“เคสยันต์-จานสีผึ้ง” เครื่องรางยุคใหม่ พกพาง่าย ดีไซน์ทันสมัย โดนใจสายมู

“เคสยันต์-จานสีผึ้ง” เครื่องรางยุคใหม่ พกพาง่าย ดีไซน์ทันสมัย โดนใจสายมู

เครื่องรางยุคใหม่ปัจจุบัน เครื่องรางมีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ทั้งยังมีการนำความเป็นแฟชั่นเข้ามาประยุกต์และถ่ายทอดออกมาเป็นเครื่องประดับต่างๆ เป็นการผสานความเชื่อและความเป็นแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกันนั่นเอง

คุณเกษ- เกษวดี แสงมณี วัย 36 ปี และคุณน้ำอิง– ศิรภัสสร บัวสรวง วัย 31 ปี สองสาวเพื่อนซี้ เป็นเจ้าของแบรนด์

King of Amuletแบรนด์เครื่องรางน้องใหม่ที่เปิดกิจการมาได้ 4 เดือน มี คุณเกษเกษวดี แสงมณี วัย 36 ปี และคุณน้ำอิงศิรภัสสร บัวสรวง วัย 31 ปี สองสาวเพื่อนซี้ เป็นเจ้าของแบรนด์

คุณน้ำอิง เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปว่า เธอเป็นคนชื่นชอบความสวยความงามและพวกเครื่องรางของขลัง ซึ่งได้รับอิทธิพลความชอบนี้มาจากแฟนหนุ่มผู้คลุกคลีกับวงการของขลังมานาน ผนวกกับแฟนหนุ่มของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับสามีของคุณเกษ ทั้งสองสาวจึงมีโอกาสได้พบกัน

เมื่อทำความรู้จักกันจนพบว่า ทางบ้านของคุณเกษเองก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณี ซึ่งอัญมณีแต่ละชนิดก็มีเรื่องราวความเชื่อและพลังอยู่ในตัวเหมือนกัน ทั้งคู่จึงได้มาทำธุรกิจร่วมกัน โดยคำว่า “King” มาจากการผสมกันของชื่อคุณเกษและคุณอิง กลายมาเป็น King of Amuletนั่นเอง

เครื่องรางต่างๆ ของทางแบรนด์

ในตอนแรก King of  Amulet เป็นเพียงงานอดิเรกของพวกเธอเท่านั้น เพราะทั้งสองคนมีความชอบตรงกัน คือ การสะสมพวกเครื่องรางพุทธคุณต่างๆ เมื่อของสะสมมีเยอะขึ้น จึงมานั่งคุยกันว่าลองจับมาทำเป็นธุรกิจดูดีหรือไม่

นอกจากทำเพราะความชอบแล้ว ด้วยความที่มีสายเลือดของนักธุรกิจด้วยกันทั้งคู่ ก็มองเห็นช่องทางการตลาด ว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อย มีความชอบและนิยมพวกเครื่องรางของพุทธคุณ ผนวกกับสภาพเศรษฐกิจในประเทศไทยคนก็ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับตัวเอง

ทางบ้านคุณเกษทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณี จึงสามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้ ส่วนคุณน้ำอิงเองก็มีความรู้เรื่องพุทธคุณเครื่องรางต่างๆ จึงนำเอาความเป็นพุทธคุณ มาต่อยอดเข้าด้วยกันกับความเป็นเครื่องประดับ/จิวเวลรี่ กลายเป็นธุรกิจที่ทำควบคู่กับธุรกิจหลักของทั้งคู่ ซึ่งเป็นงานด้านอสังหาริมทรัพย์ การนำเข้าวัสดุก่อสร้างและสุขภัณฑ์จากต่างประเทศ

