวา ในผืนหนึ่งจะมีหลากหลายลาย จึงทำยากและมีราคาสูงกว่าผ้าซิ่นหรือผ้าขิด โดยราคาเริ่มตั้งแต่หลักหมื่น หากเป็นลายโบราณด้วยแล้ว ราคาสามารถพุ่งไปถึงหลักแสนได้เลยทีเดียว ทางแบรนด์จึงมีการรับซื้อและสั่งทอจากกลุ่มทอผ้าโอท็อป ซึ่งจะมีการคัดผ้าส่งมาให้เลือกซื้อ และบางส่วน คุณเล็กมีการออกแบบและส่งให้ชาวบ้านทำ โดยเลือกเป็นกลุ่มชาวบ้านที่เธอสนิท มีความรู้ใจกันเป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นกลุ่มที่มีสีสันหรือแบบทอที่ตรงกับความต้องการของแบรนด์

“ผ้าทอถือเป็นงานแฮนด์เมด ที่มีความสวยงาม ประณีต ใช้เวลาทอค่อนข้างนาน และเมื่อทอออกมาครั้งหนึ่ง จะให้กลับไปทอซ้ำลายเดิมให้เหมือนนั้นเป็นไปได้ยาก เราเลยมองว่า ถ้าเมืองไทยจะผลิตสินค้าจำพวกผ้าทอแล้ว ต้องทำให้เป็นสินค้าที่สามารถผลิตได้แค่ที่ไทย เน้นไปทางแฮนด์เมดและนำมาแปรรูปเป็นแฟชั่นเพิ่มมูลค่า ที่ไม่ทอผ้าเอง เพราะเราทอผ้าไม่เป็นแล้วก็ไม่อยากแย่งงานชาวบ้านด้วย อีกอย่าง การทอผ้าเป็นภูมิปัญญาความรู้ที่เขามีอยู่แล้ว ถึงเราจะทอผ้าเองแต่ฝีมือเราก็สู้พวกเขาไม่ได้อยู่ดี” คุณเล็ก กล่าว

คุณเล็ก กล่าวว่า ผ้าของแบรนด์มุตตาทุกชิ้นจะมีคิวอาร์โค้ด ให้ลูกค้าสามารถดูรายละเอียดของผ้าได้เลยว่าเป็นลายอะไร เพราะเป็นข้อมูลที่ช่างทอผืนนั้นเป็นคนกรอกรายละเอียดบอกไว้เอง หากอินบ๊อกซ์เข้ามาถาม อาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เนื่องจากผ้าทอ โดยเฉพะาผ้าแพรวานั้นมีลายทอเป็นพันๆลาย

สินค้าของแบรนด์มุตตา ไทยแลนด์ มีตั้งแต่ ผ้าคลุมไหล่ ขนาด 50 เซนติเมตร, เสื้อแจ๊ตเกต, เสื้อผ้าไหม, ผ้าลูกไม้, ชุดและสินค้าแปรรูปอื่นๆ จากผ้าแพรวาและผ้าขิดชัยภูมิ มีหลากหลายราคาให้เลือกซื้อ

“ในตอนนี้มีขายเฉพาะในประเทศค่ะ เราเองก็มีความต้องการที่จะขยายตลาดไปต่างประเทศเหมือนกันนะ อยากเน้นไปประเทศในแถบเอเชีย อย่าง จีน ก่อน เพราะชาวเอเชียชื่นชอบความหรูหรา ซึ่งผ้าทอของไทยไม่ว่าจะเป็นซิ่นหรือแพรวา สามารถตอบโจทย์ความต้องการตรงนี้ได้ดี ก็ถือเป็นช่องทางที่น่าสนใจและต้องศึกษาข้อมูลดูก่อน” คุณเล็ก กล่าวทิ้งท้าย

หากใครสนใจ สามารถสอบถามหรือดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ เพจ Mutta มุตตา