“Jai” กระเป๋าหนังผ้าไทย เรียบหรู ลุกส์อินเตอร์

 กลับมาได้รับความนิยมเป็นระลอกสำหรับการแต่งกายด้วยผ้าไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะนอกจากช่วยปลุกกระแสความเป็นไทยให้กับคนรุ่นใหม่ ยังทำให้มีแอกเซสซอรี่หลายอย่างที่ทำจากผ้าไทยพลอยได้รับความนิยมตามไปด้วย เฉกเช่น กระเป๋าหนังผ้าไทย แบรนด์ “Jai” (ใจ) ที่หยิบวัสดุผ้าไทยมาผสมผสานกับหนังสัตว์ สร้างสรรค์เป็นกระเป๋าสุดเก๋ แต่แฝงไปด้วยความเรียบหรู หวังเอาใจสาวๆ ทุกวัย จะหิ้วหรือสะพายก็โดดเด่นทุกลุกส์ทุกวัน

1457742514354

มีเทคนิคเฉพาะตัว
กระเป๋าใบเดียวในโลก

คุณพรรษพร แรมส์บอททอม หรือ คุณอึ่ง วัย 43 ปี ดีกรีปริญญาโทบริหารธุรกิจ จากประเทศอังกฤษ เจ้าของกระเป๋าหนังผ้าไทย แบรนด์ “Jai” เธอเท้าความว่า ก่อนมาทำกระเป๋า อดีตเคยเป็นล่ามในองค์กรชั้นนำที่ประเทศอังกฤษ มีรายได้ชั่วโมงละ 25-30 ปอนด์ ทำงานนี้นาน 10 ปี เริ่มรู้สึกอิ่มตัว ประกอบกับโดยส่วนตัวชอบงานศิลปะประเภทกระเป๋า เลยไปลงเรียนออกแบบกระเป๋า เรียน 1 ปี หนที่สุดมาทำในสิ่งที่รัก นั่นคือ ธุรกิจกระเป๋าแฟชั่นภายใต้แบรนด์ตัวเอง

“ดิฉันชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีโอกาสได้ทำเป็นเรื่องเป็นราว จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีที่เล้วไปเรียนออกแบบกระเป๋าแฟชั่น กว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างดั่งเช่นปัจจุบันใช้เวลาลองผิดลองถูกเป็นปี ธุรกิจก่อตั้งเมื่อปี 2558”

คุณอึ่งกลับมาเมืองไทยเมื่อปี 2554 เธอใช้เวลา 4 ปี เสาะแสวงหาวัสดุทำกระเป๋า หญิงสาว เล่าว่า ระหว่างกลับมาเมืองไทยตระเวนไปเที่ยวทั่วประเทศ ได้ไปพบกับแหล่งผลิตผ้าไหม ผ้าไทยต้นตำรับแท้ๆ ซึ่งผ้าเหล่านี้ทอแน่น แข็งแรง เหมาะจะนำมาทำเป็นกระเป๋าได้ เช่น ผ้าปักมือของชาวไทยภูเขา ผ้าทอมือภาคอีสาน และผ้าทอลายโบราณของภาคใต้

3

สำหรับเหตุผลที่คุณอึ่งเลือกทำธุรกิจกระเป๋า เธอเผยว่า จากที่สำรวจตลาด พบว่าคู่แข่งยังน้อย ที่วางขายส่วนใหญ่เป็นแบรนด์เนมราคาค่อนข้างสูง หรือทำออกมาเป็นคอลเล็กชั่นพิเศษ มุ่งไปที่ลูกค้าวัย 45 ปีขึ้นไป กลุ่มนี้มีกำลังซื้อ แต่สำหรับแบรนด์ “Jai” ตั้งใจทำกระเป๋าหนังผสมผสานผ้าไทยโดยตรง และเจาะจงลูกค้าเป้าหมายวัยรุ่น เชื่อว่ายังมีช่องว่างตลาดที่จะแทรกตัวแจ้งเกิดได้

“ผ้าไทยมักถูกนำไปใช้ทำสินค้าแฟชั่นต่างๆ ยิ่ง 2-3 ปีมานี้ เทรนด์คนรุ่นใหม่หันมานิยมแฟชั่นผ้าไทยมากขึ้น สังเกตได้จากในโซเชียลมีเดียมีเน็ตไอดอลหลายรายสร้างชื่อจากการแต่งชุดไทย จนกลายเป็นผู้นำแฟชั่น ฉะนั้น มั่นใจว่าผ้าไทยสามารถดัดแปลงเป็นสินค้าร่วมสมัยได้”