กำไลยันต์ แบรนด์ King of Amulet
กำไลยันต์ แบรนด์ King of Amulet

จริงๆ แล้วคนที่ประสบความสำเร็จหรือเจ้าของธุรกิจต่างๆ เขามีสิ่งที่เอาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจเหมือนกันนะคะ ก็เลยเป็นสาเหตุหนึ่งเหมือน ที่ทำให้เราทั้งคู่สนใจเข้ามาทำธุรกิจนี้ เรานำเอาความเป็นพุทธคุณ มาต่อยอดเข้ากับความเป็นจิวเวลรี่ให้เครื่องรางของเราพกพาได้ มีความเก๋ น่าสนใจ สามารถใส่ได้ทุกวันคุณน้ำอิง กล่าว

เครื่องรางพุทธคุณที่เป็นรุ่นบุกเบิกของแบรนด์ King of Amulet มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง คือ จานสีผึ้ง 9 เกจิอาจารย์ ได้แก่

1.หลวงพ่อเขียน วัดถ้ำขุนเณร จ.พิจิตร
2. หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท
3.หลวงพ่อเคน วัดถ้ำอีโต้ จ.นครนายก
4.หลวงปู่ศุข วัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์
5.หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง
6.หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
7.หลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง
8.หลวงพ่อแก้ว วัดหัวนา จ.เพชรบุรี
9.หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว จ.สระบุรี

เป็นการนำสีผึ้งเข้าไปอยู่ในจานสี ซึ่งคุณน้ำอิงกับคุณเกษเป็นคนคิดและออกแบบเอง ถือเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่เจ้าอื่นๆ ยังไม่สามารถทำตามได้

จานสีผึ้ง 9 เกจิอาจารย์ แบรนด์ King of Amulet
จานสีผึ้ง 9 เกจิอาจารย์ แบรนด์ King of Amulet

2. เคสยันต์ปลุกเสก เป็นเคสเครื่องรางที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้าอีกสิ่งหนึ่ง คุณน้ำอิง กล่าวว่า ได้ไอเดียมาจากปัจจัยที่ 5 ของคนในปัจจุบัน ซึ่งนั่นก็คือ สมาร์ตโฟนหรือโทรศัพท์มือถือที่ทุกคนต้องมีติดตัวกัน โดยเคสยันต์ปลุกเสกนี้ทำมาจากแผ่นจารชนวนมวลสาร​ ที่นำมาหลอมและปั๊มขึ้นมา เคสยันต์สีทองจะเคลือบด้วยทองคำสกัด 99.99 % ส่วนสีเงิน จะเคลือบด้วยเงินบริสุทธิ์ 99.99 % ปลุกเสก​ที่​ จ.พระนครศรีอยุธยา โดย หลวงพ่อ​นพวรรณ​ วัดเสนา​, หลวงพ่อเหลือ วัดขอนชะโงก, พระครูปลัดวิชัย ปัญญาทีโป วัดสันติวิหาร และ พระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ วิธีบูชาไม่ยาก เพียงพกติดไว้กับโทรศัพท์ พลังจากอักขระยันต์และตัวเลขมงคล จะช่วยเสริมทั้งดวง เสริมโชค และทรัพย์ ต่อผู้ใช้

เธอเล่าต่อว่า โดยส่วนตัวเธอชอบเคสใสๆ และพกพวกยันต์อยู่แล้ว เธอรู้สึกว่าใช้เคสใสบ่อยๆ ก็เกิดความรู้สึกเบื่อ เลยคิดว่าจะเพิ่มลูกเล่นในเคสโทรศัพท์ด้วยการนำยันต์มาเป็นส่วนประกอบด้วยได้หรือไม่

เคสยันต์ปลุกเสก แบรนด์ King of Amulet
เคสยันต์ปลุกเสก แบรนด์ King of Amulet

อีกทั้งในตลาดวงการเครื่องรางที่ปัจจุบันก็มีคนนำมาต่อยอดให้มีความทันสมัยหลากหลายมากขึ้น แต่ยังไม่เห็นใครนำยันต์มาทำเป็นเคสโทรศัพท์ เธอเลยออกแบบและผลิตขึ้น และก็ได้เห็นว่ายันต์ธรรมดาๆ เมื่อนำมาต่อยอดใหม่ ให้มีความเป็นจิวเวลรี่ คนก็สนใจและเลือกซื้อง่ายขึ้น อย่าง คุณกึ้ง เฉลิมชัย, คุณมดดำ และดาราคนอื่นๆ ก็มาอุดหนุนซื้อไปใช้

โดยเคสยันต์มีทั้งแบบแอนดรอยด์และไอโอเอส มี 4 รุ่นคือ ยันต์ต้านชง (เสือ) จะช่วยเรื่องต้านชง ความมีอำนาจบารมี ต้านอุปสรรค, ยันต์ดูดทรัพย์ (ถุงเงินถุงทองช่วยดูดทรัพย์ โชคลาภ การเสี่ยงโชค เงินทอง เก็บเงินอยู่ การเงินคล่อง, ยันต์มหาเสน่ห์ (ยันต์จิ้งจอกช่วยเรื่อง เสน่ห์ เมตตามหานิยมดึงดูดต่อเพศตรงข้าม สงเสริมด้านความรัก และเหมาะกับการแก้ไขสถานการณ์ เหมาะกับคนที่การทำงานมีความเสี่ยง จะช่วยให้แก้ไขปัญหาได้ดี และยันต์กวักลูกค้า (นางกวัก) ช่วยให้ค้าขายดี ร่ำรวย เรียกลูกค้า เรียกเงินทอง เหมาะมากใครทำการค้า เป็นเซลส์ และมีให้เลือกด้วยกัน 3 สีได้แก่ สีเงิน, สีทอง และสีแชมเปญโกลด์

เคสยันต์ แบรนด์ King of Amulet
เคสยันต์ แบรนด์ King of Amulet

พุทธคุณรุ่นบุกเบิกของแบรนด์ชิ้นสุดท้ายคือ เสือหลวงพ่อปาน รุ่นสยบไพรี  ที่ผ่านการทำพิธีใหญ่ ณ อุโบสถมงคลโคธาวาส หรือวัดบางเหี้ย โดยเสือเป็นชุดเลขเดียวกันทั้งชุด ให้เช่าบูชา คุณน้ำอิงกล่าวว่า เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย มีพุทธคุณครบทุกด้าน ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ความคงกระพันชาตรี ศัตรูพินาศพ่ายแพ้ แต่ที่เป็นสรรพคุณที่เด่นที่สุด คือเรื่องของมหาอำนาจและการปกครอง

เสือหลวงพ่อปาน แบรนด์ King of Amulet

ต้องบอกก่อนว่า ในการทำธุรกิจ King of Amulet นี้มาจากความชอบของเราทั้งคู่ เราชอบเราออกแบบลงมือทำและส่งต่อความชอบให้คนอื่นที่ชอบอะไรแบบนี้เหมือนเรา ถ้าเราทำตามกระแสถามว่ามันดีไหม มันก็ดีแต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องตามกระแสไปเรื่อยๆ มันก็เหนื่อยนะ สู้เน้นอะไรที่เรารู้สึกชอบอยากทำ มาทำให้เป็นเอกลักษณ์ของเราไม่ต้องก๊อบปี้ใคร ไม่ต้องเน้นการตลาดมากมาย ทำเพราะชอบแบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอคุณเกษ กล่าว

ข้อดีของ King of Amulet คือเป็นแบรนด์ที่ของทุกอย่างเป็นของที่มาจากวัด สามารถตรวจสอบได้ จับต้องได้ไม่น่ากลัว อีกทั้งลูกค้าสามารถเลือกอัญมณีให้เข้ากับพุทธคุณที่เลือกบูชาได้เลย เพราะทางร้านมีวัตถุดิบ อย่างเพชรพลอยที่ใช้ร้อยเข้ากับเครื่องรางพร้อมทำได้อยู่ตลอด 

ลูกค้าสามารถควบคุมงบประมาณ ในส่วนของการเลือกอัญมณีให้เข้ากับพุทธคุณได้เลย อย่างเช่นว่า คุณอยากได้กำไลข้อมือที่เป็นเครื่องราง อยากได้หินสีนี้และเครื่องรางชิ้นนี้ ในราคาไม่เกินเท่านี้ๆ เราก็แนะนำให้ได้ ลูกค้าส่วนใหญ่เขาก็แฮปปี้ค่ะที่ได้เครื่องรางดีไซน์ที่ชอบไปบูชา พอเขาเช่าไปบูชาแล้ว พุทธคุณส่งเสริมเห็นผล ก็เกิดการบอกต่อให้เราอีกแบบ โดยที่เราไม่ต้องทำการตลาดให้มากมาย แต่ต้องบอกด้วยว่า การนำไปบูชาแล้วไม่ทำมาหากิน เครื่องรางดังๆ จากอาจารย์ไหนๆ ก็ช่วยให้ร่ำรวยไม่ได้” คุณเกษ กล่าว

ลูกค้าของแบรนด์มีอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ คือกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบจิวเวลรี่เครื่องประดับ และกลุ่มที่ต้องการพวกเครื่องรางไปบูชา และส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าผู้หญิงวัย 25 ปีขึ้นไป จนถึงวัย 50 ปีปลายๆ

ราคาเครื่องรางเริ่มต้นที่หลักพัน ไปจนถึงของเก่า/หายากราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท คุณน้ำอิง กล่าวว่าหากเป็นคนที่ในวงการเครื่องราง จะรู้ดีว่าที่ราคาเครื่องรางบางชิ้นสูง เพราะปลุกเสกโดยอาจารย์เกจิชื่อดังแล้วหากท่านมรณะภาพไปแล้ว ของก็จะเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ลูกหา นักสะสมมากขึ้น

รายได้ตรงนี้ก็สมน้ำสมเนื้อ แต่ก็ไม่ได้มีกำไรมากมาย เพราะไม่ได้หวังกำไรเยอะๆ เราแค่อยากให้คนที่มาซื้อเขาได้ของที่ดีมาจากวัดจริงๆ พอใจกับราคาที่เขาสามารถเอื้อมถึง และเราคนขายเองก็ให้เขาได้ ลูกค้าต่างชาติก็มีมาซื้อนะคะ เขาเห็นของเราตามไอจีหรือเฟซบุ๊กก็อินบ๊อกซ์มาถาม บางคนก็เป็นนักท่องเที่ยวมาซื้อหน้าร้านคุณเกษ กล่าว

ธุรกิจเครื่องรางในปัจจุบันต่างก็ปรับตัวดึงความเป็นแฟชั่นเครื่องประดับเข้ามาต่อยอดกันมากขึ้น เราไม่ได้มองว่าเจ้าอื่นๆ เป็นคู่แข่ง เพราะแบรนด์ของเรามีจุดยืนเป็นของตัวเอง ที่ทำเพราะความชอบในเครื่องรางและเครื่องประดับ ของที่ทำออกมาก็พาให้คนหันหน้าเข้าทางศาสนามากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งคุณน้ำอิง กล่าวปิดท้าย

นอกจากเคสยันต์, จานสีผึ้ง 9 เกจิอาจารย์ และ เสือหลวงพ่อปานแล้ว King of Amulet ก็มีเครื่องรางอื่นๆ ให้เลือกเช่าบูชาด้วย อาทิ พญาภู่คำ ที่ทำจากเงินแท้ประดับด้วยเพชรพลอยเพิ่มความสวยงาม และ กำไลข้อมือนะมะพะทะ กำไลยันต์หัวใจของธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ใช้เทคนิคสลักยันต์ลงไปในตัวกำไลโดยตรง ทำให้ยันต์ไม่หลุดหรือลอกออก

กำไลข้อมือนะมะพะทะ แบรนด์ King of Amu
พญาภู่คำ แบรนด์ King of Amulet
พญาภู่คำ แบรนด์ King of Amulet

หากใครสนใจ สามารถเข้าไปดูและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก: King of Amulet หรือไอจี: kingofamulet