หญิงสาวใช้เงินลงทุนเกือบล้านบาท ในส่วนวัตถุดิบที่เธอเลือกใช้ เลือกใช้หนังวัวแท้ (หนังชามัวร์ ขึ้นเงา มีเทคนิคฟอกให้น้ำหนักเบา) มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน ส่วนผ้าไทย ใช้ผ้าไหม ผ้าทอมือ ผ้าปักชาวเขา ผ้ามัดหมี่ ผ้าเหล่านี้ทอแน่นไม่เป็นขุยง่าย หัวใจสำคัญ ผ้าต้องไม่หนาหรือบางเกินไป เพราะจะส่งผลต่อรูปทรงของกระเป๋า  ส่วนอุปกรณ์ประกอบต่างๆ เช่น ซิป หมุดปัก ห่วงคล้อง ฯลฯ ล้วนใช้เกรดดีที่สุดในท้องตลาด

img_5263

ธุรกิจนี้ทำด้วยใจ
บุกตลาดสาวทุกวัย

ด้านแหล่งซื้อผ้า คุณอึ่งซื้อผ้าจากเชียงราย โคราช ซื้อจากกลุ่มแม่บ้าน ซึ่งผ้า 1 ผืนราคาตั้งแต่ 2,000-7,000 บาท ใช้ทำกระเป๋าเพียง 1 ใบ ฉะนั้น ลายจะไม่ซ้ำกันเลย เรียกว่ามีชิ้นเดียวในโลก ส่วนการผลิต ใช้วิธีจ้างช่างทำกระเป๋ามืออาชีพ ทำตามแบบที่เธอออกแบบ

“ดิฉันออกแบบกระเป๋าเอง โดยใช้ความรู้จากที่เคยเรียนมา ประกอบดูเทรนด์ความนิยมแฟชั่นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งกระเป๋ามีทั้งแบบเปลี่ยนสายได้ หิ้วได้ และสะพายได้ภายในใบเดียว กระเป๋าทุกใบเน้นโชว์ลายผ้าเต็มที่ เป็นงานละเอียดต้องพิถีพิถันมาก ฉะนั้น ต้องใช้ช่างที่ชำนาญมาก ปัจจุบัน กำลังการผลิตกระเป๋าดังกล่าว เฉลี่ยอยู่ที่ 30- 50 ใบ ต่อเดือน”

img_1165

ระยะเวลาภายใน 1 ปี กระเป๋าหนังผ้าไทย “Jai” ออกมาแล้ว 4 คอลเล็กชั่น ทุกแบบคุณอึ่งเน้นใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง ครอบคลุมลูกค้าตั้งแต่วัยทำงานตอนต้น จนถึงเกษียณเลยทีเดียว รุ่นแรก “ใจดี” เป็นกระเป๋าที่สามารถใส่ของได้เยอะ รุ่นที่สอง “ใจงาม” ถูกออกแบบมาเอาใจสาวสูงวัยเล็กน้อย รุ่นที่สาม “ใจรัก”  เอาใจวัยรุ่นด้วยทรงเป็นกระเป๋าคลัทช์ รุ่นที่สี่ “ใจภัก” ออกแบบมาเพื่อวัยทำงานเลย

สำหรับที่มาของแบรนด์ Jai (ใจ) เจ้าของธุรกิจให้คำตอบว่า ธุรกิจนี้เกิดจาก “ใจ” ตั้งแต่ใจรักผ้าไทย ขณะเดียวกัน   ชาวบ้านที่ลงมือทอผ้าก็ทำด้วยใจ ส่วนลูกค้าที่จะซื้อสินค้าประเภทนี้ก็ต้องเป็นคนที่มีใจรักในผ้าไทย และกระเป๋าด้วยเช่นกัน ดังนั้น คำว่า ใจ จึงมีความหมายครอบคลุมและเหมาะสมที่จะบ่งบอกตัวเองของแบรนด์มากที่สุด

img_1353

ด้านการทำตลาด ผู้ประกอบการไม่มีหน้าร้าน เลยเน้นช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และไลน์ ตามด้วยออกงานแสดงสินค้า และเข้าร่วมโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อรับคำปรึกษาทางธุรกิจและได้รับการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง

คุณอึ่ง ระบุว่า เลือกซื้อโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อให้ได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่ม หลังจากโฆษณาไม่นานมีออร์เดอร์เข้ามา ลูกค้าซื้อไปใช้แล้วก็บอกต่อ ทำให้มีออร์เดอร์เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ยอดขายกระเป๋าประมาณเดือนละ 50 ใบ ขายในประเทศ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่งออกไปต่างประเทศผ่านตัวแทน 30 เปอร์เซ็นต์ อาทิ อังกฤษ อเมริกา อิตาลี เกาหลีใต